Department of English

Faculty of Arts, Chulalongkorn University


2202124  Introduction to Translation

 

 

Fiction (English-Thai) Discussion

The translations given on this page are neither comprehensive nor definitive. They are here to give you an idea of the range of possibilities and to spark discussion. Suggestions and comments are welcome.

 

Translate the following into Thai.

 

The window behind the curtain was wide open, but nobody was walking on the pavement outside. No cars went by on the street. Not the tiniest sound could be heard anywhere. Sophie had never known such a silence.

Perhaps, she told herself, this was what they called the witching hour.

The witching hour, somebody had once whispered to her, was a special moment in the middle of the night when every child and every grown-up was in a deep deep sleep, and all the dark things came out from hiding and had the world to themselves.

 

The moonbeam was brighter than ever on Sophie’s pillow. She decided to get out of bed and close the gap in the curtains.

You got punished if you were caught out of bed after lights-out. Even if you said you had to go to the lavatory, that was not accepted as an excuse and they punished you just the same. But there was no one about now, Sophie was sure of that.

She reached out for her glasses that lay on the chair beside her bed. They had steel rims and very thick lenses, and she could hardly see a thing without them. She put them on, then she slipped out of bed and tip-toed over to the window.

 

When she reached the curtains, Sophie hesitated. She longed to duck underneath them and lean out of the window to see what the world looked like now that the witching hour was at hand.

"The moonbeam was brighter than ever on Sophie's pillow."
 

 

 

Translation 1: Grammar-Translation Method


[¶1; 1]  The window behind the curtain was wide open,

หน้าต่างหลังผ้าม่านเปิดกว้าง

 

but nobody was walking on the pavement outside.

แต่ไม่มีใครเดินอยู่บนทางเท้าข้างนอก

 

[2]  No cars went by on the street. 

ไม่มีรถแล่นผ่านบนถนน

 
[3]  Not the tiniest sound could be heard anywhere.

ไม่มีเสียงแม้แต่นิดเดียวให้ได้ยิน จากไหนเลย

 

[4]  Sophie had never known such a silence.

โซฟีไม่เคยพบเจอความเงียบขนาดนี้มาก่อน


[5]  Perhaps, she told herself, this was what they called the witching hour.

สงสัยว่า โซฟีบอกตัวเอง นี่คือที่เขาเรียกกันว่าชั่วโมงเวทมนตร์

 
[¶2; 6]  The witching hour, somebody had once whispered to her, 

ชั่วโมงเวทมนตร์นั้น มีคนเคยกระซิบบอกโซฟี

 

was a special moment in the middle of the night when

เป็นเวลาพิเศษกลางดึกที่

 

every child and every grown-up was in a deep deep sleep,  

เด็ก ๆ ทุกคนและผู้ใหญ่ทุกคนหลับสนิท


and all the dark things came out from hiding and had the world to themselves.

และภูติผีปีศาจต่างออกมาจากที่ซ่อนและโลกทั้งใบ เป็นของเขา

 

[¶3; 7]  The moonbeam was brighter than ever on Sophie’s pillow.

ลำแสงจันทร์สว่างมากกว่าทุกที บนหมอนโซฟี


[ุ8]  She decided to get out of bed and close the gap in the curtains.  

โซฟีตัดสินใจลุกจากเตียงและไปปิดรอยแหวกผ้าม่าน

 

[9]  You got punished if you were caught out of bed after lights-out.

จะถูกทำโทษถ้าโดนจับได้ว่าไม่อยู่ในเตียงหลังเวลาดับไฟ


[10]  Even if you said you had to go to the lavatory,

แม้จะบอกว่าต้องไปห้องน้ำ

 

that was not accepted as an excuse and they punished you just the same.

ก็เป็นข้ออ้างที่ไม่รับ และเขาจะทำโทษอยู่ดี

 

[11]  But there was no one about now, Sophie was sure of that.

แต่ไม่มีใครเพ่นพ่านอยู่ตอนนี้  โซฟีมั่นใจ

 

[12]  She reached out for her glasses that lay on the chair beside her bed.

โซฟีเอื้อมหยิบแว่นตาที่วางอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียง

 

[13]  They had steel rims and very thick lenses,

เป็นแว่นขอบเหล็กและเลนส์หนามาก

 

and she could hardly see a thing without them.

และโซฟีแทบจะมองอะไรไม่เห็นเลยถ้าไม่ใส่แว่น

 

[14]  She put them on, then she slipped out of bed and tip-toed over to the window.

โซฟีสวมแว่น แล้วผุดออกจากเตียง และย่องไปยังหน้าต่าง

 

[¶4; 15]  When she reached the curtains, Sophie hesitated.

พอถึงผ้าม่าน โซฟีลังเล

 

[16]  She longed to duck underneath them and lean out of the window

อยากจะมุดใต้ม่านและเอนตัวออก ไปนอกหน้าต่างเหลือเกิน

 

to see what the world looked like now that the witching hour was at hand.

ไปดูว่าโลกเป็นอย่างไรในเมื่อจะถึงชั่วโมงเวทมนตร์แล้ว


Annotation

 
 




 

Translation 2: Sample for Discussion


หน้าต่างที่อยู่ข้างหลังม่านนั้นเปิดกว้างอยู่ แต่ไม่มีใครกำลังเดินอยู่บนทางเท้าข้างนอก  ไม่มีรถใด ๆ ผ่านไปบนถนน  ไม่มีเสียงที่เล็กที่สุดให้ได้ยินที่ไหนเลย  โซฟียังไม่เคยรู้จักความเงียบแบบนี้

บางที เธอบอกตัวเธอเอง นี่คือสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าชั่วโมงมนตร์แม่มด

ชั่วโมงมนตร์แม่มดนั้น ใครบางคนครั้งหนึ่งเคยกระซิบกับเธอ เป็นนาทีพิเศษในตรงกลางของคืน เมื่อเด็กทุกคนและผู้ใหญ่ทุกคนอยู่ในความหลับที่ลึกมาก และสิ่งที่มืดทั้งหมดได้ออกมาจากที่หลบอยู่ และได้โลกเป็นของพวกเขา

ลำแสงพระจันทร์สว่างกว่าทุกทีบนหมอนของโซฟี  เธอตัดสินใจที่จะออกจากเตียงและปิดช่องว่างในผ้าม่าน

คุณจะถูกลงโทษถ้าคุณถูกจับได้นอกเตียงหลังดับ ไฟ  แม้ว่าคุณจะพูดว่าคุณจำเป็นจะต้องไปห้องสุขา  นั่นก็ไม่เป็นที่ยอมรับว่าเป็นข้ออ้างอันหนึ่ง และพวกเขาก็ได้ลงโทษคุณเหมือนเดิม  แต่ไม่มีใครอยู่ตอนนี้ โซฟีมั่นใจในสิ่งนั้น

เธอเอื้อมออกไปเพื่อหยิบแว่นของเธอที่วางอยู่บน เก้าอี้ข้างเตียงของเธอ  มันมีขอบเหล็กและเลนส์หนามาก และเธอแทบมองอะไรสักอย่างไม่เห็นปราศจากมัน  เธอใส่มัน แล้วเธอเลื่อนตัวออกจากเตียง และจรดปลายเท้าไปยังหน้าต่างบานดังกล่าว

เมื่อเธอไปถึงม่านเหล่านั้น โซฟีได้ลังเล  เธอปรารถนาที่จะหลบข้างใต้มันและเอียงออกไปจากหน้าต่าง เพื่อที่จะดูว่าโลกดูเหมือนอะไร ขณะนี้ที่ชั่วโมงมนตร์แม่มดใกล้จะถึง


  


Translation 2: Sample for Discussion


บานหน้าต่างหลังผืนผ้าม่านเปิดกว้างไว้ แต่ด้านนอกไม่มีใครเดินอยู่ที่ฟุตบาท/ทางเท้า ไม่มีรถสักคันแล่นบนถนน และไม่มีแม้แต่เสียงที่แผ่วเบา  โซฟีไม่เคยรู้สึกถึงความเงียบสงัดเช่นนี้มาก่อน
หรือบางที นี่คงเป็นสาเหตุที่เขาเรียกช่วงเวลานี้กันว่า ‘ชั่วโมงปล่อยผี’  โซฟีบอกกับตัวเอง
ครั้งหนึ่งเคยมีคนกระซิบบอกเธอว่า ‘ชั่วโมงปล่อยผี’ เป็นช่วงเวลาพิเศษกลางดึกที่ทั้งเด็กๆและผู้ใหญ่ทุกคนจะหลับลึกในห้วงนิทรา  และสิ่งมืดมนต่าง ๆ อย่างภูติผีปีสาจทั้งหลาย ก็จะออกมาจากที่ ๆ หลบซ่อนอยู่และปรากฏตัวออกมาในโลกมนุษย์

แสงจันทร์ที่สาดส่องลงบนหมอนของโซฟีนั้นสว่างกว่า ที่เคย เธอตัดสินใจลุกขึ้นจากเตียงเพื่อไปดึงผ้าม่านให้ปิดสนิท
เธอจะถูกทำโทษ หากถูกจับได้ว่าลุกออกจากเตียงหลังเวลาปิดไฟเข้านอนแล้ว  ถึงแม้จะให้เหตุผลว่าต้องไปเข้าห้องน้ำก็ตาม แต่ข้ออ้างนั้นก็จะไม่ได้รับยกเว้นโทษ และเด็กคนนั้นก็จะถูกลงโทษเท่าเดิม  แต่ตอนนี้โซฟีมั่นใจว่าไม่มีใครตื่นอยู่แน่นอน

เด็กสาวเอื้อมมือไปหยิบแว่นตาหนาเตอะกรอบเหล็กที่ วางอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียง  ถ้าไม่ได้ใส่แว่น เธอจะมองเห็นอะไรไม่ชัดเลย  โซฟีสวมแว่น ก่อนจะค่อย ๆ ลุกจากเตียงและเดินย่องไปที่หน้าต่าง
เมื่อเดินไปถึงผ้าม่าน โซฟีเริ่มรู้สึกลังเลใจ ตลอดมา เธอคิดอยากจะลอดผ้าม่านและชะโงกหน้าออกไปออกนอกหน้าต่างเพื่อจะดูว่าโลกภายนอกในยาม ชั่วโมงปล่อยผีที่สิ่งมืดมนต่าง ๆ อย่างภูติผีปีสาจ ปรากฏกายออกมา จะเป็นอย่างไร

 

 

Translation 3: Sample for Discussion


หน้าต่างหลังผ้าม่านก็อ้ากว้าง แต่ไม่มีคนเดินอยู่บนทางเท้าข้างนอกเลย  ไม่มีรถราแล่นไปมาบนถนน  ไม่มีเสียงเล็ดลอดมาจากไหนเลยแม้สักนิด  โซฟีไม่เคยพบเจอความสงัดเช่นนี้มาก่อน

หรือนี่ โซฟีคิด คือที่เขาเรียกว่ายามวิกาล

ยามวิกาลเวลาอาถรรพ์ มีคนเคยกระซิบกับโซฟี คือโมงยามพิเศษกลางดึก เป็นเวลาที่เด็ก ๆ ทุกคนและผู้ใหญ่ทุกผู้หลับใหลไม่ได้สติ และผีจะออกมาจากที่ลับ มาโลดแล่นในโลกเป็นของตน


ลำแสงพระจันทร์สว่างโพลงกว่าทุกคราวบนหมอนของโซ ฟี  เลยตัดสินใจลุกขึ้นจากเตียง ไปปิดช่องผ้าม่านที่แหวกอยู่

ถ้ามีใครจับได้ว่าออกจากเตียงหลังดับไฟจะถูกลง โทษ  แม้จะบอกว่าต้องเข้าห้องน้ำ ก็ไม่เป็นข้ออ้างได้ จะถูกทำโทษอยู่ดี  แต่โซฟีมั่นใจ ตอนนี้ไม่มีใครออกมาเพ่นพ่านแน่

เอื้อมไปหยิบแว่นตาที่เก้าอี้ข้างเตียง  แว่นหนาเตอะกรอบโลหะ ถ้าไม่ใส่จะมองอะไรไม่เห็นเลย  โซฟีสวมแว่นแล้วผลุบจากเตียง ย่องไปยังหน้าต่าง


พอถึงม่านก็ชักไม่แน่ใจ  อยากมุดผ้าชะโงกออกไปนอกหน้าต่างเหลือเกิน  ไปดูซิว่าโลกจะเป็นอย่างไรหนอในเมื่อเวลาอาถรรพ์จวนจะมาถึงแล้ว



 



 

Reference

Dahl, Roald. The BFG. 1982. Puffin Books, 1984.




  

Discussion

 

 

 

 



Vocabulary




 

 


Home  |  Introduction to Translation  |  Translation Resources  


Last updated April 27, 2022