มะเร็งเต้านม
บทบาทของเคมีบำบัดและฮอร์โมน
ผศ. นพ. ประยุทธ์ โรจน์พรประดิษฐ์
สาขารังสีรักษา ภาควิชารังสีวิทยา
คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เคมีบำบัดและฮอร์โมนมีบทบาทอย่างมากในการรักษามะเร็งเต้านม ทั้งเพื่อมุ่งหวังให้หายขาด รักษาเสริม หรือรักษาเพื่อบรรเทาอาการ ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมานี้ ได้มีการนำเอายาตัวใหม่ ๆ เหล่านี้มาใช้ทางคลินิค และได้ผลเป็นที่น่าพอใจ
บทบาทของเคมีบำบัดและฮอร์โมนในการรักษามะเร็งเต้านมพอจำแนกได้ดังนี้
1. การรักษาเสริม (Adjuvant chemotherapy) หมายความว่า ผู้ป่วยได้รับการรักษาเสริมต่อจากการรักษาหลัก (Definite treatment)
การรักษานำด้วยเคมีบำบัดก่อนการรักษาหลัก เพื่อประโยชน์ดังต่อไปนี้
3.1 ในผู้ป่วยซึ่งมะเร็งเป็นมากเฉพาะที่ (Locally advanced) หรือมะเร็งเป็นชนิด inflammatory
breast cancer และไม่ได้กระจายไปอวัยวะอื่น ๆ ทำให้ก้อนมะเร็งเล็กลง ทำให้ผ่าตัดได้
3.2 ในผู้ป่วยที่มะเร็งปฐมภูมิใหญ่เกินกว่าที่จะทำ conservation breast surgery จะทำให้
มะเร็งเล็กลง ทำ conservation surgery ได้
3.3 ในผู้ป่วยที่มะเร็งปฐมภูมิสามารถรับการรักษาด้วย conservation breast surgery ได้ แต่ให้เคมีบำบัดนำก่อน ทั้งนี้เพื่อทำให้ก้อนมะเร็งยุบลงมากขึ้น ผ่าตัดง่ายขึ้น cosmesis ดีขึ้น และที่สำคัญยังหวังว่าจะทำให้โอกาสการหายขาดสูงขึ้น หรืออย่างน้อยอัตราการหายจากโรคไม่ด้อยกว่าการให้เคมีบำบัดตามหลังการผ่าตัด (Adjuvant / Postoperative chemotherapy)
มะเร็งเต้านม
ผศ. นพ. ประยุทธ์ โรจน์พรประดิษฐ์
สาขารังสีรักษา ภาควิชารังสีวิทยา
คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
การรักษาเสริมด้วยยา
(Adjuvant Systemic Treatment)ปัจจุบันเชื่อว่า ในขณะที่ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมมาพบแพทย์ด้วยมะเร็งซึ่งจำกัดอยู่เฉพาะบริเวณ เต้านมนั้น ส่วนใหญ่ของผู้ป่วยมะเร็งได้กระจายเข้าสู่กระแสโลหิตแล้ว แต่อาจจะยังตรวจไม่ได้ (micrometastasis) หลักฐานที่สนับสนุนความเชื่อนี้พบได้ในรายงานต่าง ๆ โดยที่ผู้ป่วยกลุ่มนี้ ถึงแม้ได้รับการรักษาเสริมด้วยการฉายรังสีเพื่อควบคุมการกลับใหม่ของมะเร็งเฉพาะที่ ผู้ป่วยส่วนหนึ่งยังมีการกระจายไปยังอวัยวะอื่น ๆ1,2 ดังนั้นการรักษามะเร็งเต้านมเพื่อให้หายขาดนั้น จำเป็นต้องควบคุมการกลับเป็นใหม่เฉพาะที่ และการกระจายไปอวัยวะอื่น ๆ
ในรอบ 40 ปี มานี้ ได้มีการศึกษาถึงการรักษาเสริมด้วยยา (เคมีบำบัดหรือฮอร์โมน) มากมาย3 พบว่า การรักษาเสริมนี้มีบทบาทแน่นอนและมีประโยชน์ในผู้ป่วยหลายกลุ่ม4 ประโยชน์ในที่นี้หมายถึงการเพิ่มระยะปลอดโรค (disease free survival) และการหายขาดของโรค (survival) กลุ่มของ Early Breast Cancer Trialists Collaborative Group 1992 (EBCTCG) ได้วิเคราะห์โดยวิธี meta-analysis ของการรักษาเสริมในมะเร็งเต้านม จากรายงาน 133 randomized trials รวมจำนวนผู้ป่วยทั้งสิ้น 75000 คน พบว่า การรักษาเสริมนั้นสามารถลดการกลับเป็นใหม่ของโรคและการตายจากโรค (proportional reduction in the odds of relapse and death) ได้ 25% และประโยชน์ที่ได้จากการรักษาเสริมด้วยยานี้ ขึ้นกับอัตราเสี่ยงต่อการกลับเป็นใหม่ของโรค (absolute risk of recurrence) ของผู้ป่วยแต่ละกลุ่ม ผู้ป่วยในกลุ่มที่มีอัตราเสี่ยงสูงก็จะได้ประโยชน์มากกว่ากลุ่มที่มีอัตราเสี่ยงต่ำ
การประเมินอัตราเสี่ยง
(Assessment of risk status)เพื่อที่จะได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ต่อการให้การรักษาเสริมในผู้ป่วยมะเร็งเต้านม หลังจากที่ได้รับการรักษาเฉพาะที่แล้ว จำเป็นต้องประเมินอัตราเสี่ยงของผู้ป่วยว่าจำเป็นต้องได้รับการรักษาเสริมหรือไม่ จำเป็นต้องเน้นไว้ว่าปัจจัยเสี่ยงของผู้ป่วยที่มีผลต่อการพยากรณ์ของโรคนั้นไม่จำเป็นเสมอไปที่จะบอกถึงการตอบสนองของโรคต่อยา (prediction of response) ปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ มีดังนี้
ต่อมน้ำเหลืองบริเวณรักแร้ (Axillary nodal status) เป็นปัจจัยที่บอกพยากรณ์โรคที่สำคัญที่สุด และจำนวนต่อมน้ำเหลืองที่ถูกลุกลามโดยมะเร็งนั้นขึ้นกับขนาดของมะเร็งปฐมภูมิด้วย5 ผู้ป่วยที่มีมะเร็งลุกลามไปต่อมน้ำเหลืองจะมีพยากรณ์โรคเลวกว่าผู้ป่วยที่โรคไม่ได้ลุกลามไปต่อมน้ำเหลือง ตารางต่อไปนี้แสดงระยะปลอดโรคในกลุ่มผู้ป่วยที่มีสถานะต่อมน้ำเหลืองต่าง ๆ 6, 7
- 2 -
Lymph node Status |
Relapse-free survival (%) 5 Yr 10 Yr |
L.N. negative
L.N. + without Adjuvant treatment 1-3 nodes 10 or more |
65 80 60 40 50 30 60 70 50 30 < 20 |
นอกจากนี้ในผู้ป่วยที่มะเร็งไม่ได้ลุกลามไปต่อมน้ำเหลืองนั้น ยังมีกลุ่มย่อยที่มีพยากรณ์โรคไม่ดีนัก จาก St. Gallen conference 19958 ได้ แบ่งผู้ป่วยกลุ่มนี้ออกเป็น 3 กลุ่มย่อย ซึ่งมีอัตราเสี่ยงต่อการกลับเป็นใหม่ของโรคต่าง ๆ กัน โดยอาศัย ขนาดของมะเร็งปฐมภูมิ พยาธิสภาพ ER status และอายุ เป็นตัวแบ่ง ดังตารางที่ 1
ตารางที่ 1
Risk groups ในผู้ป่วย node-negativeRisk factors |
Minimal/low risk (all of the specified factors) |
Good risk |
High risk(at least one of the specified factors) |
Tumor sizea ER statusb Gradeb
Agec |
< 1 cm Positive Grade 1 (uncertain significance for tumors < 1 cm) > 35 years |
1-2 cm Positive Grade 1-2
- |
> 2 cm Negative Grade 2-3
- |
ER estrogen receptor
a
It was generally agreed that pathological tumor size (of invasive component) was the mostimportant prognostic factor for defining additional risk of relapse.
