วิถีจิตบุญ-บาปในพระพุทธศาสนา

อ.บุษกร เมธางกูร
ประธานมูลนิธิอภิธรรมมูลนิธิ

Click here to go to Abhidhamma Moonlanithi Foundation

ความสัมพันธ์ของจิตในวิถีในชาติหนึ่ง 

ต่อไปนี้จะขอสมมุติ เพื่อให้เกิดความเข้าใจกว้างๆ ถึงกระบวนจิต ซึ่งเกิดขึ้นแล้วมีอำนาจผลักดันให้เกิดจิตดวงต่อไป ในชาติหนึ่งๆของเรา ก่อนอื่นควรทำความเข้าใจถึงสัญลักษณ์ที่สมมุติดังต่อไปนี้ก่อนนะค่ะ 

สมมุติ เป็นปฏิสนธิจิตชึ่งเป็นจิตดวงแรก ในชาติหนึ่งเราเป็นมนุษย์ ปฏิสนธิจิตดวงแรกของความเป็นนมนุษย์ของเรา คือตอนที่อสุจิชายและไข่ของผู้หญิง หรือสเปอมกับโอวัมพบกันและปฏิสนธิจิตก็เกิดขึ้น ซึ่งเกิดขึ้นมาจากอำนาจของจิตดวงที่แล้วที่อยู่ในชาติก่อน ที่เรียกว่าจุติ อันเป็นจิตดวงสุดท้ายของชาติ แหละถ้าสมมติเป็นจุติจิต ซึ่งเป็นจิตดวงสุดท้ายชาติหนึ่งของสัตว์ทั้งหลาย เมื่อจุติดับลงย่อมมีอำนาจผลักดันให้เกิดปฏิสนธิจิตทันทีทันใด ถ้าบุคคลนั้นยังมีกิเลสอยู่ มิใช่ว่าไปล่องลอยหาที่เกิด การบอกว่ามนุษย์เราตาย แล้วหาที่เกิดไม่ได้ เป็นความเห็นผิด(มิจฉาทิฏฐิิ) จะเห็นว่าวันตายของคนที่มีกิเลส คือวันเกิดของคนนั้นเอง ส่วนจะเกิดเป็นชาติคนอีก หรือชาติเดรัจฉาน หรือชาติเทวดาก็เป็นเรื่องของอำนาจกรรม 

สมมุติเป็นการเกิดของภวังคจิตหลายดวง สมมุติเป็นภาวะจิตที่ทำงานทางประตูทั้ง 6 (วิถีจิต) สมมุติการเกิดขึ้นของภวังคจิตสลับกับจิตที่ทำงานทางประตูมากมาย สำหรับวิถีจิตตั้งแต่เกิดจนตาย  จะเป็นอย่างไร ขอให้ติดตามต่อไป

วิถีจิตบุญบาปของทารกในครรภ์ จนถึงเด็กอายุ ๒ ขวบ 

กรรมคือเจตนาย่อมประกอบอยู่ในจิต เพราะเจตนาเป็นเจตสิกดังที่ท่านได้ศึกษามากับอาจารย์มาลี และอาจารย์สง่าตอนประเภทของเจตสิกในบทที่ ๓ กรรมดี หรือกุศลกรรม และกรรมชั่ว หรืออกุศลกรรม ย่อมเกิดขึ้นในวิถีจิต ทางแสดงออกของกรรมมี ๓ ทาง คือ การกระทำทางกาย (กายกรรม) การกระทำทางวาจา (วจีกรรม) และการกระทำทางใจ (มโนกรรม) ทารกที่อยู่ในครรภ์สามารถแสดงออกได้ ในรูปของมโนกรรม คือ กรรมทางใจ ซึ่งเกิดในวิถีจิต วิถีจิตแรกของทารกในครรภ์เป็นมโนกรรมที่ประกอบอยู่ในโลภมูลจิต คือ หมายความว่า การที่มาเกิดเป็นมนุษย์ย่อมอาศัยตัณหานำเกิด ดังที่พระพุทธองค์ตรัสว่า ตัณหาทำให้ต้องเวียนว่ายตายเกิด เมื่อมาเกิดเป็นมนุษย์ จึงทำให้มีโลภมูลจิตเกิดขึ้นในวิถีจิตก่อน 

จากนั้นทารกในครรภ์ อาจเกิดถึงวิถีจิตที่มีความทุกข์ใจ เพราะอาศัยทุกข์กายเป็นปัจจัย ดังที่ได้กล่าวไว้ในตอนต้นว่า บางครั้งไฟธาตุของมารดาทำให้ทารกในครรภ์เกิดทุกข์กาย และทุกข์กายย่อมทำให้เกิดทุกข์ใจ ทุกข์ใจนี้ย่อมเกิดในโทสมูลจิต แม้เด็กจะมีโทสะ แต่กำลังยังอ่อน เพราะเกิดทางใจ และภาวะร่างกายย่อมอ่อนแออยู่ ที่สังเกตได้ชัดตอนที่เกิดเสียงดังหรือมารดาล้มลง ทารกในครรภ์ก็ตกใจกระทุ้งท้องมารดา ความตกใจนี้ก็เป็นจิตจำพวกโทสะ คำว่าโทสะไม่ได้หมายถึงเฉพาะความโกรธรุนแรง แม้ความโกรธเล็กๆ น้อยๆ ความไม่พอใจนิดเดียว ก็ถือว่า เกิดโทสะแล้ว

ตอนที่ทารกอยู่ในครรภ์ ตอนที่มีวิถีจิตเกิดขึ้น คือไม่ใช่ตอนหลับสนิท  ส่วนใหญ่เกิดความรู้สึกเฉยๆ ที่ปกคลุมไปด้วยโมหะ คือ ความมืดบอดของดวงจิต นี่ไงค่ะท่านทั้งหลาย ย่อมแสดงให้เห็นชัดว่า แม้ทารกอยู่ในครรภ์ก็มีกิเลสเกิดขึ้น แม้จะมีกำลังกิเลสเพียงเล็กน้อยก็ตาม เพราะทารกที่เกิดขึ้นยังเป็นปุถุชน คือผู้หนาด้วยกิเลส กำลังกิเลสที่สั่งสมในชาติก่อนๆ สามารถมีกำลังอำนาจหนุนเนื่อง ให้เกิดกิเลสขึ้นมาได้ ด้วยเหตุนี้เองใครที่บอกว่า เด็กบริสุทธิ์เหมือนผ้าขาวที่พับไว้จึงเป็นมิจฉาทิฏฐิ คือ เห็นผิดจากความเป็นจริง 

แต่อย่างไรก็ตาม ทารกที่อยู่ในครรภ์สามารถเกิดจิตบุญในวิถีจิตได้ โดยเฉพาะพระโพธิสัตว์ หรือทารกที่กำลังจะเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า หรือพระอัครสาวก

วิถีจิตบุญ-บาป ของวัยรุ่น

บางคนบอกว่า วัยรุ่นเป็นวัยวุ่น เห็นจะเป็นจริงอย่างมาก โดยเฉพาะในสังคมปัจจุบัน หากพิจารณาถึงสถิติการทำผิดของวัยรุ่นในสมัยนี้ ทั้งในสังคมตะวันตก และในเมืองไทย ปรากฏว่าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าวิตก บางคนถึงขนาดตั้งฉายาวัยนี้ว่า วัยวิกฤติ วัยพายุบุแคม

คำว่า “วัยรุ่น” หมายถึง เป็นวัยที่เจริญเติบโตไปสู่วัยผู้ใหญ่ เป็นวัยที่เชื่อมระหว่างวัยเด็กกับวัยผู้ใหญ่ โดยอาศัยความเจริญด้านร่างกายเป็นเกณฑ์ตัดสิน เนื่องจากมีการศึกษาและพบว่า เด็กชายจะเจริญเติบโตเริ่มเข้าสู่วัยรุ่นช้ากว่าเด็กหญิงประมาณ 2 ปี จึงมีการแบ่งวัยรุ่นออกเป็น 4 ระยะ

  1. วัยเริ่มเข้าสู่วัย ชายอายุระหว่าง 13 –15 ปี หญิงอายุระหว่าง 11 – 13 ปี
  2. วัยรุ่นตอนต้น ชายอายุระหว่าง 15 – 17 ปี หญิงอายุระหว่าง 13 –17 ปี
  3. วัยรุ่นตอนต้น ชายอายุระหว่าง 15 – 17 ปี หญิงอายุระหว่าง 13 –17 ปี
  4. วัยรุ่นตอนปลาย ชายอายุระหว่าง 18 – 21 ปี หญิงอายุระหว่าง 19 – 20 ปี

วัยรุ่นนี้เป็นวัยคะนอง คะนองกาย คะนองวาจา และคะนองใจ จึงมักทำอะไรด้วยมือไวใจเร็ว ขาดประสบการณ์มักมองปัญหาไม่สุขุมรอบคอบ มักหลงระเริงไปกับสภาพแวดล้อมภายนอก สร้างความประมาทให้แก่ชีวิตได้ง่าย

อย่างไรก็ตาม ยังมีวัยรุ่นที่มีบุญบารมีสั่งสมมาแต่ชาติปางก่อน ย่อมมีความรู้สึกนึกคิดที่มีความรับผิดชอบ รู้จักแยกบาป บุญ คุณ โทษ วัยรุ่นประเภทนี้ แม้ร่างกายยังไม่เป็นผู้ใหญ่ แต่จิตใจเป็นผู้ใหญ่ พร้อมบริบูรณ์ วัยรุ่นจำพวกนี้ ย่อมเกิดวิถีจิตบุญมาก บางคนเกิดวิถีจิตบุญยิ่งกว่าบุญ คือรู้จักเสียสละ ช่วยเหลือสังคม ทำประโยชน์ให้ส่วนรวม และชักจูงผู้อื่นมาทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติ

ขณะเดียวกัน ก็ยังมีวัยรุ่นอีกจำพวกหนึ่ง ที่ถูกอำนาจฝ่ายต่ำ คือบาปจากชาติก่อนๆ มาครอบงำ ความรู้สึกนึกคิด แม้ว่าบิดามารดา ครูบาอาจารย์ จะสั่งสอนอบรมอย่างดีเลิศสักปานใดก็ตาม แม้จะมีสภาพแวดล้อมที่คอยชักจูงให้เป็นคนดีมากแค่ไหนก็ตาม วัยรุ่นพวกนี้ยังติดนิสัยสันดานชั่วจากชาติก่อนนั่นเอง วัยรุ่นประเภทนี้ ย่อมเกิดวิถีจิตบาปมาก และมักเป็นบาปทุจริต เบียดเบียนตนเองและสังคม

ยังมีวัยรุ่นอีกประเภทหนึ่ง เป็นวัยรุ่นที่ต้องอาศัยสภาพแวดล้อม ชักจูงจิตใจหากสภาพแวดล้อมทราม พลอยกระตุ้นให้จิตใจของวัยรุ่นเหล่านี้ เสื่อมทรามไปด้วย หากสภาพแวดล้อมดีก็ทำให้ภาวะจิตใจของวัยรุ่นดีงามไปด้วย วัยรุ่นประเภทนี้จึงอยู่ระหว่างหัวเลี้ยวหัวต่อของทางชีวิตที่ดีหรือเลว ที่ไปสู่ทางพัฒนาหรือที่ไปสู่ทางด้วยพัฒนาของชีวิต

สภาพสังคมไทยปัจจุบัน ความเจริญทางวัตถุ เป็นไปอย่างรวดเร็ว จนถึงขนาดไม่เพียงแต่แซงหน้าความเจริญด้านจิตใจ ยังพาฝุ่นตลบกลบจิตใจให้แปดเปื้อนเลอะเทอะไป หมายความว่าเมื่อวัตถุที่นำความสะดวกสบายให้แก่ร่างกายและจิตใจแบบชั่วแล่น เพิ่มพูนมั่งคั่งขึ้น คนก็ไปหลงใหล เห่อเหิมทะยานอยาก จนเกิดค่านิยมที่อันตราย เพราะไปทำลายความก้าวหน้าของจิตใจ เช่นค่านิยมที่ยึดถือเงินคือพระเจ้าของชีวิต ใครทำงานแล้วได้เงินมามากๆ โลกสังคมกลับไปยกย่อง ใครที่มีอุดมการณ์ทำงาน เพื่อสังคมสังคมปัจจุบันกลับไม่เหลียวแล บางทีกลับดูแคลนหาว่าโง่กินอุดมการณ์ จะอิ่มเมื่อไร ค่านิยมมหาภัยนี้แหละ ย่อมก่อพฤติกรรมต่ำทราม เช่นในวงราชการ เกิดโรคคอรัปชั่นระบาดอย่างเรื้อรัง ผู้ปกครองประเทศกลับถูกพ่อค้านักธุรกิจ นำเงินทองเข้าไปหลอกล่อ จนผู้ปกครองประเทศยอมตามเพราะอยากได้เงินตัวเดียว

ผลก็คือการปกครองประเทศมิใช่เพื่อสังคม มิใช่เพื่อประชาชนชาวไทยที่แท้จริง แต่เพื่อจะได้มีโอกาสกอบโกยทรัพย์เงินทองเข้ากระเป๋าของตน นี่แหละเป็นปัญหายิ่งใหญ่ที่ก่อให้สภาพแวดล้อมของสังคมไทย คือเสื่อมทรามลงไป เพราะผู้ปกครองประเทศไม่ได้ต้องการสร้างคุณภาพของสังคมที่แท้จริง

ระบบการศึกษายังไม่ได้มุ่ง เพื่อพัฒนาคุณภาพของชีวิตของตน ครูที่มีอุดมการณ์เพื่อสังคมถูกทอดทิ้ง ครูที่ช่างประจบ มัวเมาด้านวัตถุ ก็จะเข้ามาครองอำนาจ และทอดทิ้งค่านิยมดีงามเก่าๆ ของคนไทย กลับไปรับค่านิยมบูชาวัตถุของทางตะวันตกมาแทนที่ จนทอดทิ้งตำแหน่งอันทรงเกียรติของความเป็นครู และกลับไปสวมตำแหน่งนักโฆษณาให้คนไทยเห่อเมืองฝรั่งมังค่าอย่างไม่ลืมหูลืมตา ที่เห็นได้ชัดๆ ก็คือ ถอดแบบการศึกษาของฝรั่งเข้ามา ยัดเยียดอยู่ในหลักสูตรไทยอย่างไม่เหมาะสม ทอดทิ้งวิชาการที่ดีงามที่บรรพบุรุษได้เก็บไว้ เพื่ออนุชนรุ่นหลัง เช่นวิชาการพุทธวิทยาศาสตร์สาขาต่างๆ อันมีพุทธเศรษฐศาสตร์ พุทธจิตวิทยา พุทธรัฐศาสตร์ พุทธจิตเวช พุทธตรรกวิทยา เป็นต้น

ดังที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น เพื่อชี้ให้เห็นมูลเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดปัญหาของสิ่งแวดล้อม ที่ทำลายคุณภาพของจิตใจวัยรุ่น ได้แก่ ผู้ปกครองประเทศ หรือนักการเมืองที่ทำตนเป็นนักโกงเมือง จึงทำกวนเมืองให้ปั่นป่วน จึงไม่เหลียวแลคุณภาพของการศึกษาเล่าเรียนในโรงเรียน วิทยาลัย มหาวิทยาลัย เนื่องจากระบบการศึกษาปัจจุบัน มุ่งแต่วิชาเพื่อให้นักเรียนนักศึกษานำไปเลี้ยงร่างกาย โดยทอดทิ้งวิชาการเพื่อให้เขาเหล่านั้นรู้จักเลี้ยงร่างกาย โดยทอดทิ้งวิชาการเพื่อให้เขาเหล่านั้นรู้จักเลี้ยงจิตใจให้อิ่มเอิบ นอกจากนี้ ด้านสื่อมวลชน วิทยุ โทรทัศน์ รัฐบาลยังไม่มีการนำมาเป็นเครื่องมือพัฒนาจิตใจวัยรุ่นและประชาชน จึงทำให้สื่อมวลชนมุ่งแต่มอมเมาจิตใจวัยรุ่น และผู้ปกครองเด็ก ทำให้แต่ละครอบครัวเกิดค่านิยมผิดๆ หลงบูชาวัตถุ ทำลายความมั่นคงของครอบครัว

ในปัจจุบันสหรัฐอเมริกา เกิดความปั่นป่วนด้านครอบครัว เมื่อค่านิยมหลงวัตถุทำพิษเอา ครอบครัวที่แตกแยกมีมากมาย ปีหนึ่งๆ มีการหย่าร้างถึงล้านราย คือว่าแต่งงาน 3 คู่ อย่างน้อยต้องหย่าร้าง 1 คู่ เด็กที่เกิดจากพ่อแม่ที่หย่าร้างได้รับความทุกข์ ขาดความอบอุ่นขาดที่พึ่ง

เมืองไทยควรดูงานด้านนี้ให้ลึกซึ้ง ระวังอย่าให้โรคระบาดเช่นนี้เข้ามาในเมืองไทยเลย ไม่ควรไปหลงวัตถุตามฝรั่งเขาเลย สิ่งแวดล้อมในปัจจุบันยั่วยุวิถีจิตของวัยรุ่น ไปในทางบาป และจะรุนแรงยิ่งขึ้น ถ้ารัฐบาลยังไม่ปรับปรุงหลักสูตรการศึกษา ตลอดจนมุ่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนตระหนักถึงคุณค่าด้านจิตใจ เลิกหลงบูชาวัตถุอย่างไม่ลืมหูลืมตา มิใช่เพียงให้คนส่วนน้อยรับใช้สังคมโดยไม่มีการเหลียวแลจากผู้จัดการของสังคม คือรัฐบาล

วิถีจิตบาปอันตรายที่เกิดแก่วัยรุ่น

ชายหญิงที่เข้าสู่วัยรุ่น ร่างกายย่อมเริ่มมีการเจริญเติบโตทางเพศจนถึงขั้นพร้อมที่จะประกอบกามกิจ คือฝ่ายหญิงเริ่มมีประจำเดือนซึ่งแสดงถึงว่ามีการผลิตไข่ อันสามารถไปผสมกับเชื้ออสุจิของชาย ต่อมเพศหญิงทำให้สัดส่วนของร่างกาย เริ่มเปลี่ยนแปลง เช่น ทรวงอกขยายใหญ่ สะโพกผาย เอวคอด ส่วนวัยรุ่นฝ่ายชาย อวัยวะเพศขยายตัวอย่างรวดเร็ว มีขนตามอวัยวะเพศ น้ำเสียงเปลี่ยนจากเดิมคือห้าวขึ้น มีลักษณะที่เรียกว่าแตกพาน อวัยวะเพศผลิตเชื้ออสุจิ ต่อมเพศยังมีการผลิตฮอร์โมนซึ่งทำให้มีหนวด ความเจริญเติบโตทางเพศนี้ ย่อมทำให้เกิดวิถีอกุศลจำพวกโลภะทางเพศ คือ มีความรู้สึกต้องการทางเพศขึ้นมา

