เช้าวันนี้ พวกเราแต่งตัวเก็บข้าวของ ลงมาทานอาหารเช้า เพื่อเตรียมตัวเดินทางออกจากเมืองเหมยหยิน กลับไปยังเมืองเซินเจิ้น เป็นการสิ้นสุดการเยี่ยมเยียนบ้านเกิดของคุณแม่ และเริ่มต้นการท่องเที่ยวประเทศจีนที่เมืองเซินเจิ้น ผมและครอบครัวเลยออกมาเดินเล่นที่สวน กลางโรงแรมเทียนจิน
ผมขอถ่ายรูปกับ Bell Boy ของโรงแรมเทียนจิน ผู้มีน้ำใจพาพวกเราไปค้นหาบ้านเกิดของคุณแม่จนพบ และร่ำลาไกด์ชาวจีนแคะซึ่งทำหน้าที่เป็นไกด์ ขณะที่เราอยู่ในเมืองเทียนจิน ไกด์สาวชาวไทย นักศึกษาสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ยังอยู่กับเราตลอดการเดินทาง กำลังชี้แจงจุดมุ่งหมายของการเดินทาง พวกเราจะต้องนั่งรถบัส ย้อนกลับไปยังเมืองเซินเจิ้น ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง ระหว่างทาง พวกเราจะแวะทานอาหารกลางวัน บริเวณที่พักริมทาง คาดว่าจะถึงที่พักริมทางในตอนเที่ยง
เวลาประมาณเที่ยง รถบัสของเราก็มาถึงที่พักริมทาง เป็นลานกว้างขนาดใหญ่ มีปั๊มน้ำมัน ห้องน้ำขนาดใหญ่ ร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึก พวกเราลงมายืดเส้นยืดสาย ล้างหน้าล้างตา แล้วไปทานอาหารกลางวัน
พวกเราพบนักท่องเที่ยวชาวไทย 2 กลุ่ม กลุ่มละประมาณ 10 กว่าคน คุยภาษาไทยเสียงดังไปทั่วห้องอาหาร อาหารที่นี่ก็จัดเป็นโต๊ะจีนเช่นเคย มีแกงจืดชามใหญ่ และกาละมังอลูมิเนียมใส่ข้าว ให้พวกเราเติมได้ตลอด คณะของเราเพิ่งทานอาหารเช้ามาเมื่อตอน 08.00 น. เลยยังไม่ค่อยหิว ทานเสร็จก็ออกมาเดินดูของที่ระลึก อุดหนุนผลไม้แห้งใส่ถุงพลาสติก เพื่อนำไปทานบนรถ
เวลาประมาณ 15.00 น. รถบัสของเราก็เข้าเขตเมืองเซินเจิ้น เมืองนี้อยู่ใกล้กับฮ่องกงมากที่สุด เพิ่งสร้างเมืองมาได้ประมาณ 5 ปี เดิมเมืองนี้เป็นแหล่งปลูกลิ้นจี่ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศจีน รัฐบาลกลางได้เวนคืนที่โดยให้ราคาสูงมาก ประมาณ 1 แสนหยวน (500,000 บาท) ต่อไร่ และกันที่ดินไว้ให้เจ้าของสวนปลูกคอนโดมิเนียมเพื่อหารายได้ รวมทั้งให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเพื่อใช้ทำธุรกิจ ไกด์บอกว่าชาวสวนลิ้นจี่กลายเป็นเศรษฐีกันทุกคน ไกด์ได้พาพวกเราไปเยี่ยมชมโรงงานไข่มุก ซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับการเลี้ยงมุก ทำเครื่องประดับเกี่ยวกับมุก และครีมผงมุกสำหรับทำให้ผิวขาว พวกผมได้แต่ดูเพราะราคาค่อนข้างแพง
จากนั้นไกด์ก็พาพวกเราไปเที่ยว Windows of the World เหมือนกับเมืองจำลองผสมกับเมืองโบราณ แต่สถานที่แห่งนี้อยู่กลางใจเมืองเซินเจิ้น มีนักท่องเที่ยวเป็นชาวจีนจากมณฑลอื่นๆ มาเที่ยวกันมาก พี่สาวคนที่ 3 ตกลงจะพาคุณแม่นั่งรถรางลอยฟ้าชมสถานที่ สำหรับครอบครัวอื่นๆ ตกลงจะแยกย้ายไปดูสถานที่ต่างๆ ที่แต่ละครอบครัวสนใจ นัดหมายจะมาพบกันที่ด้านหน้าเวลาประมาณ 18.00 น. เพราะจะมีการแสดงให้ชมเวลา 18.30 น.
