|
การบำรุงรักษาเครื่องดูดความชื้น
Go to Chapter 1 บทนำ
Go to Chapter 2 วิธีการใช้เครื่องดูดความชื้นโดยทั่วๆ ไป
Go to Chapter 3 การบำรุงรักษา
Introduction
บทนำ
หน่วยงานที่ปฏิบัติงานด้านการให้บริการวิเคราะห์ด้วยเครื่องมือวิทยาศาสตร์คงตระหนักดีว่า เครื่องมือวิจัยวิทยาศาสตร์นั้นมีราคาสูง และมีความละเอียดอ่อนมาก ดังนั้นนอกจากภาระด้านการปรับปรุงการใช้เครื่องมือให้เกิดประโยชน์สูงสุดตามพิกัดของเครื่องแล้ว การดูแลสภาพแวดล้อมของห้องปฏิบัติการและการบำรุงรักษาเครื่องมือให้สามารถตอบสนองวัตถุประสงค์การใช้เครื่องมืออย่างมีประสิทธิภาพก็เป็นปัญหาสำคัญที่ต้องดำเนินการควบคู่กันไป นักวิทยาศาสตร์ผู้ใช้ (operator) และวิศวกรประจำเครื่อง (service engineer) ต้องร่วมมือกันดูแลรักษาสภาพแวดล้อมของห้องปฏิบัติการและเครื่องมือต่างๆ อย่างใกล้ชิดสม่ำเสมอเป็นกิจวัตร ถือเป็นรากฐานที่ดีในการบำรุงรักษาเครื่องมือและจะก่อให้เกิดผลดี คือ เป็นการเพิ่มอายุการใช้งานของเครื่องมือให้ยืนยาว รักษาสมรรถภาพของเครื่องตามอายุที่ควรจะเป็น และลดการใช้จ่ายในการบำรุงรักษาที่ไม่จำเป็นลง เป็นต้น
ห้องปฏิบัติที่ดีจึงถือเป็นหัวใจสำคัญของงานวิทยาศาสตร์ทุกสาขา ดังนั้นการมีห้องปฏิบัติการที่เหมาะสมย่อมจะก่อให้เกิดการเพิ่มประสิทธิภาพของงานได้มากขึ้น นอกจากนั้นประสิทธิภาพของห้องปฏิบัติการยังขึ้นอยู่กับองค์ประกอบของสภาพแวดล้อมภายในห้องด้วย องค์ประกอบของสภาพแวดล้อม เช่น ระบบความชื้นภายในห้อง ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก ในการวิเคราะห์/ทดสอบด้วยเครื่องมือวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่นี้จะมีปัญหาการถูกรบกวนระบบ เนื่องมาจากบรรยากาศภายนอก คือ คาร์บอนไดออกไซด์(CO2) และ น้ำ(HO2) ดังนั้นในขณะทำการวิเคราะห์ตัวอย่างจึงต้องควบคุมปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์และความชื้น เช่น เครื่อง FT-IR ต้องหมั่นทำความสะอาดในห้องปฏิบัติการและบริเวณเครื่องไม่ให้มีฝุ่น เพราะถ้าฝุ่นเข้าไปภายในจะทำให้เกิดความเสียหายได้ อุณหภูมิก็มีผลต่ออายุการใช้งานของเครื่องต้องควบคุมอุณหภูมิไม่ให้เกิน 30 องศาเซลเซียส เนื่องจากภายในเครื่องมือประกอบด้วยวงจรอิเล็คทรอนิคส์ มีความไวต่อความชื้นมากเป็นพิเศษ จึงจำเป็นต้องดูแลไม่ให้เครื่องมือและห้องปฏิบัติการมีความชื้นมากเกินไป โดยควบคุมความชื้นด้วยเครื่องดูดความชื้น (ความชื้นสัมพัทธ์ไม่เกิน 75%) เนื่องจากเครื่อง FT-IR นี้เป็นเครื่องลำแสงเดี่ยวจึงมีปัญหาเรื่องปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ หากอุณหภูมิสูงเกินไปจะทำให้อายุการใช้งานสั้นลง
