ย่ำแดนมังกรตอนที่ 5 : เที่ยวมาบุญครองเมืองเซินเจิ้น...ข้ามไปฮ่องกง

ที่เมืองเซินเจิ้น หลังจากเที่ยวชม Windows of the World และรับประทานอาหารค่ำเสร็จแล้ว พวกเราก็เข้าที่พักที่โรงแรม Felicity เป็นโรงแรมขนาด 30 ชั้น ห้องนอนเล็กกว่าที่โรงแรมเทียนจิน อำเภอเหมยหยิน แต่ค่าห้องแพงกว่า ตกคืนละ 4,000 บาท


อาหารเช้าของโรงแรมแห่งนี้ เป็นบุฟเฟท์แบบตะวันตก พวกเด็กๆ ชอบ เพราะที่ผ่านมาทานแต่อาหารจีนแบบโต๊ะจีน อาหารเช้ามื้อนี้เลยค่อนข้างคุ้นเคยกับพวกเรา มีทั้งข้าวต้มขาว กับกับข้าว ประเภทกระเทียมดอง ใบปอ ผัดหัวไช่โป้ว กุนเชียง ฯลฯ อีกกลุ่มก็จะเป็นพวกบะหมี่ผัดกับผักกู้ไช่ เส้นหมี่ผัดซีอิ้ว อีกกลุ่มก็เป็นพวกไส้กรอก ไข่ดาว ขนมปังปิ้ง ไข่คน (OMLET) ไข่ต้ม แฮม ขนมปังชนิดต่างๆ แยม เนย ฯลฯ อีกกลุ่มเป็นเครื่องดื่มพวกน้ำส้มคั้น น้ำมะเขีอเทศ นมสด น้ำเปล่า ของหวานเป็นผลไม้สดชนิดต่างๆ แถมมีปาท่องโก๋จิ้มนมข้นหวาน พวกเราทานกันจนอิ่มแปร้ มีนักท่องเที่ยวไทยหลายกลุ่มในห้องอาหาร


ไกด์ชาวไทยบอกว่า พวกเราจะไปเที่ยวมาบุญครองของเมืองเซินเจิ้น เป็นแหล่งเสื้อผ้า กระเป๋า นาฬิกา ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด คนไทยที่มาเที่ยวจะแวะซื้อเสื้อผ้าคุณภาพดีที่นี่ กระเป๋าหนังยี่ห้อดังๆ ของโลกเช่น หลุยส์ วิตตอง ก็มี ส่วนนาฬิกายี่ห้อดังๆ ของโลกเช่น ROLEX ก็มีให้เลือกหลายแบบ มาบุญครองแห่งเซินเจิ้นเป็นอาคารอยู่ตรงข้ามกับโรงแรมที่พัก ด้านล่างจะเป็นสถานีรถไฟ ในตอนเช้าจะมีผู้คนคึกคักมาก ส่วนใหญ่จะเดินทางจากเซินเจิ้นไปฮ่องกงในตอนเช้า และกลับมาในตอนเย็น พวกเราเก็บข้าวของเพราะในตอนบ่ายเราจะออกเดินทางต่อไปยังฮ่องกง เวลาประมาณ 09.30 น. พวกเราก็ออกเดินทางจากโรงแรม ข้ามสะพานลอย ก็มาถึงมาบุญครองแห่งเมืองเซินเจิ้น


มาบุญครองแห่งเมืองเซินเจิ้นเป็นอาคาร 6 ชั้น ชั้นใต้ดินเป็นสถานีรถไฟ ภายในแบ่งซอยเป็นร้านขนาดเล็กมากมาย เวลาก่อนเที่ยงเป็นเวลาที่เช้าเกินไปสำหรับที่นี่ ร้านค้าจำนวนมากยังไม่เปิดทำการ ขบวนนักเที่ยวของผมตกลงจะแยกออกเป็นแต่ละครอบครัว เพราะความสนใจไม่เหมือนกัน และนัดพบกันที่โรงแรมที่พักเวลา 12.00 น. เพื่อทานอาหารกลางวัน ผมและครอบครัวตกลงจะขึ้นไปชั้นบนสุดก่อน และค่อยๆ เดินดูลงมาเรื่อยๆ บรรยากาศของที่นี่เหมือนมาบุญครองบ้านเรามาก มีสินค้ายี่ห้อดังๆ มาก หากสนใจกระเป๋าหนัง รองเท้า นาฬิกา แว่นตา ยี่ห้อดังๆ ของโลก ถ้าที่ร้านไม่มีเขาจะหายไปสักพัก กลับมาพร้อมสิ่งของที่เราต้องการ พนักงานขายหลายร้านพูดภาษาไทยได้ เหมือนคนไทยพูดภาษาอังกฤษกับลูกค้าชาวต่างประเทศ แต่ละร้านจะมี CATALOG สินค้าดังๆ ระดับโลกให้ลูกค้าเลือก หากพอใจเขาจะไปหยิบสินค้ามาให้ชม และต่อรองราคากันชนิดคนไทยขนกลับมาเมืองไทยมากมายเลยทีเดียว สำหรับผมโชคดีที่ร้านส่วนใหญ่ยังไม่เปิด เลยเดินดูเสียส่วนใหญ่


พวกเราเดินอยู่จนใกล้เวลาเที่ยง ก็เดินกลับมาที่โรงแรม ได้ของฝากคนละเล็กละน้อย ส่วนใหญ่จะพยายามใช้เงินหยวนให้หมด เพราะเมื่อข้ามไปฮ่องกงแล้วจะใช้ได้ลำบากมาก อาหารกลางวันเป็นโต๊ะจีนเช่นเดิม ร้านอาหารอยู่ข้างโรงแรมที่พัก มีคนทานอาหารกันเต็ม โต๊ะสำรองของพวกเราอยู่ชั้นสอง


เมื่อทานเสร็จก็กลับมานั่งที่ล็อบบี้ของโรงแรม ไกด์ชาวไทยบอกว่า จะมีรถบัสของฮ่องกงมารับที่โรงแรมพร้อมไกด์ฮ่องกง พวกเรากล่าวคำลากับไกด์ชาวเซินเจิ้น ตรวจสอบสัมภาระกันเรียบร้อย เวลาประมาณ 13.30 น. รถบัสจากฮ่องกงก็มาถึง พวกเราก็ออกเดินทางจากเมืองเซินเจิ้น เพื่อข้ามกลับไปยังเกาะฮ่องกง ไกด์ชาวฮ่องกงกล่าวแนะนำตัว เขาพูดภาษาอังกฤษได้ดี พูดภาษาจีนกลาง และกวางตุ้งได้ แต่พูดภาษาจีนแคะไม่ได้ พวกเราเลยสื่อสารกันด้วยภาษาอังกฤษ


ไกด์ชาวฮ่องกงบอกว่า การติดต่อระหว่างฮ่องกงกับเมืองเซินเจิ้นมี 3 เส้นทาง ได้แก่ ทางรถไฟ ทางรถยนต์ผ่านสะพาน และทางรถยนต์ผ่านอุโมงค์ลอดใต้น้ำ ขามาฮ่องกงพวกเรามาถึงตอนค่ำจึงมองทิวทัศน์ของฮ่องกงไม่ถนัด ฮ่องกงแม้พื้นที่จะเล็กแต่ก็พยายามปลูกต้นไม้ เพื่อให้ทิวทัศน์สวยงาม และช่วยลดมลพิษ อาคารที่พักส่วนใหญ่เป็นคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่ สูงมาก ค่าครองชีพค่อนข้างแพง ไกด์เล่าว่า เศรษฐีชาวฮ่องกงมักจะซื้อบ้านไว้ที่เมืองเซินเจิ้น ตอนเช้าก็มาที่ฮ่องกง ตอนค่ำก็กลับไปนอนที่เมืองเซินเจิ้น ซึ่งค่าใช้จ่ายคิดแล้วถูกกว่า การมีบ้านที่ฮ่องกง


ไกด์ฮ่องกงพาพวกเรามาที่ถนนจอร์แดน (เหมือนถนนเยาวราชบ้านเรา) เข้าพักที่โรงแรม EATON ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนนี้


รถบัสต้องไปจอดด้านหลังโรงแรม ขึ้นบันไดเลื่อนไป 5 ชั้น จะถึงห้องล็อบบี้ของโรงแรม ซึ่งพวกเรารู้สึกคับแคบมาก