b
ER status and grade are expressions of the malignant tranformation of the tumor cell, and it isdifficult to precisely dichotomize these features to indicate a good versus bad prognosis.
c
Patients who develop breast cancer at an early age are considered to be at high risk of relapse,although an exacr age threshold for this increased risk has not been defined. While acknowl edging
this fact, the Panel did not accept age as a factor for influencing the choice of treatment
(chemotherapy or endocrine therapy).
Classication of patients with node-negative disease into three risk groups, according to the consensus Panel recommendations made at the 1995 St. Gallen Conference (adapted from Goldhirsch et al. 1995)
- 3 -
พบว่าในกลุ่มที่เป็น high-risk และ good-risk ควรจะได้รับการรักษาเสริมด้วยยา ส่วนในกลุ่มที่เป็น low/minimal risk นั้น การรักษาเสริมด้วยยาอาจไม่จำเป็น
สภาวะประจำเดือน (Menopausal status) มะเร็งเต้านมในผู้ป่วยวัยก่อนหมดประจำเดือนนั้น (premenopause) มักจะรุนแรงกว่าในกลุ่มซึ่งหมดประจำเดือนแล้ว (postmenopause) ในผู้ป่วยที่ไม่แน่ใจ ในสภาวะประจำเดือนอาจใช้วิธีการตรวจ estrogen activity จาก vaginal cytology หรือหาระดับ follicle stimulating hormone (FSH) หรือ estradiol
Hormone receptor status ซึ่งได้แก่ estrogen receptor (ER) และ progesterone receptor (PR) โดยทั่วไปพบว่า9
Premenopause ER+ ประมาณ 60% ของผู้ป่วย
Postmenopause ER+ ประมาณ 80% ของผู้ป่วย
All patients PR+ ประมาณ 60% ของผู้ป่วย
ER+,PR+ ประมาณ 50% ของผู้ป่วย
ER-, PR- ประมาณ 20% ของผู้ป่วย
ในผู้ป่วยที่มี negative receptor จะมีพยากรณ์ของโรคและการตอบสนองต่อการรักษาด้วยฮอร์โมนเลวกว่าในกลุ่มที่มี positive receptor
ขนาดของมะเร็งปฐมภูมิ ผู้ป่วยที่มีขนาดมะเร็งปฐมภูมิเล็กกว่า 2 ซม. จะมีพยากรณ์โรคดีกว่าผู้ที่มีมะเร็งปฐมภูมิใหญ่
Oncogene expression มะเร็งที่มี expression ของ tumor suppressor gene เช่น p53 หรือ proto-oncogenes เช่น c-erb B2 และ bcl-2 มักมีพยากรณ์โรคที่เลวกว่า
แนวทางการรักษาเสริมด้วยยา
(Treatment guidelines)แนวทางการรักษาเสริมนั้น ได้แสดงไว้ในตารางที่ 2 และตาม Consensus Panel Recommendations, St. Gallen Cenferences 1992, 19958
- 4 -
ตารางที่ 2 การรักษาเสริมในผู้ป่วย negative lymph node
Lymphnode negative patients | ||
Minimal/low risk Size < 1 cm And R+ And Grade 1 And Age > 35 yrs. Including: Non-invasive DCIS Tumors < 1 cm detected By screening Mammography No routine Adjuvant therapy TAM |
Good risk Size 1 - 2 cm R+ Grade 1 2
TAM In premenopausal R+ : Oophorectomy CTX GnRH analogue |
High risk Size > 2 cm Or R- Or Grade 2 3
Adjuvant therapy According to the Guidelines for N+ patients |
Abbreviations:
N-
node-negative diseaseN+
node-positive diseaseR-
estrogen/progesterone receptor-negativeR+
estrogen/progesterone receptor-positiveDCIS ductal carcinoma in situ
CTX polychomotherapy
OA ovarian ablation
TAM tamoxifen; PBSC, peripheral blood stem cell support
ABMT autologous bone marrow transplantation
Guidelines for adjuvant therapy of node-negative operable breast cancer, according to the Consensus Panel recommendations drawn up at the 1992 and 1995 St. Gallen Conferences.
