สถานที่ท่องเที่ยวในเขตอำเภอเมือง
อนุสาวรีย์พระนางจามเทวี
ตั้งอยู่บริเวณสวนสาธารณะหนองดอก
ห่างจากศาลากลางจังหวัดไปทางทิศใต้ประมาณ 1 กิโลเมตร สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฏราชกุมารได้เสด็จมาทรงเปิดเมื่อ
วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2525 สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่พระนางจามเทวี ปฐมกษัตริย์ของนครหริภุญชัยผู้ทรงมีคุณธรรมและเป็นนักปราชญ์ผู้กล้า
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติหริภุญไชย
ตั้งอยู่เยื้องกับวัดพระธาตุหริภุญชัย เริ่มก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2470 โดยพระยาราชนกุลวิบูลย์ภักดีสมุหเทศาภิบาล
มณฑลพายัพ ต่อมากรมศิลปากรได้ดำเนินการก่อสร้างอาคารแห่งใหม่เสร็จเมื่อ พ.ศ.
2517 และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดอาคารเมื่อ พ.ศ.
2522 ภายในพิพิธภัณฑ์ได้มีการจัดแสดงโบราณวัตถุ ศิลปะสมัยหริภุญชัย ซึ่งมีอายุก่อนพุทธศตวรรษที่
17-19 และศิลปะล้านนา มีอายุในราวกลางพุทธศตรวรรษที่ 19-25 เปิดทำการเวลา
09.00-16.00 น. ปิดวันจันทร์ อังคาร และวันนักขัตฤกษ์ ค่าเข้าชมคนละ 10 บาท
ชาวต่างประเทศ 30 บาท สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. (053) 511-186
วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร
ตั้งอยู่ใจกลางเมืองลำพูน ห่างจากศาลากลางจังหวัดประมาณ 150 เมตร มีถนนล้อมรอบสี่ด้านคือ
ถนนอัฏฐารสทางทิศเหนือ ถนนชัยมงคลทางทิศใต้ ถนนรอบเมืองทางทิศตะวันออก และถนนอินทยงยศทางทิศตะวันตก
สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1651 ในรัชสมัยพระเจ้าอาทิตยราช ต่อมาได้รับการบูรณะต่อเติมมาเป็นลำดับ
ภายในบริเวณวัดพระธาตุหริภุญชัยยังมีสิ่งที่น่าสนใจคือ
ซุ้มประตู
ก่อนที่จะเข้าไปในบริเวณวัด ต้องผ่านซุ้มประตูก่ออิฐถือปูนประดับลวดลายวิจิตรพิสดาร
เป็นฝีมือโบราณสมัยศรีวิชัย ประกอบด้วยซุ้มยอดเป็นชั้นๆ เบื้องหน้าซุ้มประตูมีสิงห์ใหญ่คู่หนึ่งยืนเป็นสง่าบนแท่นสูงประมาณ
1 เมตร สิงห์คู่นี้ปั้นขึ้นในสมัยพระเจ้าอาทิตยราชเมื่อทรงถวายวังให้เป็นสังฆาราม
วิหารหลวง
เมื่อผ่านซุ้มประตูเข้าไปแล้ว จะเห็นวิหารหลังใหญ่เรียกว่า “วิหารหลวง” เป็นวิหารหลังใหญ่มีพระระเบียงรอบด้าน
และมีมุขออกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เป็นวิหารที่สร้างขึ้นใหม่แทนวิหารหลังเก่า
ซึ่งถูกพายุพัดพังทลายไป เมื่อ พ.ศ. 2466 วิหารหลวงใช้เป็นที่บำเพ็ญกุศล
และประกอบศาสนกิจทุกวันพระ ภายในวิหารประดิษฐานพระปฏิมาใหญ่ ก่ออิฐถือปูน
ลงรักปิดทองบนแท่นแก้วรวม 3 องค์ และพระพุทธปฏิมาหล่อโลหะขนาดกลางสมัยเชียงแสนชั้นต้น
และชั้นกลางอีกหลายองค์
