ในปัจจุบันนี้มีการนำลวดสายไฟมาใช้ตามอาคาร
บ้านเรือน สถานที่พักอาศัย ใช้ในยานพาหนะเกือบทุกชนิด รวมทั้งของใช้และของเล่นรอบตัวเรา จึงทำให้ลวดสายไฟกลายมาเป็นสิ่งจำเป็นทางอ้อมที่มนุษย์ได้ใช้
นักวิทยาศาสตร์จึงได้ผลิตพลาสติกเคลือบลวดสายไฟให้มีขนาดแตกต่างกันไปขึ้นกับชนิดของงาน
ดังนั้นการผลิตพลาสติกเคลือบลวดสายไฟเพื่อให้ได้มาตรฐานและมีคุณภาพดีเป็นที่ต้องการของท้องตลาด
จึงทำให้ผู้ผลิตหันมาให้ความสนใจศึกษาถึงกรรมวิธีที่จะทำให้ได้ผลผลิตออกมามากซึ่งขณะนี้เป็นที่ต้องการอย่างสูง รวมทั้งหาวัตถุดิบชนิดอื่นทดแทน
ในขณะที่วัตถุดิบตัวเดิมเริ่มหายากและมีราคาแพง
เพื่อลดต้นทุนการผลิตจึงได้ทดลองทำชิ้นงานโดยใช้วัตถุดิบที่หาง่ายและมีราคาถูก ดังนั้นการสูญเสียงบประมาณจากการทดลองทำจากของจริง
เป็นสาเหตุทำให้ผู้ผลิตย้อนกลับมาพิจารณาเพื่อลดรายจ่ายส่วนนี้
นักวิทยาศาสตร์จึงได้จำลองปัญหาการเคลือบลวดสายไฟขึ้น
และนี่เป็นที่มาที่ทำให้คณิตศาสตร์มีส่วนเกี่ยวข้องกับการร่วมวิเคราะห์ถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเคลือบลวดสายไฟ
1 วัสดุที่นำมาเคลือบลวดสายไฟ
โดยทั่วไปในงานของเราใช้สารโพลีเมอร์ ซึ่งคนส่วนใหญ่รู้จักกันในนามของ เม็ดพลาสติก
เมื่อทราบข้อมูลแล้วทำให้นึกถึงงานทางด้านฟิสิกส์และวิศวกรรมศาสตร์
ซึ่งบางท่านอาจไม่นึกเลยว่าจะเป็นงานที่นักคณิตศาสตร์ก็สามารถประยุกต์คณิตศาสตร์เข้าร่วมศึกษาปัญหาชนิดนี้
ดังนั้นจึงขออธิบายหลักการทางคณิตศาสตร์ที่ใช้ในการศึกษาปัญหาการเคลือบสายไฟเป็นขั้นตอนดังนี้
1 สร้างตัวแบบคณิตศาสตร์เพื่อใช้อธิบายลักษณะการไหลของของไหล
ในปัญหาชนิดนี้คือสมการเชิงอนุพันธ์ย่อย
หลังจากทำการคำนวณได้ผลลัพธ์ออกมาแล้ว
ให้นำมาวิเคราะห์ถึงลักษณะของพลาสติกที่ทำการเคลือบลวดสายไฟที่ได้จากการใส่ข้อมูลเริ่มต้นว่ามีตำหนิที่ส่วนใด
หรือแตกหักง่ายที่ตำแหน่งใด
พลาสติกที่ทำการเคลือบลวดสายไฟนั้นมีความหนาหรือบางตามที่ต้องการหรือไม่
และราบเรียบสม่ำเสมอตลอดทั้งสายหรือเปล่า