- 5 -
ตารางที่ 3 การรักษาเสริมในผู้ป่วย positive lymph node
< 10 Nodes > 10 Nodes Elderly (> 70 years)
Premenopausal Postmenopausal R+ R- R+ R- R+ R-CTX CTX TAM CTX Intensified TAM CTX
or OA TAM+CTX CTX + TAM CTX (if tolerated)CTX+TAM then CTX + TAM
CTX+OA Consider1 :
A+TAM TAM in R+
GnPH analogue High-dose CTX
+ PBSC or ABMT
Abbreviations:
N-
node-negative disease CTX polychomotherapyN+
node-positive disease OA ovarian ablationR-
estrogen/progesterone receptor-negative TAM tamoxifenR+
estrogen/progesterone receptor-positive PBSC peripheral blood stem cell supportDCIS ductal carcinoma in situ ABMT autologous bone marrow transplantation
Italics indicate that the adjuvant treatment option thus marked is still investigational
การรักษาเสริมด้วยเคมีบำบัดและฮอร์โมนร่วมกัน
Premenopause, LN (+), Receptor (+) ผู้ป่วยที่ได้รับ tamoxifen 5 ปี หลังจากครบเคมีบำบัดเสริม สามารถลดอัตราการกลับเป็นใหม่ของโรคได้อย่างชัดเจนและ St.Gallen Consensus Panel ยอมรับเป็นวิธีการรักษามาตรฐานสำหรับผู้ป่วยกลุ่มนี้10, 11
Postmenopause, LN (+), Receptor (+) โดยปกติแล้ว tamoxifen เป็นยาหลักในผู้ป่วยกลุ่มนี้แต่มีรายงานว่าการเพิ่มเคมีบำบัดในผู้ป่วยกลุ่มนี้สามารถควบคุมโรคได้ดีขึ้น12, 13, 14 และชัดเจนในผู้ที่หมดประจำเดือนที่มีอายุน้อย ต่อมน้ำเหลืองมาก และต้องใช้ร่วมกับเคมีบำบัดที่มี anthracyclines หรือ classical CMF15
- 6 -
LN (-), Receptor (+) จากรายงานของ NSABP B-2016 การให้ CMF หรือ MF ร่วมกับ tamoxifen สามารถเพิ่มระยะปลอดโรค อย่างไรก็ตามประโยชน์นี้จะชัดเจนในกลุ่มผู้ป่วยที่อายุน้อย และมะเร็งปฐมภูมิใหญ่
ควรจะให้เคมีบำบัด/ฮอร์โมน พร้อมกัน (concurrent) หรือตามกัน (sequential) ปัญหานี้ยังมีการศึกษาอยู่12 แต่พบว่าที่ 4 ปีหลังเริ่มรักษาในผู้ป่วย postmenopause, LN (+), receptor (+) ไม่มีความแตกต่างระหว่างการรักษาด้วย CAF แล้วตามด้วย tamoxifen 5 ปี หรือ CAF พร้อม ๆ กับ tamoxifen แต่การให้การรักษาพร้อม ๆ กันนั้นมีอุบัติการของ thromboembolic events สูงกว่า
ตารางที่ 4 แสดงเคมีบำบัดที่ใช้บ่อยในการรักษาเสริม17
ตารางที่ 4
เคมีบำบัดที่ใช้ในการรักษาเสริม (Popular Chemotherapy Regimens Useful in the AdjuvantTherapy of Breast Cancer
- 7 -
การรักษาเสริมด้วยฮอร์โมนมี 2 วิธีคือ
1. การตัดรังไข่ (Ovarian ablation) สามารถทำได้โดยวิธีการผ่าตัดหรือฉายรังสี 4, 18 พบว่าสามารถลด odds of recurrence และ death ได้ 26% และ 25% ตามลำดับ4 การให้เคมีบำบัดสามารถทำให้ผู้ป่วยหมดประจำเดือนได้และพบว่า ผู้ป่วยมีระยะปลอดโรคยาวขึ้น และเชื่อว่าผลที่ได้นี้ไม่ได้เกิดจากการกดการทำงานของรังไข่จากเคมีบำบัด19 ขณะนี้มีการศึกษาถึงการกดการทำงานของรังไข่ด้วยตัวยา LHRH analogues แต่ยังจะต้องรอผลการศึกษาจากการติดตามผู้ป่วยต่อไป10
2. Tamoxifen พบว่า การรักษาเสริมด้วย tamoxifen สามารถลด odds of recurrence และ death ได้ 25% และ 17% ตามลำดับ4 และได้ผลมากขึ้นในผู้ป่วยที่เป็น positive receptor ปัจจุบันมักให้ tamoxifen แก่ผู้ป่วยเป็นเวลา 5 ปี ขณะนี้ยังมีการศึกษาถึงยาตัวใหม่ และตัวอื่น ๆ ในการรักษาเสริม เช่น toremifene, progestins และ aromatase inhibitors เป็นต้น20
อาการข้างเคียง อาการข้างเคียงจากการใช้ tamoxifen และเคมีบำบัดแสดงไว้ในตารางที่ 521
ตารางที่ 5
อาการข้างเคียงของ tamoxifen และเคมีบำบัด (Some Toxicities of Adjuvant Systemic Therapy)Uncommon (< 10%) Very Common (> 25%)
Fatigue Alopecia*
Hot flashes Amenorrhea+
Nausea Hot flashes+
Rare (< 2%) Common (> 25%)
Anorexia Edema
Depression Leukopenia
Dermatitis Musculoskeletal pain
Edema Nausea++
Endometrial carcinoma Uncommon (> 10%)
Headache Cushingoid effects+++
Thrombocytopenia Leukopenic fever (presumed sepsis)
Thrombophlebitis Neuropathy#
Vaginal discharge, bleeding, pruritus Stomatitis
Weight gain Thrombocytopenia
Thrombophlebitis
* Particularly from doxorubicin
+ Premenopausal patients
++ Excellent amelioration with modern antiemetics
+++ Particularly from prednisone, now not commonly used.
# Particularly from vincristine, now not commonly used.
- 8 -
Reference
- 9 -
- 10 -
มะเร็งเต้านมเป็นมากเฉพาะที่
(Locally Advanced Breast Cancer, LABC)นิยามของ LABC ค่อนข้างจะหลากหลายแล้วแต่ละสถาบัน แต่ในที่นี้จะหมายถึงโรคในระยะ (UICC) ที่ III และ IV (กระจายไปเฉพาะต่อมน้ำเหลืองไหปลาร้า) และยกเว้น inflammatory breast cancer ซึ่งจะกล่าวในบทต่อไป
เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่าผู้ป่วย LABC ส่วนใหญ่มักมีมะเร็งกระจายเข้ากระแสเลือดแล้วตั้งแต่ก่อนรักษา โอกาสที่จะรักษาให้หายขาดนั้นอาจจะไม่มาก แต่โดยทั่วไปพบว่าผู้ป่วยกลุ่มนี้อยู่ได้นานพอสมควร ดังนั้นจุดมุ่งหมายของการรักษาผู้ป่วย LABC นอกจากจะหวังผลให้หายแล้ว ในกลุ่มที่ไม่มีโอกาสหายนั้นควรพยายามรักษาเพื่อให้มีระยะปลอดโรคนานที่สุด โดยเฉพาะการควบคุมโรคเฉพาะที่ (local control, LC) มีคุณภาพชีวิตดีที่สุด และมีภาวะแทรกซ้อนจากรักษาน้อยที่สุด
การรักษาด้วยรังสีอย่างเดียวในผู้ป่วยที่ผ่าตัดไม่ได้นั้น ได้ LC ประมาณ 30% ถึง 70% และ 5-YS 10%-30% 2, 3 การเพิ่ม LC นั้น จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณรังสี ซึ่งทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนสูงขึ้น4, 5 ดังนั้นในผู้ป่วยที่ผ่าตัดได้ควรจะได้รับการผ่าตัดร่วมกับการฉายรังสี ซึ่งได้ LC 80%-90% 6, 7, 8, 9, 10, 11 และ 5-YS 33%-50% 6,7, 8, 9, 10, 11 อย่างไรก็ตามถึงแม้จะสามารถเพิ่ม LRC แต่ปัญหาในผู้ป่วยกลุ่มนี้คือ การกระจายไปเข้ากระแสเลือดไปยังอวัยวะอื่น ๆ (distant metastasis, DM) ดังนั้นจึงมีการนำเคมีบำบัดมารักษาร่วม โดยมักจะใช้เคมีบำบัดรักษานำ (induction chemotherapy) หรือรักษาเสริม (adjuvant chemotherapy) โดยทั่ว ๆ ไป เคมีบำบัดจะให้ objective response 70%-90% และมี clinical complete response 16%-50% 12, 13
การใช้เคมีบำบัดรักษานำ (induction chemotherapy) เพื่อหวังผล :-
Randomized trials ซึ่งใช้เคมีบำบัดในการรักษาร่วมแสดงไว้ในตารางที่ 1
- 11 -
ตารางที่ 1
การใช้เคมีบำบัดในการรักษาร่วม (Randomized Trials Using Chemotherapy in LocallyAdvanced Breast Cancer)
Reference No. of Randomization 5-Year Disease-Free 5-Year Overall
Patients Survival (%) Survival (%)
Schaake-Koning et al.14
118 RT 14 months 37(Median)
Rubens et al.17
363 RT 15 35RT + endocrine therapy 18 33
RT + CMF 19 33
RT + endocrine therapy + CMF 32 54
(At 3 years) (At 3 years)
(Median) (Median)
Caceres et al.19
87 RT 11 months 20 monthsRT + M 9 months 18 months
RT + CMF 15 months 25 months
Abbreviation: CMF, cyclophosphamide, methotrexate, 5-fluorouracil; AV, doxorubicin, vincristine; BCG, bacillues Calmette-Guerin; CFV, cyclophosphamide, 5-fluorouracil, vincristine; VAC, incristine, doxorubicin, cyclophosphamide; M. mastectomy; RT, radiation therapy
- 12 -
จากการศึกษาเหล่านี้รวมทั้งการศึกษาอื่น ๆ20, 21, 22, 23 สนับสนุนการผ่าตัดร่วมกับการฉายรังสีเพื่อเพิ่ม LC การใช้เคมีบำบัดร่วมถึงแม้จะไม่พบว่าจะเพิ่มการหายขาดจากโรคอย่างเด่นชัด แต่เมื่อเทียบกับการรักษาเฉพาะที่อย่างเดียว จะเห็นว่าการรักษาโดยใช้เคมีบำบัดร่วม ทำให้อัตราการอยู่รอดสูงขึ้นอย่างเด่นชัด24 ในปัจจุบัน เคมีบำบัดจึงเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาร่วมใน LABC
ตารางที่ 2
แสดงวิธีการการรักษา LABC12
เคมีบำบัดที่นิยมใช้ใน LABC แสดงไว้ในตารางที่ 312
- 13 -
ตารางที่ 3 เคมีบำบัดที่นิยมใช้ใน LABC
Adriamycin 40 mg/m2 i.v. day 1
Cyclophosphamide 200 mg/m2 p.o. days 3-6
Repeat cycle of 21 days.
Adriamycin 60 mg/m2 day 1
Cyclophosphamide 600 mg/m2 day
Repeat cycle every 21 days.
Cyclophosphamide 100 mg/m2 p.o. days 1-14
Adriamycin 25 mg/m2 i.v. days 1 and 8
5-FU 500 mg/m2 i.v. days 1 and 8
No treatment days 15-18; repeat cycle every 28 days.
Adriamycin 50 mg/m2 i.v. day 1
Cyclophosphamide 500 mg/m2 i.v. day 1
5-FU 500 mg/m2 i.v. day 1
Repeat cycle every 3 weeks.
5-FU 500 mg/m2 i.v. days 1 and 8
Adriamycin 50 mg/m2 i.v. by continuous infusion over 48 to 96 hours
Cyclophosphamide 500 mg/m2 i.v. on day 1
Repeat cycle every 28 days.
The total cumulative dose of Adriamycin in all regimens should not exceed 450 mg/m2
- 14 -
Breast Conserving Therapy
(BCT)ที่ Ochsner Clinic25 ได้ศึกษาผู้ป่วย LABC ซึ่งได้รับการรักษานำด้วยเคมีบำบัด แล้วทำ mastectomy ทั้งนี้เพื่อศึกษาว่า ผู้ป่วยในกลุ่มนี้สามารถที่จะรักษาด้วย BCT ได้หรือไม่ พบว่า ในผู้ป่วยที่มะเร็งปฐมภูมิลุกลามไปยังผิวหนัง (T4) หรือ มีการลุกลามไปต่อมน้ำเหลือง N2 N3 ผู้ป่วยกลุ่มนี้จะมีโอกาสที่จะรับการรักษาด้วย BCT ได้น้อยมาก แต่ในผู้ป่วย T3 N0 หรือ T3 N1 นั้น 60% สามารถรับการรักษาด้วย BCT หลังได้เคมีบำบัดแล้ว รายงานจาก Instituto Nazionale Tumori ใน Milan ประเทศ Italy พบว่า การให้เคมีบำบัดก่อนผ่าตัดสามารถลดขนาดของมะเร็งปฐมภูมิให้เล็กกว่า 3 ซม. จากเดิม 3-4 ซม. ใน 98% ของผู้ป่วย จาก 4.1-5 ซม. ใน 80% ของผู้ป่วย26 จาก 5.1-6 ซม. ใน 79% ของผู้ป่วย และจากโต กว่า 6 ซม. ใน 27% ของผู้ป่วย 27, 28 ผลการศึกษาจาก randomized trials ต่าง ๆ พบว่า การรักษาวิธีนี้ได้ผลไม่แตกต่างจากการให้เคมีบำบัดหลังผ่าตัด29, 30, 31, 32, 33, 34
Reference
- 15 -
- 16 -
- 17 -
Inflammatory Breast Cancer
(IBC)IBC เป็นโรคที่มีพยากรณ์โรคเลยร้ายมาก การลุกลามเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทั้งเฉพาะที่และกระจายไปอวัยวะอื่น ๆ การลุกลามเฉพาะที่นั้น สามารถไปได้ทุกทิศทาง จากผิวหนังของเต้านมไปยัง เต้านมด้านตรงข้าม ลุกลามไปด้านหลังผ่าน posterion axillary line ด้านบนไปยังบริเวณไหปลาร้า และด้านล่างไปยังบริเวณสะดือ พบว่าเมื่อผู้ป่วยมาพบแพทย์นั้นโรคได้กระจายเข้าสู่กระแสเลือดไปยังอวัยวะอื่น ๆ (และสามารถตรวจพบได้) ประมาณ 17-36%1, 2, 3 และจะสูงถึง 67% ใน 1 ปีหลังวินิจฉัย4 พบ mulfifocality และ mutticentricity ได้บ่อย5 อุบัติการณ์การกระจายไปต่อมน้ำเหลืองสูงมาก ถึงแม้หลังได้รับเคมีบำบัดก็ตาม ซึ่งพบได้ถึง 70-100% 2, 6, 7, 8, 9, 10
มะเร็งเต้านมชนิดนี้จะรักษาเหมือนกับ LABC โดยที่ต้องใช้เคมีบำบัดร่วมกับการรักษาเฉพาะที่ การรักษาด้วยการผ่าตัดหรือการฉายรังสีอย่างเดียวจะได้ผลการรักษาไม่ดีนัก สามารถควบคุมโรคเฉพาะที่ประมาณ 25-50% median survival ประมาณ 12-18 เดือน และโอกาสอยู่รอด 5 ปี ประมาณ 5-10% 11 เพราะโรคมักจะมีการกระจายไปแล้วตั้งแต่ก่อนรักษาจึงทำให้การรักษาเฉพาะที่ได้ผลไม่ดีนัก ในปัจจุบันการรักษา IBC มักจะใช้การรักษาร่วมโดยให้เคมีบำบัดนำ (อาจใช้ฮอร์โมนในผู้ป่วยบางกลุ่ม) ตามด้วยการรักษาเฉพาะที่ด้วยผ่าตัด หรือฉายรังสี หรือสองอย่างร่วมกัน แล้วตามด้วยเคมีบำบัดอีก ทำให้ผลการรักษาดีขึ้นคือ มี median survival 36-48 เดือน12, 13 การกลับเป็นใหม่เฉพาะที่ 15% โอกาสอยู่รอด 5 ปี สูงถึง 40-50% 14, 15 การตอบสนองของมะเร็งต่อเคมีบำบัดสูงถึง 70-95% (objective response) และมี complete response 15-35%16, 17, 18 พบว่า การตอบสนองของมะเร็งต่อเคมีบำบัดนำ มีความสัมพันธ์กับระยะปลอดโรค (disease-free survival) และการควบคุมโรคเฉพาะที่ (locoregional control)19, 20 ส่วนการรักษาเฉพาะที่นั้นพบว่าการใช้การผ่าตัดร่วมกับการฉายรังสี จะให้การควบคุมโรคเฉพาะที่ดีกว่าการใช้การผ่าตัดอย่างเดียว หรือการฉายรังสีอย่างเดียว21, 22, 23
Referenced
- 18 -
- 19 -
- 20 -