พระบรมธาตุหริภุญชัย
(ตั้งอยู่หลังวิหารหลวง) เป็นพระเกศบรมธาตุบรรจุในโกศทองคำ ประดิษฐานในพระเจดีย์
เป็นเจดีย์แบบล้านนาไทยแท้ๆ ที่ลงตัวสวยงาม ประกอบด้วยฐานปัทม์ แบบฐานบัวลูกแก้วย่อเก็จ
ต่อจากฐานบัวลูกแก้วเป็นฐานเขียงกลมสามชั้น ตั้งรับองค์ระฆังกลม บัลลังก์ย่อเหลี่ยม
เจดีย์มีลักษณะใกล้เคียงกับพระธาตุดอยสุเทพที่จังหวัดเชียงใหม่ สูง 25 วา
2 ศอก ฐานกว้าง 12 วา 2 ศอก 1 คืบ มีสัตติบัญชร (รั้วเหล็กและทองเหลือง)
2 ชั้น สำเภาทองประดิษฐานบานอยู่ประจำรั้วชั้นนอกทั้งทิศเหนือและทิศใต้ มีซุ้มกุมภัณฑ์
และฉัตรประจำสี่มุม และหอคอยประจำทุกด้านรวม 4 หอ บรรจุพระพุทธรูปนั่งทุกหอ
นอกจากนี้ยังมีโคมประทีป และแท่นบูชาก่อประจำไว้เพื่อเป็นที่สักการะบูชาของพุทธศาสนิกชนทั่วไป
พระบรมธาตุนี้นับเป็นปูชนียสถานอันสำคัญยิ่งในล้านนาไทยมาตั้งแต่สมัยโบราณ
ในวันเพ็ญเดือน 6 จะมีงานนมัสการ และสรงน้ำพระธาตุทุกปี ตามประวัติกล่าวว่า
เมื่อ พ.ศ. 1440 พระเจ้าอาทิตยราชกษัตริย์วงศ์รามัญผู้ครองนครลำพูนได้สร้างมณฑปครอบโกศทองคำ
บรรจุพระบรมธาตุไว้ภายในและมีการสร้างเสริมกันต่อมาอีกหลายสมัย ต่อมาในปี
พ.ศ. 1986 พระเจ้าติโลกราช กษัตริย์ครองนครเชียงใหม่ได้ทรงกระทำการปฏิสังขรณ์บูรณะเสริมองค์พระเจดีย์ขึ้นใหม่
การสร้างคราวนี้ได้สร้างโครงขึ้นใหม่เป็นรูปแบบลังกา ซึ่งปรากฏอยู่ในปัจจุบันนี้
ทั้งนี้เพราะในสมัยพระเจ้าติโลกราชได้มีความสัมพันธ์กับลังกาอยู่มาก
พระสุวรรณเจดีย์
สร้างขึ้นในสมัยพุทธศตวรรษที่ 17 ตั้งอยู่ทางขวาของพระบรมธาตุ สร้างขึ้นโดยพระนางปทุมวดี
อัครมเหสีของพระเจ้าอาทิตยราช ภายหลังเมื่อสร้างพระธาตุฯ เสร็จแล้วได้ 4
ปี พระสุวรรณเจดีย์องค์นี้เป็นรูปแบบพระปรางค์ 4 เหลี่ยม ฝีมือช่างละโว้มีพระพุทธรูปประจำซุ้ม
ฝีมือและแบบขอมหลงเหลือให้เห็นอยู่บ้าง ยอดพระเจดีย์มีทองเหลืองหุ้มอยู่
ภายใต้ฐานล่างเป็นกรุบรรจุพระเปิม ซึ่งเป็นพระเครื่องชนิดหนึ่ง
อนุสาวรีย์สุเทวฤาษี
ตั้งอยู่หน้าศาลากลางจังหวัดลำพูน สุเทวฤาษีเป็นผู้สร้างหริภุญชัย (ลำพูน)
เนื่องจากตนเป็นผู้บำเพ็ญสมาบัติ และไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก จึงไปเชิญพระนางจามเทวีซึ่งเป็นพระธิดาของพระยาจักวัติแห่งเมืองละโว้มาปกครองเมืองหริภุญชัยแทนตน
และยังได้ช่วยเหลือพระนางจามเทวีประดิษฐานพระบวรพุทธศาสนาลงในนครหริภุญชัยอย่างมั่นคง
วัดมหาวัน
อยู่ห่างจากกลางเมืองลำพูนราว 2 กม. เลียบไปตามคูเมืองเก่าด้านตะวันตก มีตำนานการสร้างวัดว่า
วัดนี้สร้างมาแต่ครั้งพระนางจามเทวีขึ้นมาครองหริภุญชัย สิ่งที่น่าชมคือ
พระพุทธรูปนาคปรกที่เชื่อกันว่าคือ พระพุทธสิกขิ หรือพระศิลาดำ ซึ่งพระนางจามเทวีอัญเชิญมาจากกรุงละโว้
