พอดีได้ซื้อหนังสือเรื่อง"พุทธธรรม"มาอ่าน เป็นหนังสือที่อธิบายทุกเรื่องของชีวิตคนตั้งแต่เกิดจนตาย และมีการยกตัวอย่างสมัยพุทธกาลให้อ่านกันด้วย แรกๆก็อ่านดี แต่หลังๆเรื่มข้ามๆ เอาที่สนใจก่อน เพราะหนังสือของเรา เดี๋ยวเราก็จะต้องวนกลับมาอ่านซ้ำแน่ๆอยู่แล้ว อ่านไปก็คิดตาม ไปสะดุดอยู่เรื่องนึงคือเรื่องกรรม... กรรมที่ว่านี่ส่วนใหญ่คงจะเห็นว่าเป็นเรื่องไม่ดีไม่งาม แต่จริงๆแล้วกรรมคือการกระทำของเราในชีวิตประจำวันทุกอย่าง ทางพุทธศานามีชื่อเรียกแยกกันด้วยนะ แต่เราจำไม่ได้ เอาเป็นว่าทุกอย่างที่เราทำนี่แหละเรียกว่ากรรมทั้งสิ้น ในสมัยพุทธกาล ได้จัดกลุ่มความเชื่อเรื่องกรรมของคนได้ 3 กลุ่ม กลุ่มแรกคือพวกที่เชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเป็นเรื่องของกรรมเก่าที่เคยทำในชาติปางก่อน กลุ่มต่อมาเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในปัจจุบันมาจากพระเจ้าหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลบันดาล ส่วนกลุ่มสุดท้ายเชื่อว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชาติปัจจุบันไม่ได้มาจากอดีตหรือการถูกกำหนด แต่ไม่ได้มาจากอะไรเลย มันเกิดขึ้นมาเอง มีฤษีตนนึงถามพระพุทธเจ้าว่า กรรมนั้นเกิดจากกรรมเก่าที่เคยทำในชาติปางก่อนใช่หรือไม่ พระพุทธเจ้าตอบว่า กรรมไม่ได้เกิดจากชาติปางก่อน ไม่เช่นนั้นจะมีการพูดกันทำไมว่า ควรทำอย่างนั้นไม่ควรทำอย่างนั้น ฤษีถามต่อว่า กรรมนั้นเกิดจากพระเจ้าหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลบันดาลใช่หรือไม่ พระพุทธเจ้าตอบว่า กรรมไม่ได้เกิดจากใครดลบันดาล ไม่เช่นนั้นจะมีการพูดกันทำไมว่า ควรทำอย่างนั้นไม่ควรทำอย่างนั้น ฤษีก็ถามต่ออีกว่า กรรมนั้นไม่ได้มาจากอดีตหรือการถูกกำหนด แต่ไม่ได้มาจากอะไรเลย มันเกิดขึ้นมาเองใช่หรือไม่ พระพุทธเจ้าตอบว่า กรรมไม่ได้เกิดจากไม่มีกรรมเก่าไม่มีใครกำหนดไม่ได้มาจากอะไรเลย ไม่เช่นนั้นจะมีการพูดกันทำไมว่า ควรทำอย่างนั้นไม่ควรทำอย่างนั้น ด้วยคำพูดเช่นนี้ของพระพุทธเจ้า ทีแรกเราอ่านแล้วก็ไม่เข้าใจว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น แต่นึกไปนึกมาก็ถึงบางอ้อ ว่าเออ..