การรักษาในระยะที่โรคแพร่กระจายแล้ว
(Treatment of Metastatic Disease)การกระจายของมะเร็งไปยังอวัยวะอื่น ๆ บ่งถึงโรคซึ่งรักษาไม่หายแล้ว แต่ผู้ป่วยอาจมีชีวิตอยู่ได้นาน โดยเฉลี่ยอาจอยู่ได้ 2-3 ปี ดังนั้นการเลือกวิธีการรักษา (เคมีบำบัด รังสีรักษาหรือการผ่าตัด) ควรคำนึงถึงแต่ละอวัยวะที่โรคกระจายไป อาการที่เกิดจากอวัยวะต่าง ๆ เหล่านั้น และคาดระยะเวลาที่ผู้ป่วยอาจจะมีชีวิตอยู่ โดยจุดมุ่งหมายการรักษานั้นจะต้องบรรเทาอาการให้ผู้ป่วย ให้ผู้ป่วยอยู่ได้นานที่สุดด้วยคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุด และสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการรักษาน้อยที่สุด
เพื่อประเมินพยากรณ์ของโรค และเลือกวิธีการรักษาให้กับผู้ป่วย ผู้ป่วยควรได้รับการตรวจร่างกายอย่างละเอียด ตรวจเลือด เอ็กซเรย์ปอด ตรวจกระดูก (bone scan) CT scan หรือ MRI ตามความจำเป็นและตรวจ serum markers (CEA, CA15-3) การรักษาเพื่อบรรเทาอาการผู้ป่วยนั้นอาจใช้การผ่าตัด รังสีรักษา เคมีบำบัดหรือฮอร์โมน ในที่นี้จะกล่าวเฉพาะการรักษาด้วยเคมีบำบัดหรือฮอร์โมนเท่านั้น
การเลือกใช้เคมีบำบัด หรือฮอร์โมนในการรักษานั้น ขึ้นกับปัจจัยต่าง ๆ เช่น ตำแหน่งที่มะเร็งกระจายไป ตัวผู้ป่วยเอง หรือพยาธิสภาพของตัวมะเร็ง สามารถแบ่งกลุ่มผู้ป่วยเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ตามพยากรณ์ของโรคดังนี้ 1
1. กลุ่มที่มีพยากรณ์โรคดี ผู้ป่วยในกลุ่มนี้จะมีการดำเนินของโรคช้า ตอบสนองดีต่อการรักษาด้วยฮอร์โมน และมีระยะปลอดโรค (disease free survival) นานกว่า ซึ่งได้แก่ผู้ป่วยที่มีลักษณะดังนี้
กระจายไปยัง visceral organ สมอง และ hormonal receptor ลบ
หลักการรักษาคือ ผู้ป่วยที่อยู่ในกลุ่มที่มีพยากรณ์โรคดีควรรักษาด้วยฮอร์โมนก่อน เพราะอาการข้างเคียงพบได้น้อยกว่าเคมีบำบัด ส่วนผู้ป่วยที่มีพยากรณ์โรคไม่ดีควรเริ่มด้วยเคมีบำบัด อย่างไรก็ตามการรักษานี้ควรจะขึ้นกับความต้องการของผู้ป่วยด้วย การตอบสนองของมะเร็งจากการรักษาด้วยฮอร์โมนนั้นอาจใช้เวลา 6-16 อาทิตย์ กว่าจะเห็นผล ส่วนการตอบสนองจากเคมีบำบัดนั้น จะเร็วกว่า การเลือกวิธีการรักษาด้วยเคมีบำบัดหรือฮอร์โมนแสดงไว้ในรูปที่ 1
- 21 -
รูปที่ 1 แสดงการเลือกใช้เคมีบำบัด หรือ ฮอร์โมนในการรักษาผู้ป่วย
ในผู้ป่วยที่พบว่ามีการแพร่กระจายของมะเร็งแล้ว แต่ยังไม่มีอาการ จะให้การรักษาทันทีหรือไม่ ปัญหานี้ยังมีการถกเถียงกันอยู่ แต่แนะนำว่าควรจะให้การรักษาเลย เพื่อป้องกันอาการต่าง ๆ ซึ่งอาจจะ รุนแรง หากให้ผู้ป่วยรอจนเกิดอาการขึ้น
การประเมินการตอบสนองของยาต่อการรักษา (evaluation of response) เป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญ ทั้งนี้เพื่อประเมินประสิทธิภาพของสารเคมีบำบัดนั้น ๆ ดังตารางที่ 1
ตารางที่ 1
Response CriteriaComplete response
implies disappearance of all measurable or evaluable disease, signs, symptoms, and biochemical changes related to the tumor for at least 4 weeks, during which time no new lesions may appear.Partial response implies a reduction of greater than 50 percent in the sum of the products of the perpendicular diameters of all measurable lesions, compared with pretreatment measurements, lasting at least 4 weeks, during which no new lesions may appear and no existing lesion may enlarge. For hepatic lesions, a reduction of greater than 30 percent in the sum of the measured distances from the costal margin at the midclavicular line and at the xiphoid process to the edge of the liver is required.
Stable disease is a less than 50 percent reduction and less than 25 percent increase in the sum of the products of the two perpendicular diameters of all measured lesions, and the appearance of no new lesions for 8 weeks.
