Zazen
creates the spirit of Japan
คอลัมน์คุย
โดย ประภาส
ชลศรานนท์
อาทิตย์ก่อนเล่าเรื่องตามรายทางของญี่ปุ่นให้ฟังไปบ้างแล้ว
อาทิตย์นี้ผมจะชวนคุยเรื่องเซน
(Zazen) ของญี่ปุ่นครับ
เซน เป็นแขนงหนึ่งในพระพุทธศาสนา ช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมานี้ในบ้านเรามีหนังสือเกี่ยวกับเซนให้อ่านกันอยู่มากมาย ใครที่เป็นหนอนหนังสือก็คงผ่านตามานับไม่ถ้วนแล้ว ผมเองนั้นรู้จักกับเซนก่อนรู้จักประเทศญี่ปุ่นเสียด้วยซ้ำ หนังสือหลายเล่มเกี่ยวกับเซนที่อ่านมาเมื่อครั้งยังรุ่นอยู่ ผมสังเกตดูพบว่าส่วนใหญ่แปลมาจากภาษาอังกฤษ จะบอกว่าพวกฝรั่งนี่แหละสนใจเซนเอามากๆ ก็ไม่ผิด ถึงตรงนี้คงต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า คนทางตะวันตกนั้นเขามีพื้นฐานความคิดต่างกับคนทางตะวันออกอยู่ คิดดูสิครับ เคยแต่ใฝ่หาความสมบูรณ์พูนสุขความหรูหราอลังการ อยู่ดีๆ มีคนมาบอกว่าสิ่งที่คุณมีนั้นมันไม่มี เป็นใครๆ ก็ต้องหยุดฟังทั้งนั้น คนไทยไม่ค่อยจะตื่นเต้นอะไรกับเซนมากนัก เพราะเซนก็คือพุทธ เซนยังคงพูดถึงสิ่งที่พระพุทธเจ้าพูดมาหลายพันปีก่อนเช่นกัน เซนพูดถึงเป้าหมายอันเดียวกันในพุทธศาสนาคือ อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ นักบวชเซนเรียกการรู้แจ้งในชีวิตและสรรพสิ่งทั้งปวงด้วยญาณทรรศนะของตัวเองว่า ซาโตริ (ผู้ดูแลบอร์ด - Satori มีความหมายเท่ากับคำว่า Enlightenment) ซาโตริจะเหมือนกับสำเร็จเป็นพระอรหันต์หรือไม่ผมไม่แน่ใจ แต่การถึงซาโตริมีวิธีที่ไม่เหมือนกับทางฝ่ายเถรวาทและมหายานเลย เล่าเรื่องมาไม่กี่ย่อหน้าผมก็ว่าเรื่องซาโตริเรื่องสำเร็จเสียแล้ว สงสัยจะเขียนด้วยวิถีแห่งเซนมากไปหน่อย นั่นคือไร้ขั้นตอนและปราศจากเหตุผล เซนเขาเป็นอย่างนั้นจริงๆ กลับมาเริ่มกันใหม่ก่อนก็ดี เซน เป็นภาษาญี่ปุ่นครับ เป็นคำเดียวกับคำว่า ฌาณ ในบาลีนั่นเอง เซนกำเนิดที่ประเทศจีน ผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ริเริ่มเซนชื่อ ฮุยเน้ง ท่านฉายประกายแห่งเซนก่อนที่จะบวชเป็นพระเสียอีก ครั้งนั้นท่านเป็นคนรับใช้หุงหาอาหารให้พระในวัดแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของจีน วันหนึ่งท่านเดินไปเห็นคาถาบทหนึ่งแปะอยู่หน้าวัด คาถานั้นเขียนไว้ว่า
คาถานี้พระในวัดต่างสรรเสริญกันว่าเป็นธรรมะที่ลึกซึ้งยิ่ง ฮุยเน้งเห็นคาถาที่ว่านี้ก็ให้รู้สึกอยากเขียนคาถาขึ้นมาบ้าง รุ่งเช้าคาถาของฮุยเน้งก็แปะต่อจากคาถาแรก มีความว่า
