พวกเราออกเดินทางจากโรงแรมเทียนจินเวลาประมาณ 8.30 น. เราขอ Bell Boy ที่พูดภาษาอังกฤษได้ และเป็นคนท้องถิ่นไปด้วย ถนนในอำเภอเหมยหยิน เป็นถนน 4 เลน เพิ่งสร้างใหม่ได้ 3-4 ปี บ้านเรือนทันสมัย เป็นตึกแถว 6-8 ชั้น รถจักรยานสมัยเก่าแทบมองไม่เห็น มีแต่รถจักรยานยนต์ซึ่งประเทศจีนสร้างเอง และส่งมาขายเมืองไทย ราคาคันละ 15,000 บาท ส่วนใหญ่ใช้ไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ เพื่อเป็นการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจากมลภาวะ
เราออกจากตัวอำเภอมุ่งไปตามที่คุณแม่บอกไกด์นำทางและ Bell Boy ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง คุณแม่บอกว่าไม่น่าจะนานขนาดนี้ และภูมิประเทศก็ไม่เหมือนกับเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ที่คุณแม่มา เราเลยให้ Bell Boy ลงไปสอบถามชาวบ้าน ชาวบ้านบอกว่ามาผิดเส้นทาง บ้านเกิดของคุณแม่อยู่ใกล้ๆ กับตัวอำเภอ
พวกเราเลยต้องกลับรถย้อนเข้าตัวอำเภอ และลงสอบถามชาวบ้านริมถนน ชาวบ้านอายุ 50-60 ปีช่วยพวกเราได้มาก มีชาวบ้านใจดีอาสาขี่รถจักรยานยนต์พาพวกเราไป
จากตัวอำเภอ ใช้เวลาวิ่งประมาณ 30 นาที ก็มาถึงทางเข้า คุณแม่บอกว่าเปลี่ยนแปลงไปมาก เมื่อก่อนเป็นบ้านเก่าๆ เดี๋ยวนี้เป็นตึกแถวเพิ่งสร้างใหม่ได้ 1-2 ปี ทางเข้าเมื่อก่อนเ ป็นถนนลูกรัง เดี๋ยวนี้รัฐบาลสร้างเป็นถนนคอนกรีตความกว้าง 4 เมตร จากถนนใหญ่เข้าไปในหมู่บ้านของคุณแม่ โชคดีที่พวกเรานั่งรถบัสขนาดเล็ก จึงสามารถวิ่งเข้าไปได้ ด้านขวาของถนน เมื่อก่อนเป็นคลอง ตั้งแต่รัฐบาลทำเขื่อน คลองก็เลยกลายเป็นที่นา ให้ชาวบ้านปลูกข้าวได้ปีละ 2-3 ครั้ง
เราเห็นบ้านเรือนแบบเก่าแต่มีลักษณะการบูรณะซ่อมแซมค่อนข้างใหม่ คุณแม่บอกว่าลูกหลานในหมู่บ้านเมื่อ 50-60 ปีก่อน ก็จะออกไปผจญภัย เสื่อผืน หมอนใบ เดินทางโดยเรือสำเภา ไปทำมาหากินในต่างประเทศ เช่นประเทศไทย เวียตนาม ลาว สิงคโปร์ ฮ่องกง แม้แต่ในประเทศสหรัฐอเมริกา หรือยุโรป เมื่อมีฐานะดีก็จะกลับมาเยี่ยมบ้านเกิด และนำเงินมาบูรณะบ้าน ยิ่งเดินทางเข้าไปลึกเท่าใด ก็จะเห็นบ้านเก่าๆ ที่มีการบูรณะแบบดั้งเดิม ไม่เป็นแบบทันสมัย แต่ภายในบ้าน กลับพรั่งพร้อมด้วยโทรทัศน์ วิทยุ พัดลม เครื่องซักผ้า และสิ่งอำนวยความสะดวกสมัยใหม่
