สงขลา - กระบี่

    ้ า เ ล่ า............    

            การไปหาดใหญ่ สำหรับคราวนี้เป็นครั้งที่ 3 ถามว่าเบื่อมั้ย ตอบได้ทันทีว่านิดหน่อย แต่ถามว่าทำไมยังไปอีก ตอบได้ทันทีอีกเช่นกันว่า อยากอู้งานบ้าง อยากพัก อยากเที่ยว อยากเปิดโลกทัศน์อีกครั้งนึง

เริ่มต้นการเดินทางตั้งแต่วันที่ 17-23 มีนาคม 2546                    

วันที่ 17 มีนาคม 46   ถึงหาดใหญ่ ทำงาน ทำงาน ทำงาน

วันที่ 18  มีนาคม 46    ดูงาน ดูงาน ดูงาน

 

วันที่ 19 มีนาคม 46  ดูงาน ดูงาน ดูงาน

 

 

วันที่ 20 มีนาคม 46  เมื่องานเรียบร้อย หัวใจก็เรียกร้องให้ออกเที่ยว กองทัพเล็กเลยเดินทางไปยังสตูล เพื่อไปอุทยานแห่งชาติทะเลบัน ชื่อเป็นทะเล แต่ออกไปในแนวบึงบัวมากกว่า สวยงาม ชื่นชมได้ แต่สัมผัสไม่ได้ เต้ะท่าถ่ายรูปนิดนึง แล้วย้ายขบวนไปต่อที่ท่าเรือจังหวัดสตูล เป็นท่าเรือใหม่เพิ่งสร้างเสร็จได้ประมาณ 1 เดือน จากท่าเรือนี้สามารถนั่งเรือเฟอร์รี่ไปยังเกาะตะรุเตา (ไทย) และเกาะลังกาวี (มาเลเซีย) ได้สะดวกกว่าท่าเรือเดิม วิว ทิวทัศน์ สวยงาม แสงแดด สายลม ท้องฟ้า เร่าร้อน แดดแรงมาก สักพักเราก็เคลื่อนทัพกลับด้วยความเพลียแดด และความเสียดายที่ไม่ได้แตะน้ำทะเลเลยแม้แต่น้อย

 

วันที่ 21 มีนาคม 46  เที่ยวต่อ แต่ส่วนใหญ่จะกลับ หัวนอกรีดมี 2 หน่วย จุดมุ่งหมายคือ เกาะพีพี ก่อนวันไปกระตือรือร้นหาหนทางไป สรุป คือโดนฟันไปนิดหน่อย พอรับได้ โดยการนั่งรถตู้จากหาดใหญ่ไปกระบี่ ประมาณ 5 ชั่วโมง ด้วยราคา 190 บาท จากราคา 150 บาท พอรับได้ แล้วต่อด้วยเรืออีกประมาณ 1.30 ชั่วโมง ด้วยราคา 200 บาท จากราคา 100 บาท พอรับได้อีกเช่นเคย ทั้งหมดนี้เราได้ความจริงมาจากคนขับรถตู้ ซึ่งแอบเยาะเราอยู่บนหลังคารถ (อย่าไปกรุงเทพฯบ้างแล้วไป ฮืม) เราถึงเกาะพีพี ประมาณ 4 โมงเย็น หาห้องพักราคาถูกอยู่ ที่อ่าวต้นไทร โยนของใส่ห้อง สะพายกล้อง หาจุดชมวิว  จุดชมวิวอยู่ไหน.......   โอย ไกลเหลือเกิน เหนื่อยเหลือเกิน ไม่รู้ว่าด้วยความสูงวัย หรือเหตุใดทำไมเหนื่อยจัง แต่ก็ถึง สวยมาก สวยม้าก มาก รื่นรมย์กับธรรมชาติ ครึ่งชั่วโมงลงดีกว่า ก่อนจะมืดไปกว่านี้  ถึงเวลากลับที่พัก กลับไม่ถูก ไม่น่าเชื่อ เริ่มไม่ต้องเดินแล้ว ขาน่ะลากแล้ว ถึงที่พักแทนที่จะพัก เหิมเกริม ออกเดินอีก คราวนี้ไปชายหาด ทดสอบความจำ คราวนี้ไม่หลง แสดงถึงความสามารถในการปรับตัวสูงขึ้น ชายหาดกลางคืนไม่มีอะไร นอกจากน้ำรด ตอผุด นอนดีกว่า เช้าต้องออกเรืออีก หนทางอีกยาวไกล