จริงอยู่ความรู้สึกต้องการทางเพศนี้เป็นอกุศล แต่ก็ถือเป็นกิเลสธรรมดาของปุถุชน ไม่ทุจริต บัณฑิตไม่ติเตียน เพราะเป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งของปุถุชนเรา แต่ความต้องการทางเพศที่เกิดการไปทำลายจิตผู้อื่น เช่นเกิดไปผิดกาเม ลูกเมียผู้อื่น ย่อมเป็นที่ติเตียนของบัณฑิตทั้งหลาย เพราะเป็นทุจริตอันสามารถเบียดเบียนตนเอง และผู้อื่น การเกิดวิถีจิตบาปด้านเพศนี้ ปัจจุบันนี้มีมากขึ้นเพราอาศัยแหล่งอบายมุข ยั่วยุ หนังสือโป๊ ภาพยนตร์ ตลอดจนมีการรู้จักคุมกำเนิดทำให้นักเรียน นักศึกษาไทยเลียนแบบวัยรุ่นฝรั่ง นึกว่าโก้ ยิ่งสมัยที่กำลังเห่อเสรีภาพจอมปลอม คือปล่อยให้กิเลสเสรีข่มขี่ ข่มเหงความสำนึกผิดชอบชั่วดี ทำให้วัยรุ่นปล่อยให้เกิดวิถีจิตที่มีความต้องการทางเพศอย่างพลุกพล่าน ไร้การควบคุม ทำให้เสียหายมาสู่ชีวิต บางรายถึงกับเสียอนาคตไปเลย 

ตัวอย่าง มีวัยรุ่นนักเรียนชายคนหนึ่งในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในจังหวัดสุโขทัย ได้ขโมยเงินทางบ้านมาหมื่นกว่าบาท แล้วชักชวนนักเรียนหญิงคู่ควงของตนเข้ามาพักโรงเรียนในกรุงเทพ อยู่กินหลับนอนเหมือนสามีภรรยา เวลากลางวันก็เที่ยวดูหนังฯ จนเงินหมด จึงกลับไปบ้าน ต่อมาวัยรุ่นนักเรียนหญิง เกิดตั้งครรภ์ขึ้นมา ครูประจำชั้นและเพื่อนๆ รู้เข้า เรื่องจึงแดงขึ้น นักเรียนวัยรุ่นชายหญิงคู่นี้ ต้องถูกออกจากโรงเรียนไปเสียอนาคตไปเลย เพราะคิดสั้นนั่นเอง

หากเทียบนักเรียนไทยกับนักเรียนอเมริกา นักเรียนมะริกันนั้นมีวิถีจิตที่มีเจตนาที่สำส่อนทางเพศมากเหลือเกินจนเป็นปัญหาสังคมของเขา คือ นักเรียนหญิงของเขาเกิดไปสำส่อนจนมีบุตรขึ้นมา ต้องหอบบุตรไปโรงเรียน ทางโรงเรียนจำต้องมีที่รับเลี้ยงเด็ก บริการนักเรียนเขา เพราะนักเรียนหญิงไม่มีเงินพอที่จะจ้างคนอื่นมาดูแลลูกของตน เพราะแพงเกินกำลัง ค่าดูแลลูกชั่วโมงละประมาณไม่ต่ำกว่า 85 บาท แต่ในเมืองไทยยังไม่ถึงขั้นนั้น ดังนั้นจึงต้องระวังไว้ให้ดีนะค่ะเพราะทุกอย่าง ย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ.

นอกจากวิถีจิตด้านความต้องการทางเพศที่ไร้การควบคุม ที่ยังอันตรายแก่ชีวิตวัยรุ่นแล้ว วิถีจิตที่มีความต้องการอยากดัง (มานะเจตสิก) ในทางที่ผิดๆ เช่น ไปคิดว่าชกต่อยรังแกเขา ทำข้าวของคนอื่นเสีย กับยึดว่าเก่งกล้า ยังให้ทำผิดกฎหมาย ดังมีลูกเศรษฐีบางคน ไปขโมยของผู้อื่น โดยไม่ใช่หวังทรัพย์สิน แต่ต้องการแสดงว่าตนมีความสามารถ มีความเก่งกาจ จนต้องถูกนำตัวส่งศาล เด็กมีอีกหลายคนที่ไปสั่งสมวิถีจิตที่ยึดมั่นผิดๆ “ในเรา” “ของเรา”

ความยึดมั่นในความเห็นผิดๆ (ทิฏฐิเจตสิก) นี้เป็นมูลเหตุให้เกิดค่านิยมผิดๆ เช่น เป็นผู้ชายถ้าไม่กินเหล้า ไม่ใช่ผู้ชาย เป็นผู้หญิงถ้าเข้าวัดทำครัว ก็ไปนินทาว่า เป็นนางพิมพิลาลัยมาเกิดบ้างละหรือพูดให้ได้อาย ยึดว่า ทำชั่ว ได้ดีมีถมไป เป็นต้น ค่านิยมผิดๆ นี้ ทำให้ก่อพฤติกรรมที่เป็นภัยต่อชีวิตตนเอง และสังคมจากที่กล่าวมา เป็นวิถีจิตจำพวกโลภะของเด็กวัยรุ่น ยังมีวิถีจิตจำพวกโทสะที่เป็นพิษเป็นภัยต่อเด็กวัยรุ่น คือ การแสดงความโกรธ ชนิดเกิดชกต่อตีรันฟันแทง เช่น นักเรียนยกพวกตีกัน หรือว่าเกิดการก้าวร้าวพาลเกเร เช่น กล่าวมุ่งร้ายผู้อื่นลอยๆไร้เหตุผล.

วิถีจิตบุญที่เกิดแก่วัยรุ่น

วัยรุ่นยังสามารถมีความรู้สึกนึกคิด ในทางสร้างสรรค์ต่อชีวิตตนเองและสังคม อันเป็นวิถีจิตบุญ เช่น มีการเสียสละเพื่อบริการสาธารณะ ดังที่เราเห็นวัยรุ่นเป็นลูกเสือบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ต่างๆ มีการช่วยเหลือด้านจราจรบนท้องถนนเป็นต้น มีการศึกษาเล่าเรียนพุทธศาสนา วันอาทิตย์มีการทำบุญใส่บาตรผู้ใหญ่แนะนำ มีการอ่อนน้อมเคารพผู้ใหญ่ ครูบาอาจารย์ ฯลฯ และต่อไปก็จะพูดถึงวิถีบุญบาปของหนุ่มสาวให้ท่านได้รับทราบนะค่ะ 

วิถีจิตบาป-บุญของหนุ่มสาว 

วัยหนุ่มสาวในที่นี้ หมายถึงบุคคลที่มีช่วงอายุ 21-40 ปี วัยนี้โดยทั่วไป ย่อมต้องเกี่ยวข้องกับการมีคู่ครอง การประกอบอาชีพ การมีบุตรการต้องสัมพันธ์กับบุคคลต่างๆ ในสังคมเพิ่มขึ้น เช่นต้องสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน ผู้บังคับบัญชา หรือบุคคลที่ติดต่อด้านการงาน เป็นต้น จากการที่มีสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ เช่นนี้ ย่อมทำให้เกิดวิถีจิตบาป และบุญในลักษณะต่างๆ ดังจะกล่าวต่อไป 

วิถีจิตบาปที่เกิดแก่วัยหนุ่มสาว 

การที่หนุ่มสาวมีร่างกายพร้อมที่จะใช้ชีวิต ครองรักครองเรือง ย่อมใฝ่แสวงหาคู่ครอง หรือเรียกว่าหาแฟน ทั้งทางตรงหรือทางอ้อม มีบางรายบุญกุศลหนุนนำ ยังให้พบคู่ครองเพียงแต่ประสบพบหน้ากันครั้งแรก ที่เรียกกันว่ารักแรกพบ และมีชีวิตในครอบครัวอย่างถูกต้องทำนองคลองธรรม หนุ่มสาวบางคู่ แม้พบครั้งแรก ต้องสัมพันธ์จนเข้าอกเข้าใจกัน มีการอุดหนุนเกื้อกุลกัน จนเกิดความรักต่อกัน นี่ไม่ใช่รักแรกพบ แต่เป็นรักหลังพบ และก็มีการสู่ขอตามประเพณี ไม่ใช่ไปกระทำผิดกาม ในกรณีนี้หนุ่มสาวแม้จะมีวิถีชีวิตจำพวกโลภะ หรือตัณหา แต่ว่ามีกุศลคอยคุ้มครอง กรณีนี้บัณฑิตไม่ติเตียนเพราะไม่กระทำบาปทุจริต เป็นโลภะที่มีธรรมคอยคุ้มครอง ที่เรียกว่า ธรรมมิยโลภะ 

แต่มีหนุ่มสาวบางราย ปล่อยไฟราคะตัณหา ไร้การควบคุมจนเกิดการกระทำผิดกาม หรือก่อทุจริตกรรม เช่น ชายบางคนปล่อยโลภะทางเพศอย่างมาก พบหญิงสาวคนไหนก็บอกว่ามีรักแรกพบกับเธอ แบบนี้รักแรกพบจอมปลอมเพราะเป็นความเจ้าชู้ต่างหาก บางรายไปเกิดรักลวง ไปข่มขืนชำเรา วิถีจิตที่เกิดขึ้นย่อมเป็นภัยอันตรายแก่ผู้นั้น เพราะเป็นบาปทุจริต ยังนำความทุกข์แสนสาหัสมาสู่ชีวิตเขา 

ปัจจุบันนี้มีหลายคนยังเข้าใจผิดคิดว่า การเป็นชู้ทางกายเท่านั้น จึงเป็นบาปทุจริต ความจริง การเป็นชู้ทางใจก็เป็นบาปทุจริตเพราะเป็นมโนทุจริต แม้จะไม่เป็นกายทุจริตก็ตาม 

หนุ่มสาวเป็นอันมาก เล่นกับความรัก มักจะพบความทุกข์โศก เมื่อประสบความผิดหวัง จนมีศาลาคนเศร้าคอยปลอบใจ ผู้ที่พบความทุกข์อันเกิดจากความรัก จนมีศาลาคนเศร้าคอยปลอบใจผู้ที่พบความทุกข์อันเกิดจากความรัก จนมีนักเขียนหลายคน เขียนว่า รักแล้วพบ แล้วพลัดพราก สมหวัง แล้วผิดหวัง กรณีนี้วิถีจิตก็เป็นจำพวกโทสะ ที่มีความทุกข์ใจอยู่ในนั่นเอง 