ปัจจุบันชาวเมืองเรียกพระพุทธรูปองค์นี้ว่า พระรอดหลวง หรือพระรอดลำพูน ซึ่งมีความสำคัญและเป็นแบบพิมพ์ในการจำลองทำพระเครื่องที่ลือชื่อกรุหนึ่งคือ
พระรอดมหาวัน
วัดจามเทวี
หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า
วัดเจดีย์กู่กุด ตั้งอยู่ริมถนนจามเทวี ตำบลในเมือง ห่างจากตัวศาลากลางจังหวัดไปทางทิศตะวันตก
1.5 กม. ตามถนนสายลำพูน-สันป่าตอง สร้างเมื่อประมาณ พ.ศ. 1298 เป็นฝีมือช่างละโว้
ลักษณะพระเจดีย์ภายในวัดเป็นสี่เหลี่ยมแบบพุทธคยาในประเทศอินเดีย มีพระพุทธรูปปางประทานพรยืนเป็นชั้นๆ
ชั้นละ 3 องค์ ด้านหนึ่งมี 5 ชั้น จึงมีพระพุทธรูปด้านละ 15 องค์ ทั้ง 4
ด้าน รวมเป็น 60 องค์ ภายในบรรจุอัฐิของพระนางจามเทวีปฐมกษัตริย์แห่งนครหริภุญชัย
ตามตำนานเล่าว่าเจ้าอนันตยศและเจ้ามหันตยศ ราชโอรสของพระนางจามเทวีได้สร้างขึ้นเพื่อบรรจุอัฐิของพระนางเมื่อปี
พ.ศ. 1298 เดิมมียอดห่อหุ้มด้วยทองคำ ต่อมาจะเป็นสมัยใดไม่ทราบชัด ยอดพระเจดีย์หักหายไปชาวบ้านจึงเรียกว่า
“กู่กุด” หรือมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “พระเจดีย์สุวรรณจังโกฏิ”
นอกจากนั้นยังมีรัตนเจดีย์ซึ่งตั้งอยู่ทางขวาของวิหาร สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่
17 โดยพระยาสรรพสิทธิ์ ฐานล่างสุดเป็นรูป 8 เหลี่ยม มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 4.40
เมตร สูงจรดยอด 11.50 เมตร ตัวเจดีย์เป็นรูปสี่เหลี่ยม แต่ละเหลี่ยมเจาะเป็นซุ้ม
ประดิษฐานพระพุทธรูปยืน ก่ออิฐถือปูนทั้งองค์
วัดพระยืน
ตั้งอยู่ตรงข้ามกับวัดพระธาตุหริภุญชัย ที่บ้านพระยืน ตำบลเวียงทอง ข้ามลำน้ำกวง
ไปทางสะพานท่าสิงห์ มีชื่อเดิมว่าวัดพุทธมหาสถาน ซึ่งพระเจ้าธรรมิกราฃ กษัตริย์หริภุญไชยเป็นผู้สร้างขึ้นเมื่อ
พ.ศ. 1606-1611 พระเจดีย์วัดพระยืนในสภาพปัจจุบัน เป็นพระเจดีย์ทรงมณฑป คล้ายคลึงกับอานันทเจดีย์ที่เมืองพุกาม
และพระเจดีย์วัดป่าสัก จังหวัดเชียงราย
กู่ช้าง-กู่ม้า
เป็นโบราณสถาน ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองลำพูน ตั้งอยู่บริเวณชุมชนวัดไก่แก้ว
ห่างจากตัวเมืองประมาณ 2 กิโลเมตร กู่ช้างเป็นสุสานช้างศึกคู่บารมีของพระนางจามเทวี
ชื่อ “ภูก่ำงาเขียว” ซึ่งหมายถึงช้างผิวสีคล้ำ งาสีเขียวที่ทรงอานุภาพและอิทธิฤทธิ์ในสงคราม
ส่วนกู่ม้า เป็นสุสานม้าทรงของพระโอรสของพระนางจามเทวี
อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย
ตั้งอยู่เชิงดอยติ บริเวณวัดพระธาตุดอยติ ตำบลป่าสัก อ. เมืองลำพูน ห่างจากตัวเมืองลำพูนประมาณ
5 กม. บนถนนสายเชียงใหม่-ลำปาง พระครูบาศรีวิชัยเป็นพระเถรเจ้า นักพัฒนาแห่งล้านนาไทย
ผู้พัฒนาทั้งด้านจิตใจ และด้านถาวรวัตถุให้แก่ชาวล้านนาไทยไว้อย่างอเนกอนันต์
ท่านมีชีวิตอยู่ในช่วงปี พ.ศ. 2421-2481 ถิ่นฐานบ้านเดิมของท่านอยู่ที่ ต.
