อุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช

.....เริ่มต้นการเดินทาง 5-7 ธันวาคม 2546.....

 

 

          ตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลแม่ท้อ ตำบลพะวอ เขตอำเภอแม่สอด และอำเภอเมือง จังหวัดตาก มีเนื้อที่ 149 ตารางกิโลเมตร หรือ 93,125 ไร่ สภาพป่าส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาสูงชัน มีภูเขาสลับซับซ้อน ทิวทัศน์สวยงาม จุดเด่นที่สำคัญก็คือ ต้นกระบากใหญ่ซึ่งจัดว่าเป็นไม้ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย   ผู้ค้นพบคือ นายสวาม ณ น่าน  ช่างระดับ 2 สถานีโทรคมนาคม จังหวัดตาก            

 

         ค่ายพักแรมที่เล่นแคมป์ไฟ นักท่องเที่ยวที่นำเต็นท์ไปเอง ทางอุทยานฯ ได้จัดสถานที่ตั้งเต็นท์ไว้ให้ ติดต่อจองที่พักล่วงหน้าได้ที่ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช ตู้ ปณ. 10   อ. เมือง จังหวัดตาก 63000 หรือติดต่อที่ กองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ โทร. 579-7223, 579-5734

               

 

               จุดหมายปลายทางที่ อุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช (กระบากใหญ่) เราเริ่มออกเดินทางคืนวันที่ 4 ธันวาคม 2546 เวลาประมาณเที่ยงคืน ไปด้วยกันทั้งหมด 7 คน เดินทางโดยรถกระบะ เราแวะซื้อกับข้าวกันที่ จังหวัดกำแพงเพชร

วันแรก    ถึงอุทยานแห่งชาติกระบากใหญ่ ประมาณแปดโมงเช้า อันดับแรกที่ทำคือจับจองอาณาเขตแย่งที่กางเต็นท์กัน ไม่ได้แย่งกับใครนะ แย่งกันเอง เมื่อกางเต็นท์เรียบร้อยเราก็ช่วยกันทำกับข้าว อากาศที่นี่สดชื่นดี ไม่ร้อน ไม่หนาว จนเกินไป อุณหภูมิที่ 18-20 องศา หลังกินข้าวเสร็จเราไปต่อกันที่ตลาดริมเมย ชายแดนไทย-พม่า ของที่นี่ไม่ต่างจากกรุงเทพฯเท่าไรนัก เราเดินเล่นที่นี่สักพักก่อนกลับที่พักเราแวะที่ตลาดของดอยมูเซอ ผักที่นี่สดน่ากินทั้งนั้นเลย   ตะวันตกดินสักพัก พวกเราก็เริ่มลืมตากันไม่ไหว เพราะตลอดทั้งคืนก่อนต้องนั่งรถกันทั้งคืน ไปดีกว่า คร๊อกฟี้................

วันที่สอง  เราตื่นกันแต่เช้า เพื่อออกเดินเท้าเข้าป่าตามหาต้นกระบากใหญ่ และน้ำตกอ้าน้อย เราต้องเดินลุยเข้าไปในป่า ประมาณ 2,500 เมตร ทางเดินค่อนข้างชันบางจุด แต่ไม่มากนัก อากาศเย็น สดชื่น แต่ถ้าใครไม่อยากเดินทางนี้ ก็สามารถขับรถเข้าไปได้ และเดินเท้าอีก 400 เมตร ก็ถึงต้นกระบากใหญ่ได้เมือนกัน ต้นกระบากใหญ่ มีขนาดใหญ่วัดโดยรอบได้ 16.10 เมตร หรือราว 14 คนโอบ สูง 50 เมตร เป็นต้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ป่าในเขตอุทยานนี้ มีหลายชนิด เช่น ป่าดิบเขา ป่าสนเขา ป่าดงดิบ ป่าเต็งรัง และป่าไม้เบญจพรรณ ทางเดินไปน้ำตกอ้าน้อย ค่อนข้างชันมาก น้ำตกสวยงามเหมือนอยู่ในช่องแคบของภูเขา มีชั้นเขาเป็นหลั่นๆค่อนข้างสูง แต่น้ำไม่ค่อยมากเท่าไรนัก ขากลับเราไปอีกด้านนึง ซึ่งเขาลือว่าเป็นทางลัด ก็จริงทางลัด แต่โหดมาก เหนื่อยแทบขาดใจจริงๆ  ถึงที่พักกินข้าวเสร็จทุกคนสลบเหมือดหมดสภาพไปตามๆกัน เจอกันอีกทีอาหารรอบค่ำเล๊ย............

วันที่สาม  เราเตรียมตัวกลับกันแต่เช้า (สิบเอ็ดโมงเช้ามั้ย) กลับถึงกรุงเทพฯ ประมาณหกโมงเย็นกว่าๆ อ่อนล้าเต็มทน

 

      ....การเดินทางครั้งนี้สนุกกว่าที่คิด ไม่คิดว่าการเที่ยวแบบไม่มีอะไร มันมีอะไรมากกว่าที่คิด....