- 22 -
การรักษาด้วยฮอร์โมน
(Endocrine therapy)การรักษามะเร็งเต้านมซึ่งแพร่กระจายด้วยฮอร์โมนนั้น มีข้อดีที่อาการข้างเคียงน้อยกว่าเคมีบำบัด ผู้ป่วยส่วนใหญ่รับได้ และได้ผล โดยปกติจะเลือกใช้การรักษาด้วยวิธีนี้ก่อน แต่ผู้ป่วยจะต้องอยู่ในกลุ่มที่คาดว่าจะตอบสนองต่อการรักษาด้วยฮอร์โมน
ข้อมูลทั่ว ๆ ไปของการรักษาด้วยฮอร์โมน
1. ในผู้ป่วยทั่ว ๆ ไปที่ไม่ทราบ hormonal receptor หนึ่งในสามของผู้ป่วยจะตอบสนองต่อการรักษาด้วยฮอร์โมน ในผู้ป่วยที่มี hormonal receptor เป็นบวก การตอบสนองต่อฮอร์โมนจะสูงขึ้นเป็น 50-60%
2. การตอบสนองของมะเร็งต่อฮอร์โมนอาจจะช้า ซึ่งอาจต้องใช้เวลาประมาณ 6-16 อาทิตย์ ดังที่กล่าวแล้ว ดังนั้นผู้ป่วยที่จะรับการรักษาด้วยฮอร์โมน จึงควรเป็นผู้ป่วยที่สภาวะของโรคไม่วิกฤต รอดูผลการตอบสนองได้
3. ผู้ป่วยที่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยฮอร์โมนในครั้งแรก จะมีโอกาสสูงในการตอบสนองต่อฮอร์โมนในครั้งต่อ ๆ ไป
4. ในผู้ป่วยที่มะเร็งตอบสนองต่อฮอร์โมนแล้ว ระยะเวลาของการตอบสนองนั้นจะอยู่นานประมาณ 1-2 ปี 3, 4, 5, 9
5. ในผู้ป่วยซึ่งมะเร็งตอบสนองต่อการรักษาด้วยฮอร์โมน แล้วเกิดการดื้อฮอร์โมนที่กำลังให้อยู่ เช่น tamoxifen การหยุดฮอร์โมน (tamoxifen) นั้น อาจจะทำให้มีการตอบสนองของมะเร็งนั้นต่อไป (อย่างน้อยประมาณ 6 อาทิตย์)10 ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า withdrawal response ซึ่งกลไกการเกิด ปรากฏการณ์นี้ยังไม่ทราบแน่ชัด
6. ในผู้ป่วยบางรายหลังได้รับการรักษาด้วยฮอร์โมนแล้ว อาจมีอาการรุนแรงขึ้น เช่น ผู้ป่วยที่มีมะเร็งกระจายไปกระดูก หลังจากที่ได้รับ tamoxifen อาการปวดกระดูก อาจรุนแรงมากขึ้น ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า flare11 อาการนี้อาจเกิดภายในไม่กี่ชั่วโมงหรืออาจเป็นวันหลังได้รับยา และอาการนั้น ๆ อาจอยู่เป็นวัน ๆ หรือเป็นอาทิตย์ก็ได้ ปรากฏการณ์นี้พบได้ประมาณ 3% - 9% flare นี้อาจดูเหมือนว่าโรคเป็นมากขึ้น แต่แท้ที่จริงแล้วการตอบสนองของมะเร็งมักจะตามมา และบ่งบอกถึงพยากรณ์โรคที่ดีด้วย อย่างไรก็ตาม จะต้องแยกโรคว่ามะเร็งผู้ป่วยเป็นมากขึ้นจริง ๆ หรือเกิดจาก flare ฮอร์โมนที่พบว่า อาจทำให้เกิดปรากฏการณ์นี้คือ estrogen, tamoxifen, androgen และ progestins ไม่พบอาการนี้จากยาในกลุ่ม aromatase inhibitors
7. การรักษาผู้ป่วยด้วยฮอร์โมนหลาย ๆ ชนิดร่วมกัน ไม่พบว่าได้ผลดีกว่าการใช้ hormone ครั้งละชนิด และเปลี่ยนเป็นชนิดใหม่เมื่อมะเร็งดื้อยา
8. ระยะเวลาในการรักษานั้น มักจะใช้ฮอร์โมนนั้นติดต่อกันไปจนกระทั่งโรคเป็นมากขึ้น หรือดื้อฮอร์โมนชนิดนั้น แล้วจึงเปลี่ยนเป็นฮอร์โมนอีกชนิด
- 23 -
การเลือกใช้ชนิดของฮอร์โมนในการรักษาผู้ป่วยนั้น ประการสำคัญขึ้นกับสภาวะประจำเดือนของผู้ป่วย นอกจากนั้นอาจต้องคำนึงถึงอาการข้างเคียงของการรักษา และค่าใช้จ่ายในการรักษาด้วย โดยปกติแล้วในผู้ป่วยที่ยังมีประจำเดือน มักจะให้การรักษาเริ่มแรกด้วยการหยุดการทำงานของรังไข่ก่อน ซึ่งทำได้ด้วย 3 วิธีคือ การผ่าตัดรังไข่ออก การฉายรังสีที่รังไข่ หรือการให้ยาในกลุ่ม LHRH analogues4, 12 การรักษาด้วย tamoxifen ก็ได้ผลเช่นกัน แต่จะได้ผลดีกว่าในผู้ป่วยที่หมดประจำเดือนแล้ว สำหรับในผู้ป่วยที่หมดประจำเดือนแล้ว tamoxifen เป็นยาที่ใช้รักษาเป็นอันดับแรก แต่เนื่องจากว่ามีการใช้ tamoxifen อย่างกว้างขวางในการรักษาเสริมหลังจากการผ่าตัดในผู้ป่วยที่ยังไม่ได้กระจาย ทำให้มีผู้หันมาใช้ยาในกลุ่ม megestrol acetate13 และ aromatase inhibitors14, 15 แทน ตารางที่ 2 แสดงฮอร์โมนชนิดต่าง ๆ และตารางที่ 3 แสดงการเลือกใช้ฮอร์โมน
ตารางที่ 2 ฮอร์โมนชนิดต่าง ๆ ในการรักษมะเร็งเต้านมแพร่กระจาย16
(menopausal status) rate (%) (%)
Oophorectomy 35 12-55 Oestrogen receptor positive selected patients response rate might
(premenopausal) exceed 50%. More effective in women over 35 years of age
Adrenalectomy 32 23-46 In series of patients with oestrogen receptor positive tumours the
(postmenopausal) response rate was 62%
Hypophysectomy 36 22-58 Until the 1980s also used for pain relief which was obtained in 70%
of the patients unrelated to endocrine mediated tumour response
Oestrogens 26 15-38
Mainly diethylstilboestrolDuring the last decade used in trials evaluating
Recruitment of cancer cells preceding cytotoxics
Androgens 21 10-38 Fluoxymesterone tested until recently with cytotoxics or as single
(postmenopausal) endocrine agent
Tamoxifen
(postmenopausal) 32 16-52 Most widely used endocrine agent. Some trials in premenopausal
patients used a dose of 40-120 mg/day
(premenopausal) 30 20-45
Tamoxifen withdrawal 8 22% stable disease
Other anti-oestrogens
Toremifene 29 Only 5% response rate in tamoxifen-refractory tumours
Droloxifene 31 Main characteristic is the short half-life; tested in phase II trials
ICI 182780 69 Agent with no oestrogenic effect: studied in only 19 patients
- 24 -
ตารางที่ 2 (ต่อ)
(menopausal status) rate (%) (%)
Idoxifene 10 Agent with reduced oestrogenic effect: sutdied in a phase I study of
only 20 patients
Progestins (mainly 30 9-67 Medroxyprogesterone acetate
Postmenopausal) Megestrol acetate
Aromatase inhibitors 32 16-43 Aminoglutethimide (type II)
Formestane (4-hydroxyandrostendione) type I)
Exemestane (FCE 24304) (type I)
Fadrozole (CGS 16949A) (type II)
Letrozole (CGS 20267) (type II)
Vorozole (R83842) (type II)
Arimidex (ZD1033) (type II)
Rogletimide (pyridoglutethimide) (type II)
GnRH analogues 36 32-45 Buserelin
(mainly Goserelin
premenopausal) Leuprolide
D-Trp-6 GnRN analogue
Antiprogestins 12 - RU486; other antiprogestins for potential testing:
Org31806 and ZK112993
Antiandrogens 3-5 - Cyproterone, Flutamide
ตารางที่ 3
การเลือกใช้ฮอร์โมน17HORMONAL THERAPIES FOR WOMEN WITH MATASTATIC BREAST CANCER.