เมื่อหนุ่มสาวได้แต่งงานไป บางรายต้องหย่าขาดภายหลังเพราะครั้งแรกไปหลงรักของเปลือกนอกคือรูปร่างหน้าตา หรือทรัพย์สินเงินทองฯ แต่พออยู่ด้วยกัน จิตใจเกิดไม่ลงรอยกัน ขัดกันจนต้องแยกทางเดินกัน เมื่อหนุ่มสาวแต่งงานเปลี่ยนที่อยู่ ฝ่ายหญิงก็ต้องพรากจากคุณพ่อ คุณแม่ ญาติพี่น้องที่อยู่บ้านเดียวกัน ย่อมยังให้เกิดวิถีจิตอกุศล ที่มีความเศร้าเสียใจ คุณแม่บ้านบางรายต้องเกิดวิถีจิตกลุ้มใจ เพราะคุณพ่อบ้านดื่มเหล้าเมายาเล่นการพนัน เที่ยวผู้หญิงกลับดึกๆ ดื่นๆ คุณพ่อบ้านบางราย ก็เกิดวิถีจิตที่แสนจะกลุ้มใจ เพราะคุณแม่บ้านมีเรื่องทะเลาะกับแม่สามี หรือว่าจู้จี้จุกจิกอย่างน่ารำคาญบางราย ไปเจอเมียเหมือนกับโจร ดุด่าอย่างสาดเสียเทเสีย หญิงบางรายถูกสามีทิ้ง ถึงกับแค้นใจ (วิถีจิตจำพวกโทสะ) ยิงสามีทิ้ง แล้วตัวเองยิงตัวตายตาม บางรายก็ใช้มีดตัดของลับของสามีทิ้ง ดังที่เป็นข่าว 

เมื่อแต่งงานกันมีบุตรขึ้นมา หนุ่มสาวก็ต้องเลี้ยงดูบุตรยามบุตรหกล้ม ป่วยเป็นไข้ บิดามารดาก็ต้องห่วง วิตกกังวล (วิถีจิตที่มีกุกกุจจะคือกังวลย่อมเกิดขึ้น) หรือเมื่อบุตรกระทำการไม่สบอารมณ์ผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ย่อมเกิดวิถีจิตไม่สบายใจ (โทสมูลจิต) บางทีดุด่า ตีลูก พ่อแม่บางรายเป็นคนพาล สอนลูกให้ขโมย ให้ค่านิยมผิดๆ ที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ ทำให้ลูกเป็นอันธพาล วัยรุ่นบางรายถูกเพื่อนเทียมสอนผิด ๆ 
ก็มีไม่น้อย 

ด้านการเลี้ยงชีพของหนุ่มสาว การหาอาชีพ ย่อมมีส่วนสัมพันธ์ต่อการที่จะให้เกิดวิถีจิตบาป เช่น ไปเลี้ยงชีพที่เป็นมิจฉาอาชีวะเข้า ย่อมยังให้เกิดวิถีจิตบาปทุจริต เช่น ทำอาชีพฆ่าสัตว์ ขโมย หรือรับจ้าง เป็นพยานเท็จในศาล ปลอมลายเซ็น โกงตาช่าง อาชีพบาปทุจริตที่นำความทุกข์มาสู่ชีวิตคืออาชีพที่เกี่ยวข้องการฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ผิดในกาม พูดเท็จ ส่อเสียด เพ้อเจ้อและคำหยาบ มีอาชีพบางอย่าง แม้จะไม่เป็นทุจริต แต่ก็เป็นอาชีพที่ล่อแหลมต่อการให้วิถีจิตบาปทุจริต คืออาชีพโสเภณี อาชีพค้าของเมา ยาพิษ อาชีพค้าเนื้อสัตว์ หรืออาชีพขายมนุษย์ อาชีพดังกล่าวพระพุทธองค์ตรัสว่า พึงละเว้นเสีย..ตามที่ท่านได้ศึกษามาไงค่ะ 

ท่านผู้เจริญในธรรมได้ฟังเรื่องบาปมามากแล้ว ต่อไปจะนำวิถีการเกิดกุศลมาให้ท่านทำความเข้าใจกันต่อไปนะค่ะ
วิถีจิตบุญของหนุ่มสาว

การอบรมบ่มนิสัยในตอนวัยเด็กและวัยรุ่นของบุคคลหนึ่ง ย่อมมีอิทธิพลต่อวิถีจิตบุญในวัยหนุ่มหรือวัยสาวของบุคคลนั้นเป็นอย่างมาก จริงอยู่มีหนุ่มสาวบางคนที่ชาวบ้านเรียกว่า เหลือเดน หรือ ”สันดานเขาเป็นอย่างนั้น ไม่สามารถที่จะดัดนิสัยได้” หนุ่มสาวที่ไม่เอาถ่านดังกล่าว ถูกอิทธิพลของวิถีจิตบาปในชาติก่อนๆ คอยจองล้างจองผลาญวิถีจิตในปัจจุบันของเขา กรณีนี้วิถีจิตบุญจะเกิดขึ้นย่อมยาก หรือที่เรียกว่า จิตใจคนที่ชั่วมามากจะทำความดีแสนยากยิ่ง 

ในทางตรงกันข้าม คนที่ทำบุญมามากยิ่งมาตั้งแต่ชาติปางก่อน ที่เรียกว่า บุพเพกตบุญญตา และอำนาจยังมาให้ผลอยู่ในชาตินี้ บุคคลนั้นย่อมง่ายที่จะได้รับคำแนะนำที่ดี อันทำให้เกิดวิถีจิตบุญ และโอกาสที่จะปรุงแต่งจิตให้เกิดวิถีจิตบุญย่อมง่าย หรือที่เรียกกันว่า คนที่ทำดีมามาก เวลาทำดี ย่อมง่ายมาก หนุ่มสาวที่ได้อบรมให้รู้จักบาปบุญคุณโทษ ให้รู้ซึ้งในบุญคุณ รู้ค่าของบุญกุศลย่อมเกิดวิถีจิตบุญได้ง่าย และที่สำคัญก็คือแม้จะมีความสนุกสนานเพลิดเพลินกับรูป รส กลิ่น เสียง สิ่งรับสัมผัสต่าง ๆ เช่น เกิดความรักในเพศตรงกันข้าม บุญกุศลก็คอยคุ้มครองอยู่ คือ จะไม่มีการเกิดวิถีจิตบาปทุจริตด้านนี้ คือไปกระทำผิดกาม มีชู้ เพราะนั่นเป็นการปล่อยตัณหาอย่างไร้การควบคุม เป็นการเบียดเบียนตนเองและผู้อื่น บุญกุศลจะคอยคุ้มครองไม่ให้เกิดบาปดังกล่าว ทำให้หนุ่มสาวที่มีบุญกุศลคอยคุ้มครอง มีความรักที่เป็นไปตามทำนองคลองธรรม ปราศจากรักลวง 

มีข้อน่าสังเกตว่า โดยทั่วไป หนุ่มสาวที่มีครอบครัวย่อมมีภาระมีความห่วงใยสมาชิกในครอบครัว เวลาจะทำบุญกุศลสาธารณะ ย่อมมีขีดจำกัดมากกว่าหนุ่มสาวที่ยังไม่มีครอบครัว หรือยังไม่แต่งงาน ย่อมมีเวลาที่จะอุทิศกับกุศลสาธารณะได้น้อยกว่า เพราะมีห่วงผูกพันธ์

การคบเพื่อนฝูงที่เป็นบัณฑิตของหนุ่มสาว ย่อมมีอิทธิพลต่อการเกิดวิถีจิตบุญ คำว่า “บัณฑิต” ในที่นี้ไม่ใช่พวกจบปริญญาทางโลก นั่นเป็นบัณฑิตตามสมมุติ ในทางพุทธวิทยาศาสตร์ บัณฑิต หมายถึงบุคคลที่งามด้วยกายวาจาและใจ เพื่อนที่ดีย่อมชักจูงให้ทำสิ่งที่ดีมีประโยชน์ ดิิฉันและคุณพ่อเคยสำรวจหนุ่มสาวที่ได้ไปฟังอภิธรรมที่อภิธรรมมูลนิธิ ตอนเรายังไม่ได้ย้ายมาจากวัดโพธิ์ พบว่าหนุ่มสาวที่ได้ไปฟังอภิธรรมเป็นจำนวนไม่น้อยมาจากเพื่อนฝูงชักชวนไป เนื่องจากหนุ่มสาวที่เข้าใจในอภิธรรม คือ เข้าใจในพุทธวิทยาศาสตร์ว่าด้วยชีวิตจิตใจ ย่อมสามารถนำความเข้าใจดังกล่าวมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันให้เกิดความสุขได้ ความเยือกเย็นปิติ จากคุณประโยชน์ที่หนุ่มสาวได้รับ ทำให้เป็นแรงกระตุ้นชักจูงญาติสนิทมิตรสหายมาดื่มด่ำรสพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ พระองค์ตรัสว่า บุคคลที่ชักจูงผู้อื่นมาทำคุณงานความดีเป็นบุคคลที่ทำบุญยิ่งกว่าบุญ 

นอกจากนี้ ประเพณีวัฒนธรรมของแต่ละสังคม ก็มีอิทธิพลวิถีจิตบุญของหนุ่มสาว ตัวอย่าง ในไทยประเพณีบวชนาค ทำให้หนุ่มไทยได้เข้ามาอุปสมบท รักษาศีลศึกษาพระธรรม ปฏิบัติธรรมในวันเข้าพรรษาเป็นจำนวนมาก หรือว่า หญิงไทยได้ทำบุญใส่บาตรพระ รักษาศีลอุโบสถ วันเกิด วันปีใหม่ ก็มีการทำบุญให้ทานวันสำคัญทางพุทธศาสนา เช่น วันวิสาขบูชา หนุ่มสาวจำนวนมากก็พากันไปทำความเคารพสักการะพุทธองค์ มีการเวียนเทียน เป็นต้น 

