ย่ำแดนมังกรตอนที่ 1 : เหยียบแผ่นดินจีน

คุณแม่ของผมปรารถนาที่พาลูกๆ ทั้ง 8 คน ไปเยี่ยมบ้านเกิดของท่านที่ประเทศจีน อำเภอเหมยหยิน มณฑลกวางเจา คุณแม่เคยกลับไปเยี่ยมบ้านเกิด 5 ครั้ ง เคยพาแต่พี่สาวคนที่ 1 และ 2 ไปเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ครั้งหลังสุดไปกับพี่ชาย (ลูกลุง) ที่อาศัยอยู่ที่ฮ่องกงเมื่อ 6 ปีที่แล้ว เมื่อท่านทราบว่าผมจะเกษียณอายุราชการก่อนกำหนดในวันที่ 1 เมษายน 2547 คุณแม่ก็ชักชวนลูกๆ ทุกคนให้ไปเยี่ยมบ้านเกิดของคุณแม่ พวกเราปรึกษากัน และหาวันที่จะไปได้คือวันที่ 8-13 เมษายน 2547 อย่างไรก็ตาม ครอบครัวของพี่สาวคนที่ 1 กับน้องสาวคนที่ 1 ไม่สามารถไปได้ ขบวนคาราวานเยี่ยมบ้านเกิดของคุณแม่ครั้งนี้จึงมีสมาชิก 21 คน ประกอบด้วยครอบครัวของผม ภรรยา น้องแบ้งค์ และน้องโบว์ มีโอห์ม (ลูกชายคนโตของน้องสาวคนที่ 1) มาด้วย


คุณแม่, พี่แวน (พี่สาวคนที่ 3)กับปูเป้ลูกสาว, อัล (น้องสาวคนที่ 2), และน้องบัว ลูกสาวของน้องชายคนที่ 1


วรวุฒิ (น้องชายคนที่ 1) พร้อมครอบครัว กับธงชัย (น้องชายคนที่ 2) พร้อมครอบครัว


พี่โศรยา (พี่สาวคนที่ 2) พร้อมลูกชาย 2 คน พวกเราใช้บริการบริษัททัวร์ของไทย ขึ้นเครื่อง "การบินไทย" ออกเดินทางจากดอนเมืองเวลา 18.00 น. ของวันที่ 8 เมษายน 2547 ถึงสนามบินของฮ่องกงเวลา 20.30 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง มีมัคคุเทศน์ (Guide) ของบริษัททัวร์เป็นนักศึกษาคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทำงาน Part-Time ดูแลพวกเราตั้งแต่สนามบินดอนเมือง เมื่อมาถึงฮ่องกงมีมัคคุเทศน์ชาวฮ่องกงมาประสานงาน ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง พวกเราต้องขึ้นรถบัสเดินทางเข้าประเทศจีนที่เมืองเซินเจิ้น จากสนามบินใช้เวลาประมาณ 30 นาที เมื่อผ่านด่านเราต้องเปลี่ยนรถบัสและเปลี่ยนมัคคุเทศน์เป็นชาวจีน พูดภาษาอังกฤษ ภาษาจีนกลาง ภาษาจีนกวางตุ้ง แต่พูดภาษาจีนแคะไม่ได้ มัคคุเทศน์ไทยพูดภาษาอังกฤษกับภาษาจีนแต้จิ๋ว พวกเราเลยต้องใช้หลายภาษาเพื่อการสื่อสาร


เมื่อมาถึงเมืองเซินเจิ้น เมืองหน้าด่านที่อยู่ใกล้กับฮ่องกงมากที่สุด มีทั้งถนนเชื่อมต่อ, ทางรถไฟ และอุโมงค์ใต้น้ำ มัคคุเทศน์ชาวจีนพาพวกเราไปทานอาหารมื้อค่ำ (ประมาณ 21.30 น.) ที่ภัตตาคารจีนแห่งหนึ่ง มีแต่พวกเราพร้อมมัคคุเทศน์ชาวไทยและชาวจีน รวม 23 คน เป็นโต๊ะจีน 2 โต๊ะ และโต๊ะของมัคคุเทศน์อีก 1 โต๊ะ