Order of Therapy Premenopausal Women Postmenopausal Women
First line Antiestrogens or ovarian ablation Antiestrogens
(chemical, surgical, or postradiation) Aromatase inhibitors
Sccond line Ovarian ablarion after antiestrogens;
Antiestrogens after ovarian ablation
Third line Progestins Progestins
- 25 -
การรักษาด้วยเคมีบำบัด
(Chemotherapy)เคมีบำบัดจะใช้ในกลุ่มผู้ป่วยซึ่งมีพยากรณ์โรคไม่ดี ดังที่กล่าวมาแล้ว เช่น การดำเนินของโรคเร็ว มีการกระจายไป visceral organs มะเร็งที่ดื้อต่อฮอร์โมน เป็นต้น การตอบสนองของเคมีบำบัดแสดงไว้ในตารางที่ 4
ตารางที่ 4 การตอบสนองของเคมีบำบัด (ใช้ครั้งแรกของการรักษา)
Partial + comoplete response 45% - 80%
Complete response 5% - 25%
Time to initial response (median) 4 wk - 8 wk
Duration of response (median) 5 mo - 13 mo
Survival of responders (median) 15 mo - 33 mo
แต่เดิมเชื่อว่าการให้ยาตัวเดียวจะมีการตอบสนองของมะเร็งไม่ดีเท่ากับการใช้ยาหลาย ๆ ตัวรวมกัน ปัจจุบันมีการศึกษาพบว่าการให้ยาตัวเดียวในปริมาณสูงสุดที่ร่างกายรับได้ สามารถตอบสนองได้ดีเท่ากับการใช้ยาหลายตัวร่วมกัน
การตอบสนองของมะเร็งต่อเคมีบำบัดตัวเดียวแสดงไว้ในตารางที่ 5 และเคมีบำบัดที่ใช้กันบ่อยได้แสดงไว้ในตารางที่ 6, 7, 8, 9
ตารางที่ 5
เคมีบำบัดตัวเดียวในการรักษามะเร็งเต้านมแพร่กระจาย16Agent Remission rate Remission rate Remission rate
Overall pre-treated not pre-treated, not heavily
(%) (%) pre-treated (%)
Active drugs which are commonly used in the treatment of the disease
Chlorabucil 17 - -
Cyclophosphamide 33 22 36
Doxorubicin (Adriamycin) 32 29 43
Epirubicin (4-epiadriamycin) 39 33 71
Etoposide (oral) 27 22 35
Mitoxantrone 21 7 27
5-Fluorouracil 27 15 28
- 26 -
ตารางที่ 5
(ต่อ)Agent Remission rate Remission rate Remission rate
Overall pre-treated not pre-treated, not heavily
(%) (%) pre-treated (%)
Melphalan 20 4 25
Methotrexate 28 17 26
Mitomycin C 22 22 -
Navelbine 35 20 50
Paclitaxel (Taxol) 56 48 62
Docetaxel (taxotere) 67 - -
Thiotepa 29 - 25
Vinblastine 21 0 -
Vincristine 19 10 8
Active drugs or potentially active drugs
Amonafide 23 - 23
Bisantene 15 15 -
Platinum 21 8 52
Carboplatin (CBDCA) 15 4 26
Carmustine (BCNU) 16 - -
Elliptinium 27 22 37
Extramustine (Estracyt) 20 - 12
Prednimustine (Sterecyt) 26 21 35
Ifosfamide 27 32 20
Floxuridine 35 - 7
Hexamethylmelamine 11 11 -
Dibromodulcitol (mitolactol) 17 17 -
Mustin (Mustargen) 18 - 39
Pirarubicin 29 21 38
Vindesine 24 22 39
- 27 -
ตารางที่ 6 เคมีบำบัดกลุ่ม Non-Adriamycin ที่ใช้เป็น first-line20
First-Line Non-Adriamycin Chemotherapy Regimens for Metastatic Breast Cancer a
Cyclophosphamide 100 mg/m2 p.o. days 1-14
Methotrexate 40 mg/m2 i.v. days 1 and 8
5-FU 500 mg/m2 i.v. days 1 and 8
Vincristine 1 mg/m2 i.v. days 1 and 8
Prednisone 40 mg/m2 p.o. days 1-14
No treatment days 15-28; repeat on a 28-day cycle.
Cyclophosphamide 100 mg/m2 p.o. days 1 14
Methotrexate 30 40b mg/m2 i.v. days 1 and 8
5-FU 400-600b mg/m2 i.v. days 1 and 8
No treatment days 15 28; repeat on a 28-day cycle.
Cyclophosphamide 400 mg/m2 i.v. days 1
Methotrexate 30 mg/m2 i.v. days 1 and 8
5-FU 400 mg/m2 i.v. days 1 and 8
Cycle repeated every 28 days.
Cyclophosphamide 100 mg/m2 p.o. days 1 14
Methotrexate 30 40b mg/m2 i.v. days 1 and 8
5-FU 400-600b mg/m2 i.v. days 1 and 8
Prednisone 40 mg/m2 p.o. days 1 14.
Cyclophosphamide 150 mg/m2 i.v. daily x 5
5-FU 300 mg/m2 i.v. daily x 5
Prednisone 30 mg/day for 14 days, then 20 mg/day for 7 days, and 10 mg/day thereafter.
5-day CF cycles repeated every 5 weeks.
a
From Kardinal CG. Chemotherapy. In: Donegan WL, Spratt JS, eds. Cancer of the breast.2nd ed. Philadelphia: WB Saunders, 1979: 405-447.
b
Lower dose level given to patients ³ 65 years old.
- 28 -
ตารางที่ 7 เคมีบำบัดกลุ่ม Adriamycin ที่ใช้เป็น first-line20
First-Line Adriamycin (Doxorubicin)-Containing Regimens for Metastatic Breast Cancera, b
Adriamycin 40 mg/m2 i.v. day 1
Cyclophosphamide 200 mg/m2 p.o. days 3-6
Repeat cycle of 21 days.
Adriamycin 60 mg/m2 day 1
Cyclophosphamide 600 mg/m2 days.
Repeat cycle every 21 days.
Adriamycin 100 mg/m2 p.o. day 1-14
Cyclophosphamide 25 mg/m2 i.v. days 1 and 8
5-FU 500 mg/m2 i.v. days 1 and 8
No treatment days 15-18; repeat cycle every 28 days.
Adriamycin 50 mg/m2 i.v. day 1
Cyclophosphamide 500 mg/m2 i.v. day 1
5-FU 500 mg/m2 i.v. day 1
Repeat cycle every 3 weeks.