ยังดีอยู่หน่อย ที่มีระเบียงยื่นออกไป เพื่อให้แขกของโรงแรมไปนั่งพักได้ โรงแรมนี้มีขนาด 60 ชั้น ห้องพักราคาคืนละ 4,000 บาท มีขนาดเล็กกว่าทุกโรงแรมที่พวกเราเคยพัก ทางไกด์บอกว่า ที่เลือกโรงแรมนี้เพราะอยู่ใจกลางย่านช้อปปิ้งของฮ่องกง ราคาค่าโรงแรมจึงแพงกว่าที่อื่นๆ แต่จะสะดวกสำหรับพวกเรา ที่สามารถเดินช้อปปิ้งได้ง่าย ไม่ต้องใช้รถ นอกจากห้องพักจะเล็กแล้ว เครื่องอำนวยความสะดวกก็มีน้อยกว่าโรงแรกมอื่นๆ ที่เคยพัก น่าประหลาดใจและน่าตกใจก็คือ ไม่มีน้ำดื่มให้แขกที่มาพัก ต้องซื้อเอง น้ำดื่มขนาด 1.5 ลิตรขวดละ 450 บาท


พวกเราเอาสัมภาระเก็บไว้ในห้อง แล้วก็ออกมาหน้าโรงแรมชั้นล่าง ไกด์ไทยจะพาไปช้อปปิ้งห้างสรรพสินค้า WING ON ที่อยู่ตรงข้าม บรรยากาศถนนจอร์แดน เหมือนถนนเยาวราชบ้านเรา ต่างกันที่ฮ่องกงเน้นเรื่องความสะอาด มีป้ายค่าปรับ 7,500 บาท ถ้าทิ้งขยะลงพื้น


ห้างสรรพสินค้า WING ON ภายในห้าง ก็จัดมีลักษณะไม่แตกต่างจากห้างสรรพสินค้าบ้านเรา เทียบได้กับห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล มีผู้คนเดินกันขวักไขว่ พบนักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่เป็นจำนวนมาก อีกกลุ่มที่พบบ่อยคือนักท่องเที่ยวชาวไทย มีชาวตะวันตกเป็นส่วนน้อย พวกเราเดินกันจนเย็นราว 18.00 น. ไกด์ก็พาไปภัตตาคารจีนที่ตั้งอยู่ริมถนนจอร์แดน คล้ายๆ ภัตตาคารจีน "ห้อยเทียนเหลา" ย่านถนนราชวงศ์บ้านเรา มื้อนี้ไกด์บอกว่าเป็นอาหารติมซำขนานแท้ของฮ่องกง


หลังจากอาหารเย็น ไกด์ก็พาไปเที่ยว NIGHT BAZAR ซึ่งเป็นถนนด้านหลังภัตตาคาร ลักษณะเหมือน NIGHT BAZAR ที่ตลาดอำเภอหัวหิน ตอนกลางคืน แต่คึกคักน้อยกว่า สินค้าที่จำหน่ายก็จะเป็นพวกเสื้อผ้า แว่นตา นาฬิกา ของที่ระลึก ที่คึกคักมากที่สุดกลับเป็นร้านอาหารริมทาง มีทั้งอาหารจีน อาหารทะเล ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยว


พวกเราเดินเล่นกันพักใหญ่ พยายามใช้เงินจีนและฮ่องกงที่เหลือ เพราะกลับมาเมืองไทยแล้ว โอกาสที่จะใช้มีน้อย เวลาประมาณ 22.00 น. พวกเราก็เดินกลับที่พัก ผ่านร้านรวงต่างๆ ถนนคู่ขนานกับถนนจอร์แดน มีลักษณะคล้ายสำเพ็งบ้านเรา แต่สะอาดและรถราน้อยกว่ามาก


ผ่านร้านให้เช่าวิดีโอ สะดุดตาที่โปสเตอร์โฆษณาภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง "องค์บาก" พระเอกในเรื่องชื่อภาษาอังกฤษว่า TONY JAR กลับมาถึงโรงแรม พวกเราก็สาละวนกับการจัดกระเป๋า เพราะจะ CHECK OUT ก่อนเที่ยง แล้วฝากสัมภาระไว้ที่โรงแรม พรุ่งนี้พวกเราจะไปเที่ยวฮ่องกง ก่อนที่จะเดินทางกลับในตอนค่ำ ดึกมากแล้วขอลาไปนอนก่อนครับ


ทำความปรารถนาของแม่ให้เป็นจริง......บุญนาท ลายสนิทเสรีกุล
GO TO HOME PAGE