ผมได้รับทุนไปประชุมและเสนอผลงานทางวิชาการในการประชุม The Seventh Annual Meeting of International Association for Medical Science Educators ณ Georgetown University Conference Center กรุงวอชิงตัน ดีซี ประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 17-22 กรกฎาคม 2546 เมื่อจบการประชุมก็อยู่ต่อเพื่อทัศนศึกษา วันที่ 23-24 กรกฎาคม 2546 ที่ The Mall และเมือง Alexandria ในกรุงวอชิงตัน ดีซี หลังการประชุมไปพักที่บ้าน Dr. Roger Koment เพื่อนของผม ที่เมือง Springfield มลรัฐ เวอร์จิเนีย ผมชอบบ้านอเมริกา ไม่ต้องมีรั้วและเหล็กดัด ย่านอยู่อาศัยร่มรื่นด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่
ที่บ้านนี้ มีผมและเพื่อนของ Roger ชาวมองโกเลีย Ms. Tsegy พร้อมลูกสาว มาพักอยู่ด้วย Ms. Tsegy มาประชุมงานเดียวกับผม และจะอยู่ทัศนศึกษาเช่นกัน Roger เลยชวนมาอยู่บ้าน เพราะเขาอยู่คนเดียว
เช้าวันพุธที่ 23 กรกฎาคม 2546 Roger จะพาเราทั้งสามไปเที่ยว The Mall เป็นศูนย์กลาง ของกรุงวอชิงตัน ดีซี คล้ายสนามหลวง เป็นที่ตั้งของทำเนียบขาว รัฐสภา สถาบันสมิธโซเนียน อนุสาวรีย์วอชิงตัน พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติ พิพิธภัณฑ์อวกาศ พิพิธภัณฑ์ประเทศอเมริกา อนุสาวรีย์ ลินคอล์น ฯลฯ (ในแผนที่เป็นพื้นสีเขียวทั้งหมด) Roger ขับรถจากบ้านมาสถานีรถไฟใต้ดิน Franconia-Springfield 15 นาที ขึ้นรถสายสีน้ำเงิน เสียคนละ 2.20 US$ ไปขึ้นที่สถานี Smithsonian Castle ใช้เวลาเดินทาง 45 นาที
รถไฟใต้ดินที่นี่เรียกว่า Metro เวลาอยู่ชานเมืองจะอยู่บนดิน เป็นรถ "สะอาด" หมายถึงเขาห้ามนำสัตว์เลี้ยงขึ้นรถ ห้ามนำของกิน เครื่องดื่ม มากินในรถ ห้ามเปิดวิทยุ เครื่องเสียง ห้ามใช้โทรศัพท์พูดคุย เป็นต้น Roger กับ Ms. Tsegy นั่งดูแผนที่ว่า เมื่อขึ้นที่ สถานี Smithsonian Castle แล้วพวกเราจะเดินกันอย่างไร อยู่อเมริกาได้เรียนรู้การดูแผนที่ อยู่เมืองไทยไม่เคยได้ดูแผนที่เลย พอขึ้นจากสถานีก็พบสถาบันสมิธโซเนียน (Smithsonian Castle) เป็นสถานที่ที่ให้ข้อมูล (Information Center) ขายของที่ระลึก มีประวัติเกี่ยวกับสถาบันแห่งนี้
ผมเดินชมภายใน Smithsonian Castle บริเวณที่ขายของที่ระลึก ภายในมีเจ้าหน้าที่ ให้คำแนะนำ มีแผนที่จำลองสถานที่ทั้งหมดของสถาบัน มีมุมประวัติความเป็นมา มีบอร์ดไฟฟ้า และคอมพิวเตอร์ให้ข้อมูล มีห้องฉายภาพยนต์เกี่ยวกับสถาบัน ห้องน้ำ ระหว่างทางเดินไปห้องน้ำ มีภาพแขวนไปตลอดทาง
ภายนอกสถาบันสมิธโซเนียน ผมได้ยินชื่อเสียงที่นี่มานาน และเห็นภาพเมื่อปี พ.ศ. 2525 ครั้งเมื่อทำประวัติ วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์ ทราบว่าคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของโลกเก็บไว้ที่สถาบันแห่งนี้ เลยตั้งใจจะ มาที่สถาบันแห่งนี้ และถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน
พอออกจาก Smithsonian Castle ก็เดินข้ามสนามหญ้าไปฝั่งตรงกันข้าม ซึ่งเป็น Natural Museum เดินมาถึงกึ่งกลางสนามหญ้า มองไปด้านซ้าย เห็น Washington Monument เป็นแท่งหินปลายแหลม คล้ายตะปู ส่วนด้านขวา เป็นอาคารรัฐสภา
