Department of English

Faculty of Arts, Chulalongkorn University


2202313  Translation: English-Thai

 

Argumentative Text (English-Thai) Discussion

The translations given on this page are neither comprehensive nor definitive. They are here to give you an idea of the range of possibilities and to spark discussion. Suggestions and comments are welcome.


 

The following is part of President Obama’s speech at Nelson Mandela’s memorial on December 10, 2013.

...It is hard to eulogize any man—to capture in words not just the facts and the dates that make a life, but the essential truth of a person—their private joys and sorrows; the quiet moments and unique qualities that illuminate someone’s soul. How much harder to do so for a giant of history, who moved a nation toward justice, and in the process moved billions around the world.

Born during World War I, far from the corridors of power, a boy raised herding cattle and tutored by elders of his Thembu tribe—Madiba would emerge as the last great liberator of the 20th century.

Like Gandhi, he would lead a resistance movement—a movement that at its start held little prospect of success. Like King, he would give potent voice to the claims of the oppressed, and the moral necessity of racial justice. He would endure a brutal imprisonment that began in the time of Kennedy and Khrushchev, and reached the final days of the Cold War.

Emerging from prison, without force of arms, he would—like Lincoln—hold his country together when it threatened to break apart. Like America’s founding fathers, he would erect a constitutional order to preserve freedom for future generations—a commitment to democracy and rule of law ratified not only by his election, but by his willingness to step down from power.

Given the sweep of his life, and the adoration that he so rightly earned, it is tempting then to remember Nelson Mandela as an icon, smiling and serene, detached from the tawdry affairs of lesser men.

But Madiba himself strongly resisted such a lifeless portrait. Instead, he insisted on sharing with us his doubts and fears; his miscalculations along with his victories. “I’m not a saint,” he said, “unless you think of a saint as a sinner who keeps on trying.”


 



Translation 1: Grammar-Translation Method


[¶1; 1] ...It is hard to eulogize any man—

จะกล่าวไว้อาลัยใครนั้นยากนัก


to capture in words not just the facts and the dates that make a life, but the essential truth of a person—

จะจดจำด้วยคำพูด ไม่เพียงแค่ข้อเท็จจริงและวันเดือนปีที่ประกอบกันเป็นชีวิตชีวิตหนึ่ง แต่แก่นแท้ของบุคคลคนนั้นด้วย


their private joys and sorrows; the quiet moments and unique qualities that illuminate someone’s soul.

ความสุขและความทุกข์ในหัวใจ ช่วงเวลานิ่ง ๆ และลักษณะเฉพาะที่ส่องให้เห็นจิตวิญญาณของเขา


[2] How much harder to do so for a giant of history,

จะยากขึ้นสักเพียงไหนหากจะต้องพูดถึงมหาบุรุษในประวัติศาสตร์คนนี้


who moved a nation toward justice, and in the process moved billions around the world.

ผู้นำพาประเทศประเทศหนึ่งให้ได้รับความยุติธรรม และการกระทำสิ่งนี้สะเทือนคนอีกหลายสิบล้านคนในโลกไปด้วย


[¶2; 3]  Born during World War I, far from the corridors of power,

ถือกำเนิดมาช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๑  ห่างไกลนักจากห้องหอแห่งอำนาจ


a boy raised herding cattle and tutored by elders of his Thembu tribe—

เด็กชายเติบโตมา มีชีวิตเลี้ยงแกะและเรียนหนังสือกับผู้เฒ่าในเผ่าเทมบูของตน


Madiba would emerge as the last great liberator of the 20th century.

มาดิบาผู้นี้จะได้กลายเป็นผู้ปลดปล่อยผู้ยิ่งใหญ่คนสุดท้ายแห่งศตวรรษที่ ๒๐


[¶3; 4] Like Gandhi, he would lead a resistance movement—a movement that at its start held little prospect of success.

เช่นเดียวกับมหาตมะคานธี ท่านจะได้เป็นผู้นำขบวนการขัดขืน เป็นความเคลื่อนไหวที่ตอนต้นมองไม่เห็นโอกาสสำเร็จเลย


[5] Like King, he would give potent voice to the claims of the oppressed, and the moral necessity of racial justice.

เช่นเดียวกับ ดร. คิง  ท่านจะได้ให้พลังเสียงแก่ความเดือดร้อนของผู้ถูกกดขี่ และแก่ความสำคัญเชิงศีลธรรมที่จะต้องมีความเสมอภาคทางเชื้อชาติสีผิวในสังคม


[6] He would endure a brutal imprisonment that began in the time of Kennedy and Khrushchev, and reached the final days of the Cold War.

ท่านจะได้ทนถูกจองจำอย่างสาหัส ระยะเวลาตั้งแต่สมัยประธานาธิบดีเคนเนดีและนายกรัฐมนตรีครุชชอฟ จนถึงช่วงสุดท้ายของสงครามเย็น


[¶4; 7] Emerging from prison, without force of arms, he would—like Lincoln—hold his country together when it threatened to break apart.

เมื่อออกจากคุก และโดยไม่ใช้อาวุธ ท่านจะได้ยึดประเทศเข้าไว้ด้วยกัน เช่นเดียวกับประธานาธิบดีลินคอล์น ยามประเทศเสี่ยงจะแตกแยก


[8] Like America’s founding fathers, he would erect a constitutional order to preserve freedom for future generations—

เช่นเดียวกับบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งประเทศอเมริกา ท่านจะได้สถาปนาระเบียบธรรมนูญเพื่อคุ้มครองเสรีภาพของอนุชนรุ่นหลัง


a commitment to democracy and rule of law ratified not only by his election, but by his willingness to step down from power.

แสดงปณิธานต่อประชาธิปไตยและกฎหมาย ไม่ใช่แค่ด้วยมติเมื่อได้รับเลือกตั้งเท่านั้น แต่ด้วยความพร้อมที่จะก้าวลงจากอำนาจที่ได้รับนั้นด้วย


[¶5; 9] Given the sweep of his life, and the adoration that he so rightly earned,

เมื่อคำนึงถึงกระแสชีวิตทั้งหมดของท่าน และการเชิดชูบูชาที่ท่านