Informative Text (E-T) Discussion | Introduction to Translation

Frida Kahlo is one of the most influential and well-known artists of Latin descent from the twentieth century. Born in Mexico to a German photographer and a Catholic housewife, she came of age during an era of great political change and the emergence of modem art.

At 18 years old she suffered critical injuries from a devastating bus accident that left her with a lifetime of pain and an inability to bear children. While bed-ridden in a body cast she began to paint, channeling her anguish and pain through self-portraits of striking surreal images that addressed the duality of her heritage and her fractured body. This duality permeated through other areas of Frida’s life as she engaged in love affairs with both men and women and made the traditional ‘Mexican style of hair and dress her signature look even though she delighted in dressing in slacks and men's clothing from time to time.

She was married to the celebrated Mexican artist Diego Rivera, a union that proved to be synergistic as he often painted her into his murals, yet also tumultuous as she struggled with his notorious infidelity.

Despite poor health throughout much of her life, Frida’s passion went beyond art and love as she was also extremely political, joining the communist league as a student and actively supporting key figures of the movement.

Frida Kahlo died in 1954 at the age of 47 and is remembered as one of the most important Latin American artists in modem art.

Translation 1

ฟรีดา คาห์โล เป็นศิลปินเชื้อสายละตินในช่วงศตวรรษที่ 20 ที่ทรงอิทธิพลและมีชื่อเสียงมากที่สุดผู้หนึ่ง เธอเกิดที่ประเทศเม็กซิโก เป็นลูกของช่างภาพชาวเยอรมัน และแม่บ้านที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิก และโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาในยุคสมัยที่มีความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่าง ใหญ่หลวงและในยุคกำเนิดศิลปะสมัยใหม่

เมื่อ อายุได้ 18 ปี เธอต้องทนทุกข์ทรมานด้วยอาการบาดเจ็บหนักจากอุบัติเหตุรถโดยสารประจำทางที่รุนแรง ซึ่งทำให้เธอต้องอยู่กับความเจ็บปวดไปตลอดทั้งชีวิตและ ไม่สามารถจะมีบุตรได้ ในระหว่างที่เธอต้องนอนเจ็บอยู่แต่บนเตียงใส่เฝือกทั้งตัว เธอเริ่มวาดภาพเพื่อระบายความทุกข์และความเจ็บปวดผ่านทาง การวาดภาพตนเอง ซึ่งเป็นภาพเหนือจริงอันโดดเด่นน่าตื่นตา ที่แสดงถึงทวิภาวะด้านเชื้อชาติและร่างกายที่แตกร้าวทั้ง ตัว ทวิภาวะนี้ยังปรากฏอยู่ทั่วไปในชีวิตด้านอื่น ๆ ของฟรีดา เช่น เธอมีความสัมพันธ์กับทั้งชาย และหญิง และทำผมแต่งตัวแบบเม็กซิกันพื้นเมืองจนกลายเป็นภาพลักษณ์ประจำตัว แม้ว่าบางครั้งเธอจะชอบสวมกางเกงและเสื้อผ้าผู้ชายด้วยก็ ตาม

เธอ แต่งงานกับดิเอโก ริเวรา จิตรกรชาวเม็กซิกันชื่อดัง ซึ่งนับเป็นชีวิตคู่ที่เอื้อกันเพราะดิเอโกมักวาดฟรีดาในจิตรกรรมฝาผนังของเขา แต่อย่างไรก็ดี ชีวิตคู่ของทั้งสองก็มีเรื่องทะเลาะวิวาทกันอย่างดุเดือดเพราะเธอต้องทนกับการที่ สามีขึ้นชื่อว่ามีความสัมพันธ์กับผู้หญิงหลายคน

แม้ เธอจะมีสุขภาพย่ำแย่เกือบทั้งชีวิต ความหลงใหลและทุ่มเทของเธอไม่ได้จำกัดอยู่เพียงเรื่องศิลปะและความรักเท่านั้น เธอยังสนใจเรื่องการเมืองอย่างมาก เห็นได้จากการที่เธอเข้าร่วมสันนิบาตคอมมิวนิสต์เมื่อครั้งยังเป็นนักศึกษา และคอยให้การสนับสนุนแกนนำของการเคลื่อนไหวของพวกนี้ อย่างจริงจัง

ฟรี ด้า คาห์โล เสียชีวิตในปีค.ศ. 1954 เมื่ออายุได้ 47 ปี และผู้คนยังจดจำเธอว่าเป็นศิลปินแนวศิลปะสมัยใหม่เชื้อสายละตินอเมริกันที่สำคัญที่ สุดผู้หนึ่ง