วันที่ 22 มีนาคม 46     ถ่ายรูปเรื่อยเปื่อยจนถึงเวลาออกเรือ นั่งเรือหางยาวหวืด หวือ ไปยังพีพีเล อ่าว ปิเละ อ่าวโละซามะ อ่าวมาหยา น้ำทะเลที่นี่ใสมาก สีเขียว โชคดีที่ซื้อขนมปังติดไปด้วยแถวนึง ไปล่อปลา ปลาการ์ดูน (มั้ง) เราใช้เวลาที่อ่าวมาหยามากที่สุด เพราะเป็นเนินชายหาดที่สามารถลงไปเดินเล่นได้ ส่วนอ่าวอื่นๆ ก็สามารถลงไปดำน้ำได้ ใช้เวลาออกทะเลได้แค่ครึ่งวัน เรือเหมาคิดไป 600 บาท 2 คน พอรับได้ เราต้องออกจากเกาะพีพี ตอนบ่าย 3 โมง เพราะเป็นเรือเที่ยวสุดท้ายสำหรับวันนี้  เราเลยค้างที่ฝั่งกระบี่ 1 คืน โดยมีผู้ใจดีพาไปหาที่พักในราคาถูก ห้องพัดลม ราคา 300 บาท พอรับได้นะ รู้สึกสบายดี ถึงที่พักเราเก็บของเรียบร้อย เลยออกมาเดินเล่นที่เขาขนาบน้ำ มาดูวิว ปล่อยอารมณ์เหงา หลังจากบ้านมาครบ 7 วัน ฮือ ฮือ .........

 

วันที่ 23 มีนาคม 46  เตรียมเก็บของกลับบ้าน ใจหนึ่งอยากกลับ แต่อีกใจอยากอยู่ เอ๊ะยังงัย คนสองใจนี่หน่า เราโชคดีมีผู้ใจดีนำรถมารับถึงหน้าห้องพัก เพื่อไปส่งสนามบิน ผลพวงมาจากวันมาจากหาดใหญ่ ตีซี้คนขับรถงัย เลยได้ขึ้นรถฟรี ตอนแรกพวกเราจองรถมอเตอร์ไซด์พ่วงสามล้อไว้ ราคา 120 บาท คิดแล้วก็แพงนะถ้าเทียบกับนั่งแท็กซี่ที่กรุงเทพฯ เพราะจากที่พักไปสนามบิน ประมาณ 10 กว่ากิโลเอง คิดอีกที แหมกว่าจะถึงสนามบินหัวคงฟูแย่เลย เสียภาพพจน์คนกรุงเทพฯหมด เลยตัดสินใจไม่เอาดีกว่า จังหวะกับราชรถมาเกยพอดี พวกเราเลยถึงสนามบินตามเป้าหมาย เครื่องออก 10.05 น. ใช้เวลาบินถึงกรุงเทพฯ ประมาณ 1.10 ชั่วโมง เฮ้อ ชั่วโมงที่แล้วยังอยู่กระบี่อยู่เลย ชั่วโมงนี้อยู่กรุงเทพฯแล้ว คิดแล้วอยากกลับกระบี่อีก (แล้วกลับมาทำไมล่ะ) พ่อของน้องใหม่มารับที่สนามบิน เลยขอติดรถไปลงแถวบ้าน แอบยิ้ม ไม่ต้องเสียค่าแท็กซี่โชคดีจังเลย ถึงที่หมายโดยปลอดภัย.....เย้.........สวัสดีกรุงเทพฯที่รัก............ฉันกลับมาแล้วจ้ะ