หลังอาหารค่ำ พวกเรานั่งรถบัสส่วนตัวออกเดินทางจากเมืองเซินเจิ้น ไปยังอำเภอเหมยหยิน มณฑลกวางเจา ไกด์บอกว่าจะใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง พวกเราเลยหลับในรถมาตลอดทาง ถึงโรงแรมเทียนจินเวลาประมาณ 04.00 น. ต่างแยกย้ายเข้านอนห้องละ 2 คน ผมนอนกับน้องแบ้งค์ ส่วนแฟนนอนกับน้องโบว์ ราคาค่าห้องคืนละ 600 หยวน (1 หยวน= 5 บาท) โรงแรมเพิ่งสร้างได้ปีกว่าๆ มีสิ่งอำนวยความสะดวกอยู่ในเกณฑ์ดีมาก


ห้องนอนของแฟนเป็นแบบ Deluxe เนื่องจากห้องที่จองมา พอถึงเวลาขาดไป 3 ห้อง ทางโรงแรมเลยเปิดห้อง Deluxe ให้แทน มีห้องรับแขก ห้องนอน และห้องน้ำขนาดใหญ่ ที่น่าสนใจ ที่อาบน้ำเป็นแบบทันสมัย เปิดน้ำอาบได้ 5 ทิศทาง เล่นเอาคนกรุงเทพฯ ใช้เวลาหลายสิบนาทีในการเรียนรู้วิธีการใช้


โรงแรมนี้มี 5 ชั้น ตั้งอยู่บริเวณสี่แยกของตัวอำเภอ ถนน 4 เลน ปลูกต้นไม้ริมสองข้างถนน และเกาะกลางถนน บริเวณสี่แยกนี้จะเป็นห้างร้านแหล่ง Shopping ของคนในอำเภอนี้ มีร้านไก่ทอด Kentucky Fried Chicken และร้านแฮมเบเกอร์ McDonald อยู่ที่บริเวณสี่แยกตรงข้ามโรงแรม ที่โรงแรมเราได้พบไกด์ท้องถิ่น พูดภาษาแคะได้อย่างเดียว ซึ่งบริษัททัวร์จัดหามาให้ประสานงานกับไกด์คนไทย ที่น่าแปลกอีกอย่างคือ โรงแรมนี้พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย ยกเว้น Bell Boy 1 คนที่เป็นคนท้องถิ่น แต่สามารถพูดภาษาอังกฤษพอใช้ได้ ส่วนรถบัสส่วนตัวสีเขียวจอดอยู่กับเราตลอดเวลา โชเฟอร์เขาจะหาโรงแรมราคาย่อมเยานอนอยู่ใกล้ๆ ต้นไม้ที่ปลูกบริเวณโรงแรม ถนน ส่วนใหญ่เป็นต้นงิ้ว กำลังออกดอกสีแดงดอกใหญ่


ไกด์คนไทยตั้งให้โรงแรมปลุกพวกเราเวลา 07.00 น. เพื่อไปทานอาหารเช้า ซึ่งเขาจัดเป็นโต๊ะจีน 2 โต๊ะ อาหารหลักๆ จะเป็นขาหมู ไก่ตอน ปลานึ่ง ผักผัดน้ำมันหอย แกงจืดสาหร่าย ห่านพะโล้ ฯลฯ รายการอาหารคาว 9 อย่าง ตบท้ายด้วยของหวานพวกผลไม้ เผือกกวนใส่แป๊ะก๊วย เป็นต้น เมื่อทานอาหารเสร็จก็เตรียมตัวมารอกันด้านหน้าของโรงแรม เพื่อขึ้นรถบัสเดินทางไปยังบ้านเกิดของคุณแม่ ซึ่งจากการสอบถามไกด์จีนแคะ เขาบอกว่าอยู่ห่างจากที่พักไปประมาณไม่เกิน 1 ชั่วโมงครึ่ง


ทำความปรารถนาของแม่ให้เป็นจริง......บุญนาท ลายสนิทเสรีกุล
GO TO HOME PAGE