ใช่แฮะ! ถ้าสิ่งที่เราทำทุกวันนี้เกิดขึ้นมาจากกรรมเก่าผู้คนก็ไม่จำเป็นต้องมานั่งออกกฏหมายอะไรให้มันวุ่นวายว่า ทำอย่างนั้นผิดกฏหมายทำอย่างนี้โดนจับจริงไหม เพราะสิ่งที่เขาทำไปเพราะมาจากกรรมเก่า ถ้าสิ่งที่เราทำทุกวันนี้เกิดขึ้นมาจากมีใครกำหนดขึ้นก็ไม่จำเป็นต้องมานั่งออกกฏหมายอะไรให้มันวุ่นวายว่า ทำอย่างนั้นผิดกฏหมายทำอย่างนี้โดนจับจริงไหม เพราะสิ่งที่เขาทำไปมาจากมีใครก็ไม่รู้กำหนดไว้แล้ว และถ้าสิ่งที่เราทำทุกวันนี้ไม่ได้มาจากอดีตหรือการถูกกำหนด แต่ไม่ได้มาจากอะไรเลย มันเกิดขึ้นมาเองก็ไม่จำเป็นต้องมานั่งออกกฏหมายอะไรให้มันวุ่นวายว่า ทำอย่างนั้นผิดกฏหมายทำอย่างนี้โดนจับจริงไหม เพราะสิ่งที่เขาทำไปมันเกิดขึ้นมาเอง แล้วฤษีก็ถามต่อไปอีกว่า ถ้าเช่นนั้นกรรมเกิดมาจากอะไร พระพุทธเจ้าตรัสว่า กรรมไม่มี ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมานั้น มาจากเหตุจากปัจจัยทั้งสิ้น อ่านมาถึงตรงนี้ก็คิดอีกว่าจริงไหม เราก็เอาง่ายๆ ทำไมเราจึงหลับ เพราะเราง่วง ทำไมเราจึงง่วง เพราะเราหนื่อยและค่ำแล้วต้องพักผ่อน ทำไมเราต้องพักผ่อน เพราะเป็นการสร้างสมดุลให้ร่างกายไม่เจ็บป่วย ทำไมร่างกายต้องเจ็บป่วย เพราะร่างกายทำงานผิดปกติ..... นี่ก็เป็นตัวอย่างที่เราคิดขึ้นมาว่าการที่เราทำโน่นทำนี่นั้นมันมาจากเหตุจากปัจจัยจริงหรือเปล่า ลองคิดดูสิ พระพุทธเจ้าตรัสว่า ถึงแม้เราจะรู้ว่ากรรมที่เกิดขึ้นนั้นมาจากชาติที่แล้วก็ตาม แต่การเกิดขึ้นนั้นมันก็มาจากเหตุจากปัจจัยทั้งสิ้น มันไม่ได้เกิดขึ้นมาเองลอยๆ......นี่เป็นคำตอบของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พอเราได้อ่านแล้วก็กิ๊บเก๋ยูเรก้าขึ้นมาทันทีเลยนะ ดังนั้น สิ่งที่ได้จากการอ่านทำให้เราคิดได้ว่า การกระทำของมนุษย์นั้น ล้วนแล้วแต่มีเหตุปัจจัยทั้งสิ้น ไม่มีประโยชน์เลยที่จะมานั่งคิดว่า ทำอะไรตายไปแล้วขึ้นสวรรค์ ทำอะไรตายไปแล้วลงนรก ทำอะไรตายไปแล้วเกิดเป็นเทวดา เพราะการคิดแบบนั้น เรากำลังยึดติดกับร่างกายเราอยู่ จะคิดไปทำไมว่านี่คือกรรมเก่า เพราะสิ่งที่มันเกิดขึ้นกับเรามันไม่ได้มาลอยๆ มันมีเหตุมีปัจจัยทั้งสิ้น มันไม่ได้เกิดมาจากเรา เมื่อมันไม่ได้เกิดมาจากเรา มันก็ไม่ใช่ของของเรา เมื่อเราไม่คิดว่ามันเป็นกรรมเก่า กรรมเก่าก็ไม่มี ไม่คิดว่าใครบันดาล บันดาลก็ไม่มี ไม่คิดว่าเกิดขึ้นมาเอง เกิดขึ้นมาเองก็ไม่มี มันก็จะอยู่นิ่งๆเฉยๆ เพราะเรารู้อย่างแท้จริงว่าทุกข์นี้มีเหตุมีปัจจัย สุขนี้มีเหตุมีปัจจัย....กรรมก็เป็นเรื่องที่เข้าใจง่ายและนำไปสู่หนทางนิพพานได้เหมือนกัน |