และตั้งแต่นั้นมาเซนก็ถือกำเนิดขึ้น อ่านจากคาถาบทนี้ก็คงพอจะเข้าใจนะครับว่าเซนมีวิธีสอนอย่างไร เมื่อครั้งที่พระพุทธองค์ตรัสว่า คนเราเกิดมาแล้วเป็นทุกข์ เมื่อเราละตัวตนได้เราก็ไม่ทุกข์ วันนั้นแสงสว่างแห่งพระพุทธศาสนาก็สว่างขึ้น จนถึงวันนี้สองพันกว่าปีแล้วที่ผู้คนในหลายประเทศยังร่มเย็นอยู่ในแสงสว่างนั้น คำสอนเรื่องความทุกข์ของพระพุทธเจ้ายังคงเป็นความจริงของโลก แม้ว่ามรรคไปสู่ความรู้แจ้งในชีวิตของพุทธบริษัทแต่ละแห่งจะแตกต่างกันออกไป เซนมาเจริญงอกงามมากที่ญี่ปุ่น แปลกดีนะครับของหลายอย่างในโลกนี้เกิดขึ้นที่หนึ่งแต่ไปโตอีกที่หนึ่ง ดินที่ญี่ปุ่นคงเป็นดินอุดมสำหรับเมล็ดพืชอย่างเซนโดยเฉพาะ เมืองไทยนี่ก็เหมือนกัน เถรวาทเติบโตในบ้านเราจนทุกวันนี้ศูนย์กลางของศาสนาพุทธอยู่ที่เมืองไทยแล้ว อย่าลืมนะครับว่าพระบรมศาสดาของเราเป็นชาวอินเดีย กลับมาดูวิธีการสอนของเซนต่อครับ เซนไม่สอนให้สวดมนต์ เซนไม่พูดถึงปรมัตถ์ ไม่พูดถึงสมมุติ เพราะเซนถือว่าทุกอย่างคือสิ่งเดียวกัน ปรมัตถ์ก็คือสมมุติ สมมุติก็คือปรมัตถ์ บางทีเซนก็พูดสิ่งที่ขัดกันในตัว พูดเพื่อให้ทุกสิ่งไร้ตัวตน ไม่เชื่อลองฟังอันนี้ดูก็ได้
ภาษาอย่างนี้ถ้ามาพูดแถวซอยในกรุงเทพฯ ก็อาจถูกต่อยได้ แต่ต้องลองคิดว่าเป็นคนเมื่อหลายร้อยปีก่อนพูด ว่ากันว่าคำพูดแค่นี้มีหลายคราทีเดียวที่ทำให้พระในวัดเซนสำเร็จซาโตริได้ ลองฟังอันนี้อีกอันดู
รู้สึกอย่างไรบ้างครับ คุยไปคุยมาสีเขียวหายไปเสียแล้ว ถ้าคุยไปอีกสักพักทั้งหินทั้งตะไคร่ก็คงหายไปด้วย และถ้าคุยไปเรื่อยๆ ตัวคนคุยก็คงจะหายไปเช่นกัน ฟังๆ ดูแล้ววิธีการสอนของเซนแล้วทำให้ผมนึกถึงคำว่า "เฉียบพลัน" ขึ้นมา เหมือนกับว่าเซนจะสอนให้คนเข้าถึงฌานหรือเซนก็ด้วยอาการฉับพลัน เหมือนแสงสว่างที่มากระทบตาแวบหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น ไม่มีเรื่องของการวิเคราะห์เหตุผลแบบวิทยาศาสตร์ ไม่มีลำดับความเป็นมาและเป็นไป ไม่มีเรื่องของสมาธิและศีล เซนพุ่งไปที่ปัญญาเพียงหลักเดียว เซนถือว่าการเข้าใจและรู้แจ้งในชีวิตเกิดจากการเฝ้าดูชีวิตให้มันผ่านไปเรื่อยๆ ผ่านไปเหมือนสายน้ำในลำธาร แล้วแวบหนึ่งแสงแห่งฌานก็จะสว่างขึ้น แต่ถึงเซนจะเน้นเรื่องปัญญาเพียงอย่างเดียว เซนก็สร้างอุบายให้คนเข้าถึงเซนด้วยวิถีความเป็นอยู่เหมือนกัน เซนเชื่อว่าความวิเวกจะทำให้คนละอัตตาได้ง่ายขึ้น ตามบันทึกในประวัติศาสตร์เซนเข้ามาในญี่ปุ่นเมื่อราวเก้าร้อยปีก่อน ในยุคแรกเซนเป็นธรรมของชนชั้นสูงและซามูไร ด้วยเหตุนี้เซนจึงมีอิทธิพลเหนือวัฒนธรรมญี่ปุ่นอยู่มาก และด้วยจุดประสงค์ที่จะให้เกิดความวิเวกนี่เอง ศิลปะต่างๆ ของญี่ปุ่นไม่ว่าจะเป็นการจัดดอกไม้ ภาพวาด โคลงไฮกุ การชงน้ำชา หรือแม้แต่การจัดบ้านเรือนทุกอย่างจะทำขึ้นเพื่อให้ดูแล้วจะรู้สึกได้ถึงอารมณ์สงบ โคลงไฮกุนั้นสั้นเพียงสามบรรทัด ไม่มีฉันทลักษณ์ใดๆ มาบังคับ นอกจากจำนวนพยางค์ ลองดูบทนี้สิครับผมล่ะชอบจริงๆ