5-FU 500 mg/m2 i.v. days 1 and 8
Adriamycin 50 mg/m2 i.v. by continuous infusion over 48 to 96 hours
Cyclophosphamide 500 mg/m2 i.v. on day 1
Repeat cycle every 28 days.
a
From Kardinal CG. Chemotherapty. In: Donegan WL, Spratt JS, eds. Cancer of the breast.2nd ed. Philadelphia: WB Saunders, 1979: 405-447.
b
The total cumulative dose of Adriamycin in all regimens should not exceed 450 mg/m2.
- 29 -
ตารางที่ 8
เคมีบำบัดที่ใช้เป็น Second-Line20Second-Line Chemotherapy Regimens for Advanced Breast Cancer a
Vinblastine 4.5 mg/m2 day 1
Adriamycin 45 mg/m2 day 1
Thiotepa 12 mg/m2 day 1
Halotestin 10 mg p.o. tid continuously
Repeat every 21 days.
Doxorubincin 50 mg/m2 days 1 and 28
Vincristine 1 mg/m2 days 1 and 28
Mitomycin C 10 mg/m2 day 1
Repeat cycle every 8 weeks.
Vinblastine 6 mg/m2 day 1 and 28
Adriamycin 30 mg/m2 day 1 and 28
Mitomycin C 10 mg/m2 day 1
Repeat every every 8 weeks.
First two cycles:
Mitomycin C 10 mg/m2 i.v. days 1 and 28
Vinblastine 5 mg/m2 i.v. days 1, 14, 28, 42
Subsequent cycles:
Mitomycin C 10 mg/m2 i.v. day 1
Vinblastine 5 mg/m2 days 1 and 21
Repeat every 16 to 8 weeks.
a
From Kardinal CG. Chemotherapy. In: Donegan WL, Spratt JS, eds.Cancer of the breast. 2nd ed. Philadelphia: WB Sanders, 1979: 405-447.
ระยะเวลาที่ให้เคมีบำบัดนั้น ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ Honig แนะนำว่า ควรจะให้ยาตราบเท่าที่โรคยังไม่สงบ Goldhirsch16 แนะนำว่าให้เคมีบำบัดเพียง 6 เดือนน่าจะพอ อย่างไรก็ตามแนะนำว่าตราบเท่าที่โรคยังตอบสนองต่อเคมีบำบัด อาการผู้ป่วยได้รับการบรรเทาจากเคมีบำบัด และมีคุณภาพชีวิตดีจากการรักษาแล้วก็ควรจะให้เคมีบำบัดต่อ
- 30 -
อุปสรรคประการหนึ่งในการรักษามะเร็งเต้านมแพร่กระจายด้วยเคมีบำบัดก็คือ การดื้อยา และมีการศึกษาเพื่อแก้ไขภาวะนี้มากมาย เช่น
1. การให้เคมีบำบัดหลายตัวร่วมกัน ซึ่งเชื่อว่าการตอบสนองของมะเร็งจะดีกว่าการใช้ยาตัว เดียว22 โดยเฉพาะมะเร็งทางโลหิตวิทยา หรือใช้ในการรักษาเสริม แต่การใช้ในมะเร็งที่แพร่กระจายนั้นผลการตอบสนองของมะเร็งไม่ได้ดีกว่ายาตัวเดียว 23, 24, 25, 26, 27, 28
ของมะเร็งต่อยาหรือ survival 29, 30, 31
3. การใช้ dose intensity 32, 33, 34 พบว่าในบางรายงานอาจมีการตอบสนองต่อยาสูงขึ้น แต่ survival ไม่แตกต่างกัน และจำเป็นต้องใช้ colony-stimulating factors ร่วมด้วย จากผลการศึกษายังไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะใช้ dose intensity นี้มาเป็นการรักษามาตรฐานในผู้ป่วยกลุ่มนี้
4. Bone marrow transplant (BMT) รายงานต่าง ๆ ที่ศึกษา BMT พบว่าผู้ป่วยซึ่งมะเร็งกระจายแล้วมีการตอบสนองดีกว่าต่อการรักษาด้วย BMT รวมทั้งมีระยะปลอดโรค 5 ปี ประมาณ 25% 35 แต่รายงานเหล่านี้เป็นการศึกษาเปรียบเทียบกับ historical control ซึ่งอาจมี bias รายงานจากการศึกษาของ Bezwoda36 ซึ่งเป็น randomized trial พบว่าในกลุ่มที่ได้รับการรักษาด้วย high dose chemotherapy (HDCT) + autologous hematopoietic progenitor cell support มี CR 51% เปรียบเทียบกับ 5% ในกลุ่มที่รักษาด้วยเคมีบำบัดมาตรฐาน median duration of response = 80 vs 34 อาทิตย์ และ survival 90 vs 45 อาทิตย์ ตามลำดับ อย่างไรก็ตามรายงานขั้นต้นอีก 4 randomised studies จาก National Cancer Institute ซึ่งเป็นการศึกษาจากอเมริกา สแกนดิเนเวีย และฝรั่งเศส ยังไม่พบความแตกต่างในอัตราการอยู่รอดระหว่างการรักษาด้วย HDCT + BMT และเคมีบำบัดมาตรฐาน37
ยาตัวใหม่ ใน 10 ปี มานี้มีเคมีบำบัดและฮอร์โมนตัวใหม่ ๆ ที่ใช้ในการรักษามะเร็งเต้านม ดังในตารางที่ 9
ตารางที่ 9 เคมีบำบัดและฮอร์โมนตัวใหม่17
Hormonal
Antiestrogens 19-54
Toremifene (Fareston) Commercially available
Raloxifene (Evista) Approved by the FDA for osteoporosis; in phase 3 trials
Idoxifene In phase 3 trials for metastatic breast cancer
Faslodex (ICI 182, 780) In phase 3 trials for metastatic breast cancer
- 31 -
ตารางที่ 9
(ต่อ)Aromatase inhibitors 12-39
Formestane Commercially available in Europe
Anastrozole (Arimidex) Commercially available; in phase 3 trials
Letrozole (Femara) Commercially available; in phase 3 trials
Vorozole In phase 3 trials for metastatic breast cancer
Exemestane In phase 3 trials for metastatic breast cancee
Cytotoxic
Anthrapyrazoles 18-63
Losoxantrone In phase 3 trials for metastatic breast cancer
Anthracyclines 18-33
Liposomal doxorubicin (D 99) In phase 3 trials for metastatic breast cancer
Purine analogues
Gemcitabine (Gemzar) Commercially svailable for pancreatic cancer, in
phase 3 trials for metastatic breast cancer
Taxanes 13-68
Docetaxel (Taxotere) Commercially available; in phase 3 trials as adjuvant
therapy and for metastatic breast cancer
Paclitaxel (Taxol) Commercially available; in phase 3 trials as adjuvant
therapy and for metastatic breast cancer
Thymidylate synthase inhibitors 20-36
Capecitabine Commercially available; in phase 3 trials for
Metastatic breast cancer
Raltitrexed (Tomudex) In phase 3 trials for metastatic breast cancer
UFT In phase 3 trials for metastatic breast cancer
Vinca alkaloids 18-52
Vioorelbine (Navelbine) Commercially available for lung cancer; in phase 3
Trials as adjuvant therapy and for metastatic breast cancer
* FDA denotes Food and Drug Administration, and UFT uracil-ftorafur.
- 32 -
Reference
- 33 -
- 34 -