แม่ตื่น อ. ลี้ จึงเป็นความภูมิใจอย่างใหญ่หลวงของชาวลำพูน ที่ได้เป็นบ้านเกิดเมืองนอนของนักบุญผู้ยิ่งใหญ่แห่งล้านนา
ศูนย์ศิลปหัตถกรรมผ้าไหมยกดอกเพ็ญศิริ
ตั้งอยู่ที่ถนนนลำพูน-ดอยติ ประมาณ 1.5 กิโลเมตร จากตัวเมือง ตำบลเวียงยอง
เป็นสถานที่จัดแสดงและอนุรักษ์งานฝีมือผ้าไหมยกดอก ซึ่งเป็นงานหัตถกรรมท้องถิ่นอันทรงคุณค่า
ภายในมีการสาธิตขั้นตอนการผลิตผ้าไหมยกดอก การสาวไหม การย้อมไหมและการทอ
ผู้สนใจสามารถเข้าชมได้เป็นความรู้ เปิดให้เข้าชมทุกวันระหว่างเวลา 08.00-17.00
น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. (053) 537512-3
สวนสานน้ำแร่
ตั้งอยู่ที่เลขที่ 9 บ้านหนองหล่ม ตำบลศรีบัวบาน ไปตามเส้นทางสายเชียงใหม่-ลำปางประมาณ
7 กิโลเมตร ที่นี่นักท่องเที่ยวสามารถอาบน้ำแร่จากธรรมชาติ รับประทานอาหารพื้นเมืองรสอร่อย
ดอยขะม้อ
เป็นชื่อเขาเล็กๆ ลูกหนึ่ง มีรูปทรงสัณฐานคล้ายฝาชี สูงประมาณ 5 เส้น อยู่ในเขตตำบลมะเขือแจ้
อยู่ห่างจากตัวเมืองไปทางทิศตะวันออกประมาณ 20 กม. ตั้งอยู่หลังนิคมอุตสาหกรรมลำพูน
เป็นภูเขาไฟโบราณ บนยอดมีปล่องกว้าง 3 เมตร ลึกประมาณ 6 เมตร ตอนล่างเป็นบ่อมีน้ำตลอดปี
ประชาชนนับถือกันมาแต่โบราณว่า เป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ห้ามผู้หญิงตัก เวลาถึงเทศกาลสรงน้ำพระธาตุหริภุญชัยจะต้องตักน้ำจากบ่อนี้ไปปนกับน้ำพระราชทาน
แล้วจึงนำขึ้นสรงองค์พระธาตุและเวลาพระมหากษัตริย์ไทยเสด็จขึ้นเสวยราชสมบัติ
จะต้องนำน้ำในบ่อนี้อัญเชิญไปร่วมเป็นน้ำพุทธาภิเษก ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกทุกครั้ง
บ้านหนองช้างคืน
เป็นแหล่งผลิตลำไยที่ใหญ่ที่สุด อยู่ก่อนถึงเมืองลำพูน 8 กม. โดยจะผ่านบ้านป่าเหว
มีป้ายบอกทางเลี้ยวขวาเข้าบ้านหนองช้างคืน ตำบลอุโมงค์ อำเภอเมือง ตรงเข้าไปประมาณ
7 กิโลเมตร ก็จะถึงหมู่บ้านหนองช้างคืน ตลอดสองฝั่งทางที่ลดเลี้ยวเข้าไปในหมู่บ้านจะเนืองแน่นด้วยสวนลำไย
ที่นี่จึงเป็นแหล่งผลิตลำไยที่สำคัญ เดือนสิงหาคมของทุกปี จะมีงานเทศกาลลำไยลำพูน
จัดขึ้นในอำเภอเมือง ในงานนี้จะมีการประกวดรถประเภทสวยงามที่ประดับตกแต่งด้วยลำไย
ผลิตผลลำไยและธิดาลำไย นับเป็นงานใหญ่งานหนึ่งของภาคเหนือ
|