Radiation
Oncology Chulolongkorn University 
เคมีบำบัด
(Chemotherapy) 
 
 
 
 
ต้องระลึกไว้เสมอว่าการรักษาหลักของมะเร็งปากมดลูกคือ
การผ่าตัด และ/หรือ การฉายรังสี 
ยาเคมีบำบัดนั้นไม่สามารถนำมาใช้แทนการรักษาด้วยการผ่าตัดหรือฉายรังสี
แต่ยาเคมีบำบัดอาจนำมาใช้ 
ได้ในกรณีที่มีการกลับเป็นซ้ำของโรค
หรือมีการแพร่กระจายของโรค
และในบางครั้งอาจนำมาใช้ร่วมกับ 
การฉายรังสี
เพื่อหวังผลในการควบคุมโรคเฉพาะที่ให้ดีขึ้น
ทำให้มีระยะเวลาปลอดโรค (disease-free 
survival)
และอาจทำให้มีอัตราการรอดชีวิต
(overall survival) เพิ่มมากขึ้น 44-49 
ปัจจุบันนี้มีการศึกษาวิจัยการใช้ยาเคมีบำบัดในการรักษามะเร็งปากมดลูกอย่างกว้างขวาง 
โดยเฉพาะในผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกที่มีการกลับเป็นใหม่ของโรคภายหลังการรักษาด้วยรังสี
หรือ 
การผ่าตัด
และผู้ป่วยที่มีการแพร่กระจายของโรคไปยังอวัยวะต่าง
ๆ 
Cisplatin
จัดว่าเป็นยาซึ่งออกฤทธิ์ได้ประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษามะเร็งปากมดลูก 
ขนาดของยาที่ใช้ 50-100 mg/m2 ให้ทุก 3-4
สัปดาห์ พบว่ามีการตอบสนอง (overall
response rate) 
ประมาณ 30-40% 
นอกจากนี้ก็ยังมียาเคมีบำบัดตัวอื่น
ๆ อีก เช่น Bleomycin, Doxorubicin, Mitomycin-C, 
Methotrexate, Ifosfamide, 5-Fluouracil เป็นต้น
ซึ่งจะมีการตอบสนองอยู่ระหว่าง 10-25%
ดังแสดง 
ในตารางที่ 5 
ตารางที่ 5 Single agent activity against squamous cell
carcinoma of cervix 50-52 
ส่วนการใช้ยาเคมีบำบัดตั้งแต่
2 ตัวขึ้นไป (combination chemotherapy)
พบว่ามีการตอบสนอง 
ต่อการรักษาที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ตามผลข้างเคียงและภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นจากการรักษาก็สูงมากขึ้น 
เช่นกัน Combination Chemotherapy ที่ได้ผลดี
เช่น 
- Bleomycin + Mitomycin-C 53 
- Bleomycin + Methotrexate 54 
- Cyclophosphamide + Adriamycin + Cisplatinum (CAP) 55 
- Cisplatinum + Vinblastine + Bleomycin (PVB) 56 
- Bleomycin + Methotrexate + Cisplatinum (BMP)57 
โดยจะพบว่ามีการตอบสนองต่อการรักษาอยู่ระหว่าง
55% - 93% และมีช่วงเวลาการตอบสนอง 
(Duration of response) 3 - 30 เดือน 
Last
modified on 25 October 1996