บางคนบอกอ่านแล้วเหมือนไม่ได้อ่านอะไร แต่เซนบอกว่านี่แหละคือชีวิต ถ้าจะให้ผมสรุปสั้นๆ ตามความรู้สึกส่วนตัวเมื่อเห็นศิลปะแขนงต่างๆ ของญี่ปุ่นก็คือ เรียบง่าย วิเวก และเฉียบพลัน ไปญี่ปุ่นคราวนี้ได้ขอเขาเข้าไปดูการจัดดอกไม้ของจริงที่ญี่ปุ่นด้วย เขาใช้กิ่งก้านและใบน้อยเหลือเกินครับ ไอ้สวยน่ะก็สวยครับแต่คนไทยอย่างผมบางทีดูแล้วมันไม่ชุ่มใจเลยครับ เห็นเขาบอกว่ามันทำให้ดูแล้วสงบ พิธีชงน้ำชานี่ยิ่งหนักใหญ่ นั่งชงเงียบๆ เป็นชั่วโมงพอถึงเวลากินยกดื่มอึกเดียวเป็นเสร็จ ผมลองทำดัดจริตนึกตีความดู ผมว่ามันเหมือนซ่อนคำสอนเรื่องความเฉียบพลันอย่างไรไม่รู้ ชงให้นานแล้วดื่มแป๊บเดียว ภาพวาดก็เช่นกันใช้เวลากับการศึกษาและทำอารมณ์แสนนาน พอจะวาดปาดพู่กันเพียงห้าหกเส้นเป็นเสร็จ ซามูไรก็ฟันกันดาบเดียวแม้จะยืนจ้องกันหลายนาที ซูโม่ก็เช่นกันฝึกมาทั้งปี ขึ้นเวทีมีโอกาสครั้งเดียวเท่านั้นที่จะทุ่มคู่ต่อสู้ให้ออกนอกวงให้ได้ ยกเดียวไม่มียกสองยกสาม ไม่มีการให้คะแนน ไม่มีรุ่น ไม่ว่าตัวเล็กตัวใหญ่มีสิทธิสู้กันได้ ถ้าล้มคนมียศได้ก็ได้ยศไป อะไรจะเฉียบพลันเรียบง่ายขนาดนั้น อ่านมาถึงตรงนี้พอนึกออกหรือยังครับว่า ทำไมผมถึงคิดว่าเซนสร้างญี่ปุ่น เซนทำให้วัฒนธรรมของญี่ปุ่นแตกต่างจากประเทศเชื้อสายจีนประเทศอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด ศิลปวัฒนธรรมญี่ปุ่นนั้นเรียบง่าย จนคนหลายชาติให้ความสนใจในความลุ่มลึกของความเรียบง่ายนี้ แม้แต่ภาษาจีนที่ญี่ปุ่นเอามาใช้ ญี่ปุ่นก็ตัดหางตัดหัวออกให้น้อยลงเสีย เพราะเซนถือว่า น้อยคือมาก ธงญี่ปุ่นนั่นประไร มีแต่พื้นขาวๆ แล้วก็วงกลมสีแดงอยู่ตรงกลางแค่นั้น ยิ่งสวนหินยิ่งไม่ต้องพูดถึง หินใหญ่สีเข้มวางบนทะเลกรวดสีขาว เป็นงานศิลปะที่มีความนิ่งอย่างแท้จริง ความนิ่งอันนี้เองที่เซนบอกว่า จะทำให้เห็นธรรม วัดเซนที่ผมไปเยี่ยมมาทุกแห่งจะรู้สึกถึงพลังนิ่งๆ ที่อาบไปทั่วภูมิสถาปัตยกรรมที่รายรอบวัดอยู่ ซามูไรทุกคนนับถือเซน ความวิเวกแห่งเซนสอนได้ให้ซามูไรมีวินัย เซนสอนซามูไรให้เสียสละและไม่กลัวตาย เพราะเซนเชื่อว่าความตายไม่มี สิ่งที่ดาบแหวกผ่านไปนั้นล้วนเป็นความว่างเปล่า นักรบทุกคนจึงยอมตายได้เพื่อชาติ ดังที่เราเคยเห็นซามูไรญี่ปุ่นขี่เครื่องบินพุ่งชนเรือรบมาแล้วในสงครามโลก