Back to the top of this list
วิธีการใช้เครื่องดูดความชื้นโดยทั่วๆ ไป
ความชื้น คือ ปริมาณน้ำที่ผสมอยู่ในอากาศซึ่งมีค่าแตกต่างกันไป เมื่อต้องการดูดเอาปริมาณความชื้นออกจากห้องต้องพึ่งเครื่องดูดความชื้น เครื่องดูดความชื้นมีหลายแบบ แตกต่างกันตามความเหมาะสมของลักษณะงานและห้องปฏิบัติการ รูปด้านล่างเป็นเครื่องดูดความชื้นที่ใช้กับห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ ของศูนย์เครื่องมือฯ
รูปแสดงเครื่องดูดความชื้นที่ใช้อยู่ประจำ
ห้องปฏิบัติการวิเคราะห์/ทดสอบของศูนย์เครื่องมือฯ
วิธีการใช้เครื่องดูดความชื้นโดยทั่วๆ ไป
1. เสียบปลั๊ก
2. ครั้งแรกให้หมุนปุ่มควบคุมตามเข็มนาฬิกาไปที่ MAX DRY เครื่องจะทำงานต่อไปเรื่อยๆ
- พัดลมจะเริ่มดูดความชื้นจากอากาศในห้อง ผ่านคอยล์ซึ่งจะกลั่นเอาความชื้นออกทำให้ได้อากาศแห้งและอุ่นผ่านออกมาทางตะแกรงด้านหน้า
- ตั้งปุ่มควบคุมที่จุดนี้ 3-4 วัน คอยสังเกตความชื้นในบริเวณนั้นว่าแห้งไปบ้างหรือไม่ ถ้าเหงื่อหรือน้ำหยุดไหล และมีกลิ่นอับหายไปก็ให้หมุนปุ่มควบคุมทวนเข็มนาฬิกา จนกระทั้งถึงระดับความแห้งที่ต้องการ
- ควรให้เครื่องทำงานต่อไปนานเท่าที่ยังมีความชื้นอยู่ในห้อง
3. บนคอยล์จะมีละอองน้ำแข็งเกาะบางๆ เมื่อเริ่มให้เครื่องทำงานครั้งแรก แต่จะหายไปภายใน 60 นาที
- ถ้าอากาศภายในห้องเย็นประมาณ 65องศาF (17องศาC) หรือต่ำกว่า จะเกิดละอองน้ำแข็งเกาะที่คอยล์ฉะนั้นควรหยุดเดินเครื่อง
4. ครั้งแรกที่เครื่องทำงานจะดูดความชื้นเป็นจำนวนมาก จนกระทั่งบริเวณนั้นแห้ง
5. การที่เครื่องลดปริมาณความชื้นลง แสดงว่า เครื่องได้ทำงานตามหน้าที่ของมันแล้ว ทำให้บริเวณนั้นมีความชื้นระดับพอเหมาะ
6. การทำงานของเครื่องเป็นอย่างไร ควรตัดสินด้วยการสังเกตจากกลิ่นของความชื้นมากกว่าปริมาณความชื้นที่ถูกกำจัดออกไปเป็นน้ำอยู่ในถังภายในเครื่อง
7. ระบบควบคุมความชื้น (Humidistat) เพื่อให้เครื่องมีประสิทธิภาพ ประหยัด เครื่องจะทำงานอัตโนมัติเมื่อมีความชื้นมากเกินไปและจะหยุดทำงานเมื่อความชื้นลดลงถึงจุดที่ตั้งไว้ ปุ่มควบคุมนี้จะตั้งไว้ที่จุดใดก็ได้ระหว่าง OFF และ MAX DRY
8. ด้านหลังของเครื่องจะมีถังน้ำจุ แขวนอยู่สำหรับรองรับน้ำที่เกิดจากความชื้นในอากาศ โดยมีสวิตซ์ปิดอัตโนมัติเทื่อน้ำเต็ม เมื่อถังไม่มีน้ำเครื่องจะทำงานต่อไป สวิตซ์จะปิดเปิดตามระดับน้ำในถัง (เพื่อกันน้ำล้น) เมื่อน้ำมีปริมาณ ? ของถังเครื่องจะหยุดการทำงาน ถ้าต้องการปรับระดับน้ำในถังสูงต่ำให้หมุนสกรูที่กลางสปริงสแตนเลส ทวนเข็มนาฬิกาทีละ ? รอบ จนกระทั่งได้ระดับน้ำที่ต้องการ