เวลาประมาณ 10.00 น. รถบัสผ่านบ้านเกิดของแม่ไปเล็กน้อย ก็ถึงบริเวณบ้านที่คุณลุง คุณพ่อ และพี่ชายที่อยู่ฮ่องกง รวมเงินกันซื้อที่ดินปลูกบ้าน แทนบ้านเก่าของคุณปู่ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามลำคลอง บริเวณเชิงเขา (ตอนหน้าจะพาไปดูบ้านของคุณปู่) พี่ชายที่อยู่ฮ่องกง พร้อมภรรยาและลูกสาว เดินทางมาก่อนพวกผม มารออยู่ที่บ้านนี้แล้ว พร้อมลูกหลานของคุณลุง มีศักดิ์เป็นพี่ชาย พี่สาว น้องชาย น้องสาว หลานชาย หลานสาว รอกันอยู่พร้อมครอบครัว ร่วม 30 คน พอพวกเราจอดรถ ก็ได้รับการต้อนรับด้วยเสียงประทัด 1,000 นัด เล่นเอาชาวบ้านชาวช่องบริเวณใกล้เคียงออกมาดูกันใหญ่ ทราบภายหลังว่าไม่เคยมีรถบัสพาคณะทัวร์จำนวนมากขนาดนี้มาเยือน ในรอบ 10 ปี
พี่สาวลูกลุงอายุ 60 และ 62 ปีออกมายืนต้อนรับ และเชิญพวกเราไปที่ห้องรับแขก มีม้านั่งแบบที่พวกเราเคยเห็นในหนังจีนกำลังภายใน เรียงอยู่จำนวนมาก
คณะผู้มาเยือนไม่ค่อยถนัดนั่งม้านั่งไม้ เลยขอนั่งเก้าอี้หวาย ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก
เจ้าภาพเลี้ยงชาจีน บริเวณห้องโถง ตั้งป้ายบรรพบุรุษ มีคุณปู่ คุณย่า คุณลุง คุณป้า และคุณพ่อของผม ด้านข้างแขวนรูปคุณลุงด้านหนึ่ง คุณป้าด้านหนึ่ง เนื่องจากบ้านหลังนี้ คุณลุงออกเงินสร้างมากกว่า
ด้านหน้าป้ายบรรพบุรุษ วันนี้เขาตั้งแท่นบูชา ใช้ดอกแปรงขวดสีแดง ซึ่งปลูกอยู่ในบริเวณบ้าน ตั้งแจกันขนาดใหญ่ หลานสาวที่อยู่ที่นี่ ทำหน้าที่จุดธูปแดงขนาดใหญ่ เพื่อให้พวกเราได้ไหว้บรรพบุรุษ
พวกเรา 21 คน ได้รับแจกธูปแดงกราบไหว้ฟ้าดิน และแผ่นป้ายบรรพบุรุษ เพื่อบอกกล่าวให้ท่านได้ทราบว่า พวกเราเดินทางจากประเทศไทย มาถึงโดยสวัสดิภาพ มาเยี่ยมเยียนท่าน และลูกหลานของท่านที่อยู่ในประเทศจีน
เราได้พบพี่ชายที่อยู่ที่ฮ่องกงแต่แต่งงานกับพี่สะใภ้ (ชาวสกลนคร) และหลานสาว ซึ่งพี่ชายเดินทางกลับไปประเทศไทย เพื่อรับพี่สะใภ้และลูกสาว มาเที่ยวเมืองจีนด้วย
หลังเสร็จพิธีไหว้บรรพบุรุษ พวกเราก็ออกมาลานหน้าบ้าน เพราะในบ้านคละคลุ้งไปด้วยควันธูป บ้านหลังนี้มีห้องนอน 15 ห้อง มีลูกลุงอาศัยอยู่ 3 ครอบครัว หลานๆ ที่จบมหาวิทยาลัยแล้ว ตอนเช้าก็จะเข้าอำเภอเพื่อทำงาน หลานคนหนึ่งเป็นเซลขายรถยนต์ฮอนด้า อีกคนหนึ่งขายประกันชีวิต มีเรื่องน่าสนใจเรื่องหนึ่ง รถยนต์โตโยต้าไม่สามารถทำความตกลงกับรัฐบาลจีนได้ จึงไม่สามารถมาเปิดโรงงานที่ประเทศจีน แต่รถยนต์ฮอนด้าสามารถทำได้ ดังนั้นจึงเห็นแต่รถยนต์ฮอนด้าในอำเภอนี้
พวกเราออกมาเตรียมตัวเพื่อจะเดินไปเยี่ยมบ้านเกิดของคุณแม่ ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับบ้านหลังนี้ ส่วนบ้านเก่าของคุณปู่อยู่ฝั่งตรงข้าม ต้องเดินผ่านทุ่งนา ซึ่งเมื่อก่อนเป็นคลอง ข้ามเนินเขาเตี้ย บ้านของคุณปู่อยู่หลังเขาครับ