วิถีจิตบาป-บุญของวัยกลางคน 

วัยกลางคนนี้ มีนักจิตวิทยาทางโลกบางท่านบอกว่าอยู่ระหว่าง 40-60 ปี วัยกลางคนนี้ ภาวะร่างกายเริ่มเสื่อมโทรม หากกล่าวตามภาษาธรรม อำนาจกรรมที่อุดหนุนหล่อเลี้ยงร่างกายเริ่มอ่อนกำลังลงทำให้ความกระฉับกระเฉงลดน้อยถอยลงไปได้ ความเสื่อมของร่างกายดังกล่าวทำให้ไปกระทบต่อภาวะจิตใจได้เหมือนกัน ภาวะจิตใจของวัยกลางคนนี้ เป็นวิถีจิตบุญหรือบาปได้ดังจะกล่าวในรายละเอียดต่อไปนี้

วิถีจิตบาปของวัยกลางคน 

วิถีจิตบาปของวัยกลางคน การที่ร่างกาย หน้าตาท่าทางตลอดจนประสาทสัมผัส เช่น การมอง การฟัง ตลอดจนต่อมต่างๆ ของร่างกายเริ่มทรุดโทรมมีผลต่อความสามารถทางเพศ สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดความกังวลในจิตใจของชายหญิง โดยเฉพาะผู้ที่หลงมัวเมาในความเป็นหนุ่มสาว ชายหญิงที่เคยไปดูถูกดูหมิ่นคนแก่เฒ่าวัยชรา พอร่างกายตนเริ่มตั้งเค้าของความแก่ลง ย่อมทำให้เกิดภาวะจิตที่ตื่นตระหนกตกใจ เกิดความหวาดกลัว เศร้าเสียใจ วิตกกังวล (ทางภาษาธรรมเรียกว่า เกิด โทสมูลจิต คำว่า โทสะ ไม่ใช่หมายความถึง ความโกรธอย่างเดียว มีความหมายกว้างขวางกว่านั้น เช่น ความกลัว ความตกใจ ความไม่พอใจก็อยู่ในจำพวกโทสะ)

ตัวอย่างผู้หญิงที่อยู่ในระยะประจำเดือนเริ่มจะหมด ส่วนใหญ่อยู่ในอายุประมาณ 50 ปี หญิงบางคนอาจหมดเร็วหรือช้ากว่า ก่อนที่ประจำเดือนเริ่มหมด ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ เนื่องจากรังไข่แก่ตัวลง ยังได้ลดสมรรถภาพการทำงาน คือ จะผลิตฮอร์โมนน้อยลง ทำให้ประจำเดือนมาผิดปกติ และปริมาณโลหิตประจำเดือนก็ลดลงด้วย หญิงบางรายมีอาการปวดท้อง ปวดเจ็บเต้านมด้วย ภาวะเช่นนี้ ทำให้หญิงที่ขาดการอบรมจิตใจ ให้เต็มเปี่ยมด้วยคุณธรรมเกิดภาวะหงุดหงิด รำคาญใจเศร้าโศก กระวนกระวายขาดการยับยั้งชั่งใจ ภาวะจิตใจเช่นนี้ ทำให้เกิดการกระทำที่เกรี้ยวกราด ฉุนเฉียวขึ้นได้ และอาจมีจิตใจจำพวกโทสะอย่างรุนแรง ถ้าประสบกับอารมณ์ที่ไม่พึงพอใจ สำหรับฝ่ายชายที่รู้ว่า สมรรถภาพทางเพศหย่อนกำลังลง บางรายถึงกับหวาดกลัว เกรงว่าจะขาดความสุขในชีวิต ภาวะที่ไม่น่าปรารถนาเช่นนี้ เมื่อชายหญิงวัยกลางคนประสบอยู่ย่อมทำให้เกิดความทุกข์ขึ้นมาได้ นี่เป็นความจริงที่พระพุทะองค์ได้ตรัสไว้ในทุกขอริยสัจจ์ 

ด้านการงาน วัยกลางคนนี้อาจเป็นเครื่องวัดความก้าวหน้าของการงานอาชีพที่ได้ลงทุนลงแรงไป บางคนประสพความสำเร็จในการงาน ได้รับตำแหน่งสูงเป็นที่เชิดหน้าชูตาของคนทั้งหลาย ยังเกิดความภูมิใจเกินขนาดถึงกับหลงมัวเมาในผลงานของตน เที่ยวคุยอวดจนเป็นที่หมั่นไส้ของคนอื่น ข่มผู้อื่น บางคนที่ประสบความสำเร็จในการงาน มีเงินทองไหลมาเทมา จิตใจคิดเห่อเหิม อยากได้ชื่อเสียงใช้เงินทุ่ม เพื่อสร้างชื่อเสียงให้แก่ตนเอง แม้จะกระทำด้วยเล่ห์เหลี่ยมมายา ผิดศีลธรรมก็เอาทั้งนั้น บุคคลประเภทนี้เป็นผู้สั่งสมบาปมหันต์ เพรามุ่งหวังชื่อเสียงอย่างเดียว แม้จะทำทุจริตอย่างใดก็ไม่เกรงกลัว บางคนยิ่งกว่านั้นใช้วิธีคดโกง เพื่อให้ตนก้าวหน้าในงาน และก็ประสพผลสำเร็จด้วยจนบุคคลเช่นนี้ ดูถูก “กฏแห่งกรรม” ที่ว่าทำดี ได้ดี ทำชั่ว ได้ชั่ว และตนเองก็ไปบิดเบือนพระพุทธพจน์ ว่า ทำชั่วได้ดีมีถมไป เพราะตนเองก็ได้ทดลองทำมาแล้วและก็ได้ผลด้วยเขายังไม่รู้ว่า กรรมชั่วที่เขาก่อขึ้นนั้น ย่อมให้ผลแก่เขาในอนาคต ส่วนที่เขาเสวยผลที่น่าปรารถนานั้น เป็นเพราะบุญเก่าในชาติก่อนยังอุดหนุนอยู่ ถ้าบุญเก่าหมดไปเมื่อไหร่อำนาจบาปที่กระทำมาย่อมยังผลที่ไม่น่ายินดี ไม่น่าปรารถนาแก่เขาแน่นอน 

คนวัยกลางคนบางรายไม่ประสพความสำเร็จในการงาน อาจเป็นเพราะความเกียจคร้าน ขาดความรับผิดชอบต่อการงาน หรืออาจเป็นเพราะบาปเก่ากำลังมาให้ผล แม้ว่าตนจะทุ่มเทกำลังในการทำงานอย่างสุดฝีมือ ผลที่ประสพความล้มเหลวในตำแหน่งการงาน ทำให้เกิดความผิดหวังวิตกกังวล ดื่มเหล้าเมายา บางรายกลุ้มใจจนเป็นโรคประสาทหรือโรคจิต จากการศึกษาพบว่า มีคนที่เป็นโรคจิตอยู่ในวัยกลางคนเป็นจำนวนมากค่ะ 

วิถีจิตบุญของวัยกลางคน 

บุคคลที่ได้ผ่านโลกใช้ชีวิตมาจนถึงวัยกลางคน ถือได้ว่าได้เรียนรู้หาประสบการณ์ต่างๆ ให้แก่ชีวิตไม่น้อยเลย มีหลายคนได้บอกดิฉันว่า ยิ่งแก่ลง ยิ่งเห็นแจ่มแจ้งในคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามากขึ้น โดยเฉพาะที่ว่าสังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ ไม่ใช่เป็นสมบัติของเรา ถ้าเป็นของเรา เวลาผมหงอก บังคับให้มันไม่หงอกได้ไหม ไม่ได้ เวลาฟันหักบังคับไม่ให้หักได้ไหม ไม่ได้ เวลาหนังเหี่ยวย่น บังคับไม่ให้เหี่ยวย่นได้ไหม ย่อมไม่ได้ ที่ยกมาย่อมชี้ให้เห็นว่า คนกลางคนที่มีจิตใจที่เป็นบุญ มีปัญญา ย่อมสามารถนำประสพการณ์ชีวิตมาประกอบในการพิจารณา ให้มีปัญญาสว่างไสวแก่ดวงจิตมากยิ่งขึ้น 

จากการที่วัยกลางคนมีข้อมูลข้อเท็จจริงในชีวิตมากมายเช่นนี้ และจากที่ได้ใช้กุศลจิตพิจารณาถึงข้อมูลเหล่านี้ ยังให้วัยกลางคนมีความคิดที่สุขุมรอบคอบ มองอะไรสนใจอะไร ก็ด้วยความละเอียดลึกซึ้งกว่าที่เคยเป็นมา ด้วยเหตุนี้เมื่อคนวัยกลางคนมาศึกษาธรรมชาติของชีวิตจิตใจจากคำสอนของพระพุทธองค์ ก็จะมีความเข้าใจลึกซึ้งและแจ่มชัดได้ง่าย 

ด้วยเหตุผลดังกล่าว ความคิดความอ่านของวัยกลางคนที่อบรมบ่มกุศลจิตของตนมา ย่อมเป็นไปในแนวสร้างสรรค์รอบรู้ และชำนาญมากกว่าคนที่อยู่ในวัยอ่อนกว่า รู้จักว่าอะไรควร อะไรไม่ควร รู้จักว่าอะไรถูก อะไรผิดได้ดีกว่าวัยอ่อนๆ ทั้งนี้เป็นเพราะประสบการณ์ชีวิตได้ให้บทเรียนแก่วัยนี้มากกว่าวัยที่อ่อนกว่า และโอกาสที่วัยกลางคนจะใช้ความคิดพิจารณาบทเรียนชีวิตอย่างมีปัญญา ย่อมกว้างกว่าวัยที่อ่อนกว่า ดังที่เราได้พบเห็นกันว่า คนที่ใจร้อน อารมณ์หวั่นไหว พอเข้าสู่วัยกลางคน ก็เป็นคนที่ใจร้อนน้อยลง จิตใจมั่นคงขึ้น คนที่จิตใจดีอยู่แล้ว ก็จะมีความรอบรู้ในการเจริญกุศล เพราะโอกาสและเวลาฝึกฝนจิตให้เกิดบุญมีมากนั่นเอง 