ผมและครอบครัวยืนถ่ายรูปอยู่ด้านหน้า แล้วก็เดินเข้าไปในสำนักงานกลางของ Windows of the World ภายในมีหุ่นจำลองของสถานที่และแผนผัง รวมทั้งของที่ระลึกต่างๆ ซึ่งราคาค่อนข้างสูง
ผมและครอบครัวออกเดินวนซ้ายมือ เจดีย์สีทองที่พบเป็นสิ่งแรกคือ เจดีย์ชเวดากองของประเทศพม่า ถัดไปเป็นเจดีย์ของประเทศเนปาล
ถัดไปเป็นนครวัดของประเทศกัมพูชา เดินเลยไปอีกหน่อยเป็นของประเทศญี่ปุ่น
บริเวณประเทศญี่ปุ่น มีต้นซากุระกำลังออกดอกบานสะพรั่ง ผมและน้องโบว์เลยถ่ายรูปไว้ ถึงรู้ว่าเป็นดอกไม้ประดิษฐ์ บริเวณกลางน้ำมีประตูสีแดงซึ่งจัดเป็นสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่นชิ้นหนึ่ง
พวกเราเดินผ่านทัชมาฮาลของประเทศอินเดีย แล้วเข้าสู่หมู่ประเทศยุโรป เช่นนอร์เวย์ เนเธอแลนด์ จนถึงสวนของประเทศอังกฤษ พบห้องสุขาสาธารณะ ก็เลยแวะใช้บริการ เมื่อผมทำธุระเสร็จก็ออกมานั่งคอย และดูแผนที่ประกอบ สักพักน้องโบว์ก็ออกมาพร้อมภรรยาของผม น้องโบว์เล่าเรื่องสุขาหญิงให้ฟังด้วยเสียงตกใจ พอน้องโบว์เดินเข้าไป เห็นมีสาวชาวจีนทั้งวัยรุ่นและวัยดึก กำลังทำธุระส่วนตัวกันอยู่หลายห้อง โดยทุกห้องเปิดประตู น้องโบว์ตกใจเลยรีบออกมาทันที ทราบภายหลังว่า ห้องน้ำหญิงไม่มีการใส่กลอนหรือปิดประตู คนจีนเขาเข้าห้องน้ำกันแบบนี้
พวกเราเดินต่อไป ผ่านประเทศอียิปต์ซึ่งใช้สัญลักษณ์เป็นปิรามิด น้ำตกไนแองการาของประเทศคานาดา สำหรับประเทศสหรัฐอเมริกา จำลองเกาะแมนฮัตตันและเทพีสันติภาพ อยู่กลางสระน้ำ
พวกเราเดินต่อไปผ่านประเทศบราซิล ซึ่งมีนักท่องเที่ยวหลายคน ขึ้นบันไดเพื่อเดินขึ้นไปข้างบน แต่คณะของผมของดไม่ปีนขึ้นไป พวกเราเดินผ่านไปชมสัญลักษณ์ของประเทศเปรู
เมื่อถึงเวลานัด คณะของผมก็มาสมทบกับคนอื่นๆ ด้านหน้าเวทีที่ทำเป็นรูปโลก ภายในเป็นเวทีสำหรับนักแสดง ด้านหลังของเวทีที่เป็นรูปโลก เป็นหอไอเฟิล สัญลักษณ์ของประเทศฝรั่งเศส พอใกล้ค่ำมีการเปิดไฟที่หอไอเฟิล
พอเวลาประมาณ 19.00 น. การแสดงก็เริ่ม การแสดงมีหลายชุด แต่ละชุดใช้คนแสดงจำนวนมาก มีทั้งของจีน อียิปต์ เปอร์เซีย อินเดีย ไทย ยุโรป ฯลฯ ใช้เวลาแสดงครบทุกชุด ประมาณ 3 ชั่วโมง พวกเราพบนักท่องเที่ยวที่มาจากไทย 5 กลุ่ม ๆละ 30-40 คน ทุกกลุ่มไกด์จะถือธงไตรรงค์นำขบวนเข้ามาชม ที่ด้านหน้าเวทีซึ่งมีการจองล่วงหน้าไว้แล้ว
เมื่อจบการแสดง ไกด์ก็พาพวกเราไปทานอาหารที่ภัตตาคารแห่งหนึ่งไม่ไกลจาก Windows of the World ภายหลังการทานอาหารมื้อค่ำ พวกเราก็จะเข้าพักที่โรงแรม นัดเวลากับไกด์ประมาณ 09.00 น. อาหารมื้อนี้นับว่าอร่อยที่สุด คงเนื่องมาจากพวกเราเหน็ดเหนื่อยกับการเดินชม Windows of the World ทำให้อาหารทุกอย่างบนโต๊ะแทบไม่พอทาน หลังจากอิ่มหนำสำราญพวกเราก็เดินทางเข้าโรงแรมที่พักในเมืองเซินเจิ้น