ทุกวันนี้ซามูไรญี่ปุ่นเลิกถือดาบและหันมาหิ้วกระเป๋าเอกสารรบกับคนทั้งโลกแทน แต่ดาบเล่มเล็กเหน็บเอวที่ผมเรียกว่าดาบแห่งการรับผิดชอบนั้นดูเหมือนคนญี่ปุ่นได้ถูกเซนปลูกฝังให้เหน็บไว้ที่ใจไปเสียแล้ว ทั้งรับผิดชอบ ทั้งรักชาติ ทั้งมีวินัย ต่อให้เขาแพ้สงครามอีกกี่ครั้งเขาก็ฟื้นได้ ลงตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์มติชน 27 พ.ค. 2544 |
เซนยังมิซา สวัสดีค่ะคุณประภาส ตั้งแต่มานั่งเขียนคุยกันสารพัดเรื่องอยู่ตรงนี้
กำลังใจอย่างหนึ่งที่ทำให้มีแรงอยากเขียนอยากค้นอยู่ตลอดก็คือ
ความเอ็นดูจากท่านผู้อ่านและวิทยอาทรที่ส่งมาแย้งเมื่อมีความผิดพลาดขึ้น
ต้องขอบคุณคุณแฟนหน้าสิบสี่
อย่างมากครับสำหรับข้อแย้งต่างๆ ผมนำมาลงให้อ่านกันเพราะเห็นว่าเป็นความรู้ที่น่าสนใจ
บางข้อนั้น
ถือเป็นความรู้ใหม่สำหรับผมด้วยซ้ำ และก็ต้องขออนุญาตท่านผู้อ่านคุยเรื่องเซนกันต่ออีกสักตั้ง
ถือเสียว่า
ฝนเซนยังมิซาเม็ด ผมเลยมาชวนนั่งชมฝนกันต่อ อย่าเพิ่งเบื่อกันนะครับ
ส่วนคาถาของฮุยเน้งคือ
ไม่รู้สิครับผมมองอย่างไรผมก็เรียกว่าล้อ และคำล้อนี้ก็ทำให้เกิดการฉุกคิด
แต่จะถึงซาโตริหรือไม่
ก็แล้วแต่บุคคลครับ
ตอนนี้ผมกำลังนึกถึงกำแพงที่ถูกเด็กนักเรียนไทยพ่นสีประกาศศักดาของโรงเรียน
ตัวเองอยู่ นึกออกไหมครับ พวก "อ.น.พ. พ่อ วนาคาม" ซึ่งถ้าผมสมมุติว่านี่เป็นคาถาอย่างหนึ่ง แล้วมีใครมาพ่นทับว่า "อ.น.พ.
ลูกไม่มีพ่อ" ผมก็เห็นว่ามันคือการล้อ ใครผ่านมาเห็นเข้าอาจจะหัวเราะขัน
แล้วก็อาจได้คิดอะไรบ้าง
ไม่มากก็น้อย
เขียนไว้อย่างนี้อย่าไปรวบรัดตีความว่า
ผมกำลังยกให้กำแพงที่เด็กไทยพ่นสีใส่ถือเป็นโศลกหนึ่งของเซนนะครับ
แล้วชื่อเสียงของท่านก็ลือเลื่องไปพร้อมๆ กับคำตอบสั้นๆ นี้ ชาวพุทธเซน มักนับให้ท่านโพธิธรรมนี้ เป็นพุทธสังฆปรินายกแบบเซนองค์แรก และเมื่อถึงองค์ที่สามท่าน เซิงชาน เซนได้รับอิทธิพลจากลัทธิเต๋าของเล่าจื๊ออย่างมาก เต๋าเป็นประเพณีของจีน เป็นจิตใจของจีนมานับพันปี เต๋าเน้นการไม่ไปแทรกธรรมชาติ ซึ่งเซนรับอิทธิพลตรงนี้มาค่อนข้างมาก พอมาถึงท่าน ฮุยเน้ง ที่เขียนคาถาปะกำแพงนั่นก็นับเป็นสังฆปรินายกองค์ที่หกแล้ว
ก่อนสมัยของท่านฮุยเน้ง เซนไม่เป็นที่รับรู้ในฐานะนิกายหนึ่งของพุทธเลย การนับว่าท่านฮุยเน้ง
เป็นผู้ให้กำเนิดเซนก็เป็นตีความอย่างหนึ่งของชาวพุทธเซน
เพราะต้องถือว่า
การปรากฏตัว
และวิถีแสดงธรรมของท่านแสดงให้เห็นจิตใจแห่งเซนอย่างชัดเจน
ผู้คนเรียกขานเป็นนิกาย? มีวัดแยกมาต่างหาก?
การแสดงธรรมอย่างเซนครั้งแรก? ฯลฯ |
Go back to the Main Page