ตำแหน่งการงานที่ต้องใช้ความคิด ความชำนาญหรือที่เรียกว่า "ที่ปรึกษา"ในกิจการงานที่เป็นสัมมาอาชีพ หรือกิจกรรมกุศลสาธารณะ มักมาจากคนในวัยกลางคน

ด้านการให้ทาน คนที่อยู่ในวัยนี้ ได้ประสพความสำเร็จในอาชีพการงาน เงินทองที่สะสมมาตั้งแต่วัยหนุ่มสาวจนถึงวัยนี้ ย่อมมีสำรองไว้มาก โอกาสที่จะทำบุญให้ทานย่อมมีมากกว่าวัยที่กำลังก่อร่างสร้างตัว 

สำหรับบุคคลที่มีลูกหลาน การที่สละทรัพย์สินให้แก่ลูกหลาน ย่อมก็ต้องถือเป็นการทำบุญให้ทานเช่นกัน หรือการสงเคราะห์ญาติมิตรอื่นๆ ก็เปิดโอกาสให้แก่คนในวัยนี้ไว้อย่างมากที่จะเจริญกุศลด้านนี้ด้วย เนื่องจากภาวะของวัยกลางคนได้ผ่านขีดเจริญสุดขีดไปแล้ว เหมือนพระอาทิตย์ผ่านเที่ยงวัน กำลังจะตก ความคล่องแคล่วของร่างกาย ย่อมลดลงไป ประสาทรับสัมผัสเช่น การมอง การฟัง ทำงานช้าลง การทำงานของต่อมต่าง ๆ ก็เริ่มช้าลงเช่นกัน สมรรถภาพทางเพศก็หย่อนลงตามไปด้วย ความรู้สึกทางเพศจึงไม่มาก เหมือนกับวัยรุ่นหรือหนุ่มสาว โอกาสที่ถูกกิเลสด้านตัณหาทางเพศมารบกวนย่อมน้อยกว่าวัยหนุ่มสาว ด้วยเหตุนี้คนที่อยู่ในวัยกลางคน ที่ได้หมั่นเจริญบุญกุศลมาตั้งแต่เยาว์วัย ย่อมมีโอกาสมากที่จะพัฒนากุศลจิต โดยเอาชนะกับตัณหาทางเพศได้ง่าย หรือกล่าวในอีกแง่หนึ่ง บุคคลวัยกลางคนที่จะรักษาศีลข้อที่ว่าจะหลีกออกจากกามย่อมมีโอกาสง่ายกว่าวัยหนุ่มสาว หรือวัยรุ่น 

ด้านพัฒนาจิตใจ (ภาวนา) คนที่มีปัญญา เมื่อวัยกลางคนย่างมาถึง การที่เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของสังขารในทางเสื่อม ซึ่งก่อให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บได้ง่าย ย่อมเล็งเห็นความสำคัญในการที่จะพัฒนาชีวิตให้พ้นจากความชรา มีความเพียรที่จะเจริญสมถภาวนา คือ ทำสมาธิ และวิปัสสนาภาวนา คือ รู้แจ้งแทงตลอดในแก่นแท้ของธรรมชาติเพื่อพ้นทุกข์เด็ดขาดถาวร อีกประการหนึ่ง ความตายกำลังใกล้เข้ามาเยือนแล้ว ย่อมสามารถกระตุ้นให้เกิดการกระทำที่ไม่ประมาทต่อชีวิต นั่นคือ การปฏิบัติธรรมด้วยการเจริญ สมาธิ หรือ วิปัสสนา ส่วนการเจริญกุศลด้านอื่น เช่น การอนุโมทนาบุญของผู้อื่นที่ได้ทำมา การฟังธรรม การบรรยายธรรม เหล่านี้ วัยกลางคนมีโอกาสทำมากกว่าวัยอื่นๆ 

วิถีจิตบุญบาปของคนชรา 

เมื่อความชราเข้ามาเยือน ความตาย คือ เป็นการดับขันธ์สิ้นชีวิตกำลังจะใกล้เข้ามาทุกที เหมือนกับตะวันกำลังจะดับแสงไปจากเวหา สภาพร่างกายของคนชราจะค่อยๆ ชำรุดทรุดโทรม เหมือนกับรถเก่าบุโรทั่ง ที่ตัวถังผุกร่อน เวลาแล่นดังเอี้ยดๆ เครื่องยนต์ก็หลวม สมรรถภาพทำงานหย่อน ไม่เข้มแข็ง วิ่งไม่คล่องว่องไวดังรถใหม่ 

ผิวหนังของคนชราเหี่ยวย่น เซลล์ต่างๆ ของร่างกายเริ่มตาย และจะมีเซลล์ใหม่มาเกิดทดแทนได้น้อย และเชื่องช้า เพราะอำนาจกรรมอ่อนกำลังลงทุกทีๆ รูปที่เกิดจากกรรมจึงผลิตสร้างอย่างอ่อนกำลัง ร่างกายจึงสึกหรออ่อนแอปรับตัวเข้าสภาพดินฟ้าอากาศได้ยาก ทำให้เกิดเจ็บไข้ได้ป่ายได้ง่าย แม้หายจากโรค แต่การบำรุงความเจริญของร่างกาย เป็นไปอย่างเชื่องช้า มีความทรุดโทรมมากกว่าความเจริญ ทำให้กำลังถอย เฉื่อยชา ขาดความกระฉับกระเฉง ตามืด หูหนัก ฟันหัก แก้มตอบ ผมหงอก สันหลังคดโค้ง ซี่โครงนั้นสะพรั่งไปด้วยเส้นเอ็น บางรายมือเท้าสั่นการทรงตัวไม่ดี 

จากสภาพร่างกายเสื่อมโทรมดังกล่าว ทำให้มีอิทธิพลต่อวิถีจิตบาปเป็นอย่างมากจริงๆ ต่อวัยนี้ ดังจะกล่าวต่อไปนี้

วิถีจิตบาปของคนชรา

จากร่างกายที่ทรุดโทรมนี้ ทำให้เกิดทุกข์กายต่างๆ ความชรานี้เหมือนกับศัตรู ซึ่งจับตัวเราท่านทำการทุบตีให้ต้องเจ็บปวดเมื่อย มึนงง ทุกข์กายที่เกิดจากการชราภาพของร่างกายนี้ ย่อมง่ายที่จะกระตุ้นให้เกิดทุกข์ใจอันอยู่ในวิถีจิตบาปจำพวกโทสมูลจิต หญิงบางคนเป็นคนขี้บ่นขึ้น เพราะการปวดนั่นปวดนี่ของร่างกายที่ชราภาพนั่นเอง 

ความชราปรากฏ ความคิดถึงเรื่องตายย่อมใกล้เข้ามา คนชราหลายคนได้ทราบข่าวจากเพื่อนฝูง ญาติมิตรรุ่นราวคราวเดียวกันจากไปทีละคนๆ ทำให้คนชราหลายๆ คน เมื่อได้ยินข่าวเช่นนั้น ถึงกับสะดุ้ง จิตใจสั่นสะเทือนด้วยความกลัว อกุศลจิตย่อมเกิดขึ้น ความชราภาพของสังขารร่างกายยังทำให้คนชราที่ขาดการเจริญบุญกุศล เช่น การฟังธรรม รักษาศีล เจริญภาวนามาในอดีต มัวแต่เมาในกามคุณอารมณ์อย่างไม่ลืมหูลืมตา ย่อมเกิดภาวะจิตใจที่หลงๆ ลืมๆได้ง่าย ความจำเลอะเลือน 

ยังมีคนชราอีกจำพวกหนึ่ง ตอนที่เป็นหนุ่มสาว ชอบไปดูถูกคนแก่เฒ่า หาว่าเป็นคนหัวโบราณ น่าเบื่อหน่ายอยู่ในโลกที่ซึมเซา พอชีวิตของตนเข้าวัยชรา คนชราพวกนี้ก็กลัวความแก่อย่างมาก หญิงชราบางคนกลัวว่าความสาวที่อันตรธานไป ถึงกับแต่งตัวเสริมสวยเป็นการใหญ่ จนแลดูแล้วเป็นที่น่าสมเพชของผู้พบเห็นมาก หญิงชราที่กลัวแก่เช่นนี้ ย่อมเกิดวิถีจำพวกโลภมูลจิต คือ ความติดหลงในความสาวสวยจนเลยเถิด บางรายถูกวิจารณ์ว่า แก่แล้วยังไม่เจียมตัว ถึงกับหน้าถอดสี การที่กลัวแก่ก็เป็นวิถีจิตจำพวกโทสมูลจิต คือ ความไม่พอใจในแง่ความกลัว ชายบางคนพยายามบำรุงร่างกาย สวมเสื้อผ้ามีฉูดฉาดบาดตา ดัดผมหงิกงอยิ่งกว่าการแต่งกายของคนหนุ่มสาว บางรายก็ยังหมกหมุ่นในเพศตรงข้าม ไม่เจียมสังขาร บางรายถึงกับหัวใจวายก็มี 

ความว้าเหว่ ความเปล่าเปลี่ยว อันเป็นวิถีจิตพวกโทสมูลจิตเกิดขึ้นแก่คนชราได้เป็นจำนวนมากเหมือนกัน ถ้าคนชรานั้นถูกลูกอกตัญญูทอดทิ้งไม่เหลียวแล ในสังคมตะวันตก คนชราต้องถูกทอดทิ้งจากลูกหลานเป็นจำนวนมาก เพราะประเพณีของฝรั่ง ลูกหลานโตขึ้นพ่อแม่ก็ปล่อยให้ไปผจญชีวิตด้วยลำแข็งของตนเอง พูดจาไม่เพราะหน่อย ก็ต่อว่าทิ้งบุตรให้ไปรับผิดชอบชีวิตตัวเองต่อไป ผลก็คือ ลูกก็ห่างเหินบิดามารดาของตนเองโดยปริยาย เมื่อบิดามารดาแก่ตัวลงก็ต้องดูแลตัวเอง คิดถึงบุตรหลานของตนเองก็แสนจะคิดถึง แต่ก็ไม่สามารถติดต่อสื่อสารแสดงความคิดถึงของตนได้ จึงเกิดความเศร้าใจหว้าเหว่เปล่าเปลี่ยว มีคนชราจำนวนมากไม่สามารถดูแลตนเอง ต้องไปอยู่สถานดูแลคนชรา ที่เรียกว่า Nursing Home 