Natural Museum หรือพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติ อยู่ตรงข้ามกับ Smithsonian Castle มีคนเข้าชมมาก โรงเรียนต่างๆ จะพานักเรียนมาที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ภายในแบ่งเป็นเรื่องๆ ตลอดทั้งสามชั้น
ที่ห้องโถงภายใน Natural Museum จะเห็นช้างสต๊าฟขนาดใหญ่ ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่กลางห้องโถง เป็นช้างอาฟริกา รอบๆ ก็จะมีเรื่องราวต่างๆ ที่น่าสนใจ เช่น ในห้องหนึ่งของชั้นล่างเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับไดโนเสาร์
ผมเดินมาดูซากเจ้าสามเขา ต้นตระกูลแรดในปัจจุบัน ส่วน Roger ก็ดูซากไดโนเสาร์ตระกูล T-REX
ออกจากห้องไดโนเสาร์ ก็มีห้องเกี่ยวกับสัตว์น้ำ สัตว์บก แมลงต่างๆ เดินดูไปเรื่อยๆ จนขึ้นไปชั้น 2 มีคนต่อคิวดูกันใหญ่ อ้อ! เป็นห้องแสดงอัญมณี ซึ่งช่วงนี้ถือเป็น Highlight ประจำเดือนกรกฎาคม 2546 ผมรอ Roger และคณะซึ่งยังดูแมลงอยู่ เลยขอถ่ายรูปคู่กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เฝ้าอยู่ที่ห้องอัญมณี เพชรที่ชื่อว่า The Hope สหรัฐอเมริกาอ้างว่าเป็นเพชรสีฟ้า (Blue Diamond) ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
นอกจากเพชร The Hope แล้วยังมีอัญมณีอีก 7 ชนิด ที่มีชื่อเสียงระดับโลก มาแสดงร่วมด้วย ภายในห้องนี้ ยังมีการแสดงแร่รัตนชาติอีกหลายชนิด ผมเข้าแถวรอดูอยู่หลายสิบนาที พอดู The Hope กับ 7 Diamonds เสร็จ ก็รีบไปดูห้องอื่นๆ ต่อ คณะของเรามีความสนใจไม่เหมือนกัน เลยนัดเวลา 13.00 น. มาพบกันที่ช้างกลางห้องโถง
ผ่านจากห้องอัญมณี ผมเดินมาดูห้องกำเนิดมนุษย์ และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เขาแสดงโครงกระดูกของสัตว์ทุกชนิด ต่อกันเป็นรูปร่าง บางอย่างต้องใช้ความพยายามมาก เช่นโครงกระดูกของงูที่มีขนาดใหญ่ไปจนถึงขนาดเล็กมากๆ โครงกระดูกของเต่า นกชนิดต่างๆ จากนั้นก็เดินไปห้อง Asia Culture ดูเครื่องแต่งกาย ของใช้ประจำวัน ของชนชาติต่างๆ ในทวีปเอเซีย ดูไปเรื่อยๆ ก็พบมุมหนึ่งที่เขาจัดแสดงภาพ และสิ่งของที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มอบให้แก่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้
พวกเราพบกันเวลา 13.00 น. แล้วลงไปชั้นใต้ดินของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เพื่อทานอาหารกลางวัน ด้านล่างมีร้านขายของที่ระลึก และศูนย์อาหาร ต้องเข้าคิวกันยาวพอสมควร ผมได้แฮมเบเกอร์ขนาดเล็ก (สำหรับคนอเมริกัน) แต่ใหญ่สำหรับผมมาก ในราคา 5 US$ น้ำไม่ต้องซื้อ เพราะพวกเราพกมาจากบ้านกันทุกคน ทานเสร็จเราจะเดินไปทาง Washington Monument, White House และสุดท้ายคือ Lincoln Memorial ที่ Washington Monument มีนักท่องเที่ยวมารอขึ้นไปบนยอดเพื่อชมทิวทัศน์ ค่าบัตรคนละ 17 US$ มีเจ้าหน้าที่ Ranger ใส่หมวกคล้ายลูกเสือคอยดูแลความสงบ ผมเลยหลบไปถ่ายรูปคู่กับรถของพวก Ranger พวกเราเพิ่งเดินเที่ยวมาได้ครึ่งทาง จากจุดนี้ เรายังต้องเดินกันต่อ ติดตามตอนต่อ "ย่ำแดนลุงแซม ตอน 3 The Mall and Alexandria"