9. อาจเอาถังน้ำออกและต่อท่อยางไปยังปลายท่อที่เครื่อง เพื่อให้น้ำไหลทิ้งก็ได้
Back to the introduction
การบำรุงรักษา
เครื่องดูดความชื้นที่ใช้งานเป็นเวลานานแล้ว จะเกิดการสะสมของสิ่งสกปรกที่มากับอากาศและลงไปผสมกับน้ำในถังของเครื่อง หรือส่วนที่น้ำสัมผัส รวมทั้งจะเกาะติดกับขดคอยล์ความชื้น ซึ่งการสะสมของสิ่งสกปรกนั้นนอกจากจะทำให้สกปรกแล้ว ยังทำให้ประสิทธิภาพของเครื่องเสื่อมลง สิ้นเปลืองพลังงานเพิ่มขึ้น เพื่อทำให้เครื่องดูดความชื้นมีประสิทธิภาพในการใช้งานเหมือนเดิม ย่อมต้องทำความสะอาด ทั้งนี้การทำความสะอาดเครื่องดูดความชื้นนั้น มีความยากลำบากและความซับซ้อนไม่เหมือนกัน ในการทำความสะอาด เพื่อให้การทำความสะอาดนั้นมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผลมากที่สุด คือ การทำความสะอาดที่ทำให้เครื่องดูดความชื้นมีสภาพใกล้เคียงกับสภาพเดิมมากที่สุด ต้องใช้ต้นทุน ระยะเวลา และรบกวนเวลาการใช้งานเครื่องมือวิเคราะห์และอุปกรณ์น้อยที่สุด
การทำความสะอาดภายนอก
ตัวตู้ภายนอก ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำยา ขี้ผึ้งหรือยาขัดเฟอร์นิเจอร์ใดๆ ทำความสะอาดเช็ดถูตัวตู้ ใช้แต่ผ้าสะอาดไม่มีน้ำมันหรือผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดก็เพียงพอ ควรทำความสะอาดตะแกรงและขดคอยล์ความเย็น เมื่อเห็นว่าสกปรก โดยใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดตะแกรงให้ทั่ว
ขดคอยล์ อากาศที่ผ่านขดคอยล์ความชื้นจะมีฝุ่นละอองเชื้อราปนมาด้วย ซึ่งจะมาเกาะพอกที่ขดคอยล์เป็นธรรมดาและจะถูกซะล้างไปจากคอยล์โดยน้ำที่เกาะคอยล์นี้เช่นกัน อย่างไรก็ดีนานๆ ผงฝุ่นละอองเหล่านี้อาจจับพอกหนาจึงจำเป็นต้องใช้แปรงอ่อนๆ ปัดความสะอาด ขณะที่ฝุ่นละอองเปียกและอ่อนตัวอยู่ ถ้าปล่อยทั้งไว้ให้แห้งแข็งตัวแล้วจะปัดทำความสะอาดยาก อาจต้องใช้น้ำช่วยถ้าจำเป็น
ถ้าจำเป็นต้องล้างคอยล์ด้วยน้ำ ต้องระวังอย่าใช้น้ำมากจนเข้าไปในส่วนประกอบต่างๆ ที่มีไฟฟ้า ใช้ขวดน้ำพลาสติกบีบล้างหรือเข็มฉีดยาฉีดน้ำเพื่อควบคุมปริมาณน้ำไม่ให้ไปถูกส่วนประกอบที่เป็นไฟฟ้า อย่าใช้ท่อน้ำรดต้นไม้ฉีดเป็นอันขาด พัดลมภายในเครื่องดูดความชื้นได้รับการหล่อลื่นมาจากโรงงานแล้วไม่จำเป็นต้องหยอดน้ำมันบ่อยๆ
Back to the introduction
|
|
|
|