ส่วนคนชราในไทย นับว่ายังโชคดีอยู่เป็นอันมาก เพราะอยู่กับบุตรหลาน ได้รับความอบอุ่นจากบุตรหลาน เพราะพ่อแม่ไทยไม่มีประเพณีทิ้งลูกตนให้ไปรับผิดชอบตามลำพัง คอยอุปการะลูกตน ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ไทยกับบุตรจึงมีสายใจเชื่อมสัมพันธ์ตั้งแต่เด็กจนแก่ 

คนชราบางคนปล่อยชีวิตอยู่ในความประมาทอย่างมาก เหมือนเป็ดไก่อยู่ในเล้าที่คนเขากำลังจะนำไปฆ่า แต่เป็ดไก่กลับร้องสนุกสนานร่าเริงอยู่ในเล้า เพราะคนชราเหล่านั้นมัวเมาหลงใหลในชีวิต กินบุญเก่า โดยไม่ยอมสร้างบุญใหม่ขึ้นมาเลย ไม่เพียงแต่เท่านั้น ยังสั่งสมบาปทุจริตเพื่อให้ชีวิตไปสู่อบายภูมิที่มีความทุกข์แสนสาหัสโดยไม่รู้ตัว เช่น คนแก่บางคนไปชนไก่ ยิงนก ตกปลา เป็นงานอดิเรก เป็นการสร้างวิถีจิตเบียดเบียนสัตว์ ทำลายสัตว์ เจตนาที่เบียดเบียนและทำลายไม่สูญหายไปไหน สั่งสมไว้ในจิตใจของผู้นั้น ครั้งเวลาคนชราที่ทำบาปทุจริตจะตาย ย่อมเปิดโอกาสอย่างกว้างขวางที่ต้องไปตกนรกหมกไหม้ในชาติหน้า 

มีคนชราผู้หนึ่ง ก่อนตายเอานิ้วหัวแม่มือชนกัน แล้วร้องว่า “เอาเลย ลูกพ่อ” จนนิ้วหัวแม่มือเลือดไหล ก็ยังไม่ลดละ ชายชราผู้นี้ก็ยังกระทำชนนิ้วหัวแม่มืออีก ลูกชายของชายชราทั้ง 2 คนเห็นเข้า รีบมาช่วยเหลือ แต่ชายผู้นี้ก็ยังทำเช่นนี้อีกแล้วดิ้น และสิ้นใจไป กรณีนี้มือไปแน่ คือไปสู่อบายภูมิ นี่เป็นเพราะมัวไปชนไก่มามากนั่นเอง มีคนชราบางคน ฆ่าหมูตั้งแต่หนุ่มจนแก่ก่อนตายร้องเสียงเหมือนหมู อีกรายหนึ่งฆ่าหมูมาโชกโชนเช่นกัน อยู่ที่อยุธยา ก่อนตาย ก่อไฟ เทน้ำลงในกะทะใบใหญ่เอาไม้พาดบนกะทะ แล้วตนก็ขึ้นไปนอนตกลงในน้ำร้อนในกะทะตาย 

ท่านผู้อ่านที่เคารพทุกท่าน ดิฉันได้พาท่าน ท่องมาในแดนมหัศจรรย์ของจิตที่ลี้ลับ และซ่อนเร้น แอบแทรกสิงอยู่กับชีวิตเราๆ มานมนานทำให้วัฎฎะสงสารหมุนไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดได้เลย แต่ยังไม่จบนะค่ะ เพราะในวันชรานี้มีเรื่องมากมายเลยที่จะเขียนออกมาค่ะและเกิดอกุศลชวนะได้มากด้วยค่ะ อย่าลืมติดตามต่อไปนะค่ะ 

ชายชราที่เคยล่าสัตว์ ยิงนกตกปลามาก่อนตาย มักได้เห็นภาพหรือได้ยินเสียงน่ากลัว แล้วก็ตายไป การตายเช่นนี้ไปสู่ทุคติภูมิแน่นอน พวกคนแก่ฝรั่งบางคนไม่รู้เรื่องชีวิตก่อนตาย อุตส่าห์เรียกลูกหลานของตน ให้เอาปืน หรือเครื่องมือล่าสัตว์ ที่ตนเคยใช้มาให้ดู ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้บาปกรรมชัดด้วยความไม่รู้ให้ตนตกนรกเสวยทุกข์เวทนาแสนสาหัส 

ฝ่ายหญิงที่หลงงมงายในชีวิต มัวไปสั่งสมจิตให้เต็มไปด้วยอกุศล มีการพูดจานินทาว่าร้ายผู้อื่น อิจฉาตาร้อน ข่มขี่ข่มเหงดูถูกดูหมิ่น หรือคิดคดโกงผู้อื่น ยิ่งทำให้เกิดอกุศลวิถีจิตง่าย แม้หญิงชราบางคน จะไม่ทำบาปทุจริตแต่ก็ล่อแหลมต่อบาปทุจริต คือ ชอบไปเล่นการพนัน มีนางพยาบาลคนหนึ่งบอกว่ากับคุณพ่อของดิฉันว่า มีคนไข้ที่โรงพยาบาลศิริราชคนหนึ่ง ก่อนตายทำมือทำไม้จนให้รู้ว่า คนไข้คนนี้อดีตต้องเป็นเซียนลำพัดหรือเล่นไพ่แน่นอน เมื่อทำมือเหมือนกับกำลังเล่นไพ่อยู่ แล้วก็ตายไป กรณีนี้ น่าอันตรายมาก เพราะการคิดถึงการเล่นการพนัน ย่อมง่ายต่อการไปคิดถึงบาป เช่น อยากได้ทรัพย์ผู้อื่นอย่างผิดทำนองครองธรรม ย่อมสามารถนำไปเกิดอบายภูมิได้เช่นกัน 

วัยชราเป็นวัยที่ง่ายต่อการให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บ เพราะอำนาจกรรมที่จะพยุงระบบร่างกายให้ดำรงอยู่อ่อน กำลังถอยลงๆทำให้เกิดความแปรผันด้านความสัมพันธ์ของระบบต่างๆ ภายในร่างกาย หรือบางส่วนทำงานไม่สัมพันธ์กัน น้ำย่อยต่างๆ ภายในร่างกายขาดความสมดุลย์ ตับไตขาดความสมบูรณ์ที่จะทำลายและขับพิษร้ายต่างๆ ออกจากร่างกาย และยังทำให้ร่างกายรับสิ่งเป็นพิษได้ง่าย ยังความโทรมมาสู่ร่างกาย คนชราบางคนเป็นโรคเบาหวาน เกิดวิถีจิตจำพวกโลภะทางรสอาหารมาก คือ อยากรับประทานโน่นรับประทานนี่เกินความต้องการของร่างกายจนต้องตายไปเพราะการกิน เช่นมีอยู่รายหนึ่งอยากกินทุเรียนขึ้นมากินเข้าไปทั้งลูกเลยค่ะ ความหวานเข้าร่างกายมากไป ถึงกับขามีน้ำตาลออกมา มดไปตอมขาเน่า และเสียชีวิตในที่สุด 

คนชราบางรายตายเพราะไปกินที่เหลาหรือที่ภัตตาคารบ่อยๆ เนื่องจากอาหารตามภัตตาคาร มีไขมันมากเกินไป ทำให้เส้นโลหิตตีบ หัวใจต้องสูบฉีดเลือดแรงขึ้น และทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนเสียชีวิตลงได้ 

คนชราบางคนดื่มสุราจัด ทำให้แอลกอฮอล์เข้าไปมากเกินไป ถูกดูดซึมไปเก็บไว้ในโลหิตฝอย ทำให้เส้นเลือดฝอยในสมองอุดตัน เซลล์สมองตายเป็นจำนวนมาก จะเห็นว่าคนชราที่มีวิถีจิตบาปมัวเมาในชีวิต ทำให้ปลิดชีวิตไปได้ง่ายๆ และที่ร้ายแรงกว่านั้น เมื่อตายไป ไปเกิดในอบายภูมิ ต้องเกิดวิถีจิตที่มีความทุกข์แสนสาหัสประจำ นี้ละค่ะชีวิตที่ขาดความรู้และขาดความรับผิดชอบชีวิตที่ดี ว่่าไปแล้วก็เพราะการไม่ได้ศึกษาหาความรู้ ความเข้าใจในชีวิตที่ตนแสนรักนั่นเองจึงตกอยู่ในความประมาทอย่างที่ไม่มีใครช่วยได้เลยค่ะ

วิถีจิตก็ไม่ต่างอะไรกับทางนั้นเอง..
ทางใครทางมันจริงๆนะค่ะ

วิถีจิตบุญของคนชรา

คนชราที่หมั่นฟังธรรมปฏิบัติธรรมมาตั้งแต่เยาว์วัย ได้สั่งสมจิตใจให้รู้ซึ้งถึงกฏของธรรมชาติ ไม่ได้วางจิตใจให้ขัดแย้งกับกฏธรรมชาติ ครั้นความชราได้ปรากฏเห็นได้ชัดแก่สังขารของตน เขากลับได้เห็นแจ้งในหลักธรรมที่ประทานโดยพระพุทธองค์ ทำให้ซาบซึ้งถึงว่า สรีระของคนเราอันกรรมทำให้เป็นนครแห่งกระดูกทั้งหลาย ฉาบด้วยเนื้อและโลหิต ย่อมเป็นที่ตั้งของชราและมรณะ ช่างก่อสร้าง เอาเหล็กผสมปูนตั้งเป็นเสาตึก เป็นโครงของตึก เป็นปูนฉาบทาด้วยปูนและสี ทำให้เป็นเรือนภายนอก กล่าวคือ นครอันมีที่สุด คือต้องผุผังไปฉันใด แม้สรีระนี้เป็นไปในภายในก็ฉันนี้น อันกรรมยังกระดูก 300 ท่อน ให้ยกขึ้นแล้ว ทำให้เป็นนคร อันเส้นเอ็นรึงรัดไว้ ฉาบทาด้วยเนื้อและโลหิต หุ้มห่อด้วยหนังอันมีที่สุด คือ ต้องชรา และมรณะ คนชราที่เข้าใจธรรมชาติของชรา กลับมีปัญญาเพิ่มพูนเต็มเปี่ยมในดวงจิต ทำให้เกิดความไม่ประมาทในชีวิต กลับมีกำลังใจ รับเจริญบุญกุศลต่อไป เพื่อเป็นเสบียงชีวิตในภายภาคหน้า 

การที่คนชรามีจิตเป็นกุศล ย่อมทำให้มีความเข้มแข็งที่จะเอาชนะกับความผิดปรกติที่เกิดขึ้นแก่สังขาร แม้จะมีโรคมารบกวนให้ทุกข์กาย แต่กลับมีจิตใจที่เยือกเย็น สุขสบาย เพราะมีปัญญาในธรรมนั่นเอง คนชราบางคนเมื่อร่างกายสมองซึมเซารู้จักออกกำลังสม่ำเสมอ เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนของออกซิเจนไปสู่สมอง ทำให้สมองของเขาตื่นตัวขึ้น รู้จักควบคุมการทานอาหาร งดดื่มหรือทานอาหารที่เป็นพิษต่อร่างกาย การรักษาสุขภาพกายและจิตนี้ ก็เป็นวิถีจิตจำพวกกุศล จะเห็นว่า กุศลนี้เป็นที่พึ่งของตนเองอย่างแท้จริง แม้เวลาจวนตาย บุญกุศลก็พาเกิดในสุคติภูมิ 

ได้ปัญญา เมื่อความชราปรากฏ 

ต่อไปนี้ จะขอยกตัวอย่างของหญิงผู้หนึ่งในสมัยพุทธกาล ชื่อว่า นางอัมพปาลี ในอดีต เธอเป็นหญิงสาวสวยงามพริ้งเพริศมาก ครั้นวัยชรามาเยือนเธอได้เห็นความจริงของสังขารร่างกายเธอ จนได้พบสันติสุขในชีวิตเธอ เธอได้พิจารณาความจริงของสังขารร่างกาย ดังนี้ 

  1. เมื่อก่อน ผมของเรามีสีดำ คล้ายกับสีปีกแมลงภู่ มีปลายงอน เดี๋ยวนี้กลายเป็นเช่นปอเพราะชรา พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง เป็นคำแท้ไม่กลับกลายเป็นอย่างอื่น
  2. เมื่อก่อนมวยผมของเรามีกลิ่นหอม ดุจอบด้วยดอกมะลิเป็นต้น เต็มไปด้วยดอกไม้ เดี๋ยวนี้มีกลิ่นเหมือนขนกระต่ายเพราะชรา พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง เป็นคำจริงแท้ไม่กลับกลายเป็นอย่างอื่น
  3. เมื่อก่อน ผมของเรามีปลายอันงาม วิจิตรด้วยหวี และเครื่องปักผมเหมือนป่าไม้อันปลูกเป็นแถวงามสะพรั่ง เดี๋ยวนี้กลายเป็นผมโกร๋นในที่นั้นๆ พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง เป็นคำจริงแท้ไม่กลับกลายเป็นอย่างอื่น
  4. เมื่อก่อน ผมของเราประดับด้วยมวยผมอันงดงาม ดังประดับด้วยทองคำอันละเอียด มีกลิ่นหอม เดี๋ยวนี้ ล้านตลอดหัวเพราะชรา พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง เป็นคำจริงแท้ไม่กลับกลายเป็นอย่างอื่น
  5. เมื่อก่อนคิ้วของเรางดงามคล้ายรอยเขียนอันนายช่างเขียนดีแล้ว เดี๋ยวนี้ กลายเป็นคิ้วคดเคี้ยวเหมือนเถาวัลย์ เพราะชรา พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง เป็นคำจริงแท้ไม่กลับกลายเป็นอย่างอื่น
  6. เมื่อก่อนนัยน์ตาของเราดำขลับ เหมือนนิลมณีรุ่งเรืองงาม เดี๋ยวนี้ถูกชราขจัดแล้วไม่งามเลย พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง เป็นคำจริงแท้ไม่กลับกลายเป็นอย่างอื่น
  7. เมื่อเวลาเรายังรุ่นสาว จมูกของเราโด่งงาม เหมือนเกลียวหรดาล เดี๋ยวนี้ กลับห่อเหี่ยวไปเหมือนจมหายเข้าไปในศีรษะเพราะชรา พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง เป็นคำจริงแท้ไม่กลับกลายเป็นอย่างอื่น
  8. เมื่อก่อนใบหูของเรางดงามเหมือนตุ้มหูที่ทำเสร็จเรียบร้อยดี เดี๋ยวนี้กลับหย่อนยานเหมือนเอาเถาวัลย์ห้อยไว้เพราะชรา พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง เป็นคำจริงแท้ไม่กลับกลายเป็นอย่างอื่น
  9. เมื่อก่อน ฟันของเราขาวงามดีเหมือนสีดอกมะลิตูม เดี๋ยวนี้กลายเป็นฟันหักและมีสีเหลืองเพราะชรา พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง เป็นคำจริงแท้ไม่กลับกลายเป็นอย่างอื่น
  10. เมื่อก่อน เราพูดเสียงไพเราะเหมือนเสียงนกดุเหว่า อันมีปกติเที่ยวไปในไพรสณฑ์ร่ำร้องอยู่ในป่าใหญ่ฉะนั้น เดี๋ยวนี้คำพูดของเราพลาดไปทุกๆ คำเพราะชรา พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง เป็นคำจริงแท้ไม่กลับกลายเป็นอย่างอื่น
  11. เมื่อก่อน คอของเรางดงามกลมเกลี้ยงเหมือนสังข์ที่ขัดดีแล้ว เดี๋ยวนี้ย่นเพราะชรา พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง เป็นคำจริงแท้ไม่กลับกลายเป็นอย่างอื่น
  12. เมื่อก่อน แขนทั้งสองของเรางดงามเปรียบดังกลอนเหล็กอันกลมฉะนั้น เดี๋ยวนี้ ลีบคดดุจฝักแคฝอยเพราะชรา พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง เป็นคำจริงแท้ไม่กลับกลายเป็นอย่างอื่น
  13. เมื่อก่อน มือทั้งสองของเราประดับด้วยแหวนทองคำงดงาม เดี๋ยวนี้เป็นเหมือนเหง้ามันเพราะชรา พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง เป็นคำจริงแท้ไม่กลับกลายเป็นอย่างอื่น
  14. เมื่อก่อน ถันทั้งคู่ของเราเต่งตั่งกลมกลึงชิดสนิทกัน และมีปลายงอนขึ้นงดงาม เดี๋ยวนี้กลับหย่อนเหมือนผลน้ำเต้าเพราะชรา พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง เป็นคำจริงแท้ไม่กลับกลายเป็นอย่างอื่น
  15. เมื่อก่อน กายของเราเกลี้ยงเกลา งดงาม เหมือนแผ่นทองที่ขัดดีแล้ว เดี๋ยวนี้สะพรั่งไปด้วยเส้นเอ็นอันละเอียดเพราะชรา พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง เป็นคำจริงแท้ไม่กลับกลายเป็นอย่างอื่น
  16. เมื่อก่อนขาอ่อนทั้งสองของเรางดงามเปรียบเหมือนงวงช้าง เดี๋ยวนี้เป็นปุ่มเป็นปม เหมือนข้อไม้ไผ่เพราะชรา พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง เป็นคำจริงแท้ไม่กลับกลายเป็นอย่างอื่น
  17. เมื่อก่อนแข้งทั้งสองของเรา ประดับด้วยกำไลทองคำอันเกลี้ยงเกลางดงาม เดี๋ยวนี้กลับเหี่ยวแห้งเหมือนต้นงาเพราะชรา พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง เป็นคำจริงแท้ไม่กลับกลายเป็นอย่างอื่น
  18. เมื่อก่อนเท้าทั้งสองของเรางดงามอุปมาเช่นกับปุยนุ่นเพราะความที่เท้าอ่อนนุ่ม เดี๋ยวนี้กลับแตกเป็นริ้วรอยงองุ้มดังเถาวัลย์เพราะชรา พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง เป็นคำจริงแท้ไม่กลับกลายเป็นอย่างอื่น
  19. ร่างกายของเรานี้เนื่องด้วยความหย่อน เป็นที่อยู่แห่งทุกข์มาก เป็นสภาพตกไปจากเครื่องลูบไล้ เป็นดุจเรือนอันคร่ำคร่า พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง เป็นคำจริงแท้ไม่กลับกลายเป็นอย่างอื่น
    (พระไตรปิฎก เล่มที่ 26 อัมพปาลีเถรีคาถา)

ครั้นเมื่อนางอัมพปาลี ได้พิจารณาความไม่เที่ยงในอัตภาพของตน เห็นว่าทางที่จะพ้นจากความชรานี้ได้คือการเจริญวิปัสสนา นางจึงไปศึกษาวิธีเจริญวิปัสสนาและไปปฏิบัติวิปัสสนา จนพบสันติสุข ตัดความชราออกไปจากชีวิตในชาติต่อ ๆ ไปได้ 

Go back to the Main Page

Last updated on 21/11/01