ประวัติส่วนตัว

 

วันเกิด                          24 เม.ย. 2519  กรุงเทพฯ

ที่อยู่ปัจจุบัน                 112/35  ซอยชินเขต 1/7  ถนนงามวงศ์วาน  แขวงทุ่งสองห้อง  เขตหลักสี่ 

กรุงเทพฯ  10210

โทรศัพท์  02-5891060

มือถือ  09-7701732

 

ประวัติการศึกษา

ประถมศึกษา      โรงเรียนปานะพันธ์วิทยาในพระบรมราชูปถัมภ์ ป.1-ป.6                   ปี 2525-2531

 

                มัธยมศึกษา        โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ม.1-ม.4 รุ่น 22                      ปี 2531-2535

 

                 ปริญญาตรี         คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รุ่น 48                    ปี 2535-2541

                                             จบแพทยศาสตร์บัณฑิต เกียรตินิยมอันดับสอง                               ปี 2541

 

                ปริญญาเอก       Ph.D. Neuroscience จาก School of Biological Sciences        ปี 2543-2546

                                 University of Manchester, Manchester, UK

                                           หัวข้อ Role of MAPKs in experimental diabetic neuropathy

                                            โดยได้ทุนรัฐบาลไทย

 

ที่ทำงาน                   หน่วยประสาทกายวิภาคศาสตร์

                                ภาควิชากายวิภาคศาสตร์  คณะแพทยศาสตร์  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

                                บรรจุเป็นอาจารย์ตั้งแต่ปี 2541

ความสนใจ                   ดาราศาสตร์

                               เป็นดินแดนของธรรมชาติที่มนุษย์ยังรู้จักน้อยที่สุด การเรียนรู้เกี่ยวกับจักรวาลก็คือ

                               การเรียนรู้ว่าโลกและตัวเราเกิดมาได้อย่างไร ฝันอยากเป็นนักดาราศาสตร์ แต่ไม่รู้ว่า

                               จะมาทำอาชีพอะไร ใครรู้ช่วยแนะนำด้วยครับ

                               จิตวิทยา

                               ศาสตร์ที่ใช้ในการอยู่ร่วมกับมนุษย์ในสังคมที่เราไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เคยอ่านหนังสือ

                               เขาบอกว่าเคล็ดลับในการอยู่อย่างมีสุข คือ ต้องไม่สร้างศัตรู มีเพื่อนนับสิบ ก็ไม่เท่ามี

                               หนึ่งศัตรู  ศาสตร์นี้ช่วยได้ครับ  นอกจากไม่สร้างศัตรูแล้วยังช่วยให้เราสร้างมิตรและ

                               ให้กำลังใจกับคนอื่นๆ ได้ด้วย

                               หลักธรรมในพุทธศาสนา

                               ผมไม่ใช่คนธรรมะธรรมโมอย่างที่หลายคนอาจจะคิดอยู่ เพียงแต่รู้สึกว่าหลักธรรมหลาย

                               อย่างสอดคล้องกับจิตวิทยาและวิทยาศาสตร์ และนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิต

                               ประจำวันได้ เสียดายที่การสอนเรื่องนี้ในบ้านเราเอาแต่เปลือกมาสอน สอนให้ท่องจำว่า

                               ประวัติชีวิตพระพุทธเจ้าเป็นอย่างไร วันสำคัญทางศาสนาตรงกับวันใด มีเหตุการณ์1 2 3 4

                               เกิดขึ้น ธรรมะหัวข้อนี้ประกอบไปด้วย 1 2 3 4 แต่กลับไม่สอนว่าหลักธรรมเหล่านี้จะเอาไป

                               ประยุกต์ในชีวิตจริงได้อย่างไร คนทั่วไปเลยรู้สึกว่าศาสนาไม่เห็นมีประโยชน์ และห่างไกล

                               เป็นสิ่งสูงที่ควรเก็บไว้บูชา เหมือนผมสมัยก่อน

                               การท่องเที่ยว

                               อีกส่วนหนึ่งอยากเป็นไกด์นำเที่ยวเหมือนกัน ชอบพาคนอื่นเที่ยว และตัวเองก็ชอบเที่ยวด้วย

 

คติที่ใช้               1.  สร้างตน สร้างคน แล้วสร้างชาติ

                                    ช่วงแรกเรียนหนังสือเพื่อพัฒนาตนก่อน ไม่สร้างตนเองก่อนแล้วจะช่วยเหลือ

                                    คนอื่นได้อย่างไร ต่อมาถ้ามีโอกาสก็สอนคนอื่นให้รู้ในสิ่งที่เรารู้มาบ้าง เป็นการ

                                    ให้วิทยาทาน สุดท้ายประโยชน์ที่ได้จากการพัฒนาตนเองและผู้อื่นย่อมตกอยู่กับ

                                    สังคมประเทศชาติ

 

                               2.  จงอย่าดูถูกผู้อื่น

                                    การดูถูกคนอื่นเท่ากับดูถูกตัวเอง แสดงว่าเรานี้ไม่รู้ถึงความเป็นจริงว่าคนเรามีดี

                                    ไม่เหมือนกัน บางคนอาจไม่เก่งเรียน แต่ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดี ก็สามารถประสบ

                                    ความสำเร็จในชีวิตได้ ฉะนั้นตลอดชีวิตจงอย่าดูถูกผู้ใด แล้วเราจะได้มิตรหลาก

                                    หลายสาขาความเก่งมากๆ

 

                               3.  ความสุขไม่ได้วัดจากฐานะ

                                    คนเราแข่งขันแก่งแย่งชิงดีดิ้นรนต่างๆนานาเพื่อให้ได้เงินมา แล้วหวังว่ามีเงินมาก

                                    จะมีความสุขมากตามมา ถามว่าจริงๆ เป็นอย่างนั้นหรือไม่ ความสุขนี้อยู่ที่ความพอ     

                                    พอใจว่าเราทำได้ดีที่สุดเท่านี้ ฐานะเราขนาดนี้ก็ไม่เดือดร้อนแล้ว งานที่เราทำนี้มี

                                    ความสุขถึงแม้เงินจะไม่ได้มากมายอะไรก็ตามแต่พอเลี้ยงตัวได้ หากเราไม่รู้จักพอ     

                                    ก็จะไม่รู้สึกถึงความสุขสงบเสียที

 

                               4.  หมั่นมองตัวเองในแง่ดีบ้าง

                                    ตัวผมเองเคยรู้สึกไม่มั่นใจเวลาจะทำอะไรก็มักจะได้ผลไม่ค่อยดี แต่ภายหลังโชคดี

                                    พบวิธีสร้างความมั่นใจให้กับตนเอง จากนั้นทุกอย่างก็เริ่มดีขึ้น มีคนไม่มากนัก

                                    หรอกครับที่ให้กำลังใจคนอื่น ส่วนมากมักจะชอบจับผิด ติผู้อื่นอยู่ตลอด         

                                    เราจึงต้องหาวิธีให้กำลังใจตนเองเสมอเพื่อต่อสู้กับโลกใบนี้ วิธีที่ผมใช้อยู่คือ     

                                    นึกถึงความดีหรือความสำเร็จที่ตัวเองเคยได้รับ ไม่ต้องยิ่งใหญ่อะไรก็ได้ แต่ที่สำคัญ

                                    คือ ต้องเป็นสิ่งที่สามารถทำให้เราภาคภูมิใจได้เมื่อคิดถึง หมั่นบอกกับตัวเองเสมอๆ

                                    ว่าเรานั้นก็เก่งเหมือนกันนะ มีคุณค่าเหมือนกัน และเราก็ต้องยิ่งทำตัวให้มีคุณค่า

                                    มากขึ้นๆ ทำความดี ประสบความสำเร็จมากขึ้น สิ่งเหล่านี้ก็จะย้อนกลับมาสร้าง

                                    กำลังใจให้เพิ่มขึ้นๆ เป็นวัฎจักรแห่งกำลังใจที่มีแต่มากขึ้นๆ ทุกวัน เท่านี้เราก็ไม่

                                    ่ต้องหวังคำชมจากคนอื่นอีกต่อไป แต่เรารู้กับตัวเราเองเสมอว่าเรานี้ดีอย่างไร

                

                               5.  มองโชคร้ายเป็นโอกาส

                                    ฟังดูแล้วปฏิบัติยาก แต่หากทำได้หนหนึ่ง จะพบว่าทำต่อไปได้ไม่ยากและให้

                                    ประโยชน์อย่างที่คาดไม่ถึง ยกตัวอย่างเช่น ผมสมัครเพื่อไปเรียนต่อต่างประเทศ

                                    ที่หนึ่งที่ตั้งใจมากๆ อยากจะไป ปรากฏว่าสถานศึกษานั้นตอบปฏิเสธมา         

                                    ขณะนั้นผมก็เสียใจและมองว่าเป็นเหตุการณ์ไม่ดีที่เกิดกับชีวิต ทำให้ต้องหาที่อื่น

                                    แทน ในภายหลังผมกลับพบว่าที่ใหม่นั้นดีกว่า พร้อมกว่าในด้านต่างๆ เมื่อมอง

                                    ย้อนกลับมา ถ้าผมได้ไปที่แรกจริงๆ ก็คงเป็นโชคร้ายของผม นี่แสดงให้เห็นว่า

                                    การไม่ได้อะไรมาหรือสิ่งต่างๆ ไม่เป็นไปตามคาดนั้นไม่ได้หมายความว่าเป็นสิ่งที่

                                    ี่ไม่ดีเสมอไป มันอาจจะนำไปสู่สิ่งที่ดีกว่าก็ได้ เข้าตำรามองโลกในแง่ดีเข้าไว้ 

                                    แต่ไม่ได้งมงาย เพราะมันมีตัวอย่างเกิดขึ้นจริง อย่างน้อยๆ ผมก็เจอหลายครั้งแล้ว     

                                    ทำให้เริ่มคิดให้ลักษณะนี้มากขึ้นจิตใจก็สดใส มีกำลังใจ ทนรับกับปัญหาที่ประดัง

                                    เข้ามาได้เสมอ

 

                              6.  กรรมเก่าในอดีตชาติเราแก้ไม่ได้ แต่เราสามารถกำหนดชีวิตตั้งแต่นี้ต่อไปได้

                                   คงมีหลายคนที่คิดน้อยใจว่าทำไมชาตินี้เราเกิดมาด้อยกว่าคนอื่น เจอแต่โชคร้าย

                                   หรือคนไม่ดี ก็คงต้องยอมรับส่วนหนึ่งว่าเป็นเพราะกรรมในชาติก่อน เราทำอะไร

                                   ไม่ได้มากแล้วในชาตินี้ แต่จากวินาทีนี้ต่อไปซิ ที่เรากำหนดได้ เราต้องทำบุญ 

                                   ช่วยเหลือคนอื่น ทำประโยชน์แก่คนรอบข้างและสังคม เพื่อให้แน่ใจว่า         

                                   ชีวิตต่อๆไปต้องดีขึ้นไม่มากก็น้อย ไม่มีใครทำให้เราได้ เราต้องทำเองตั้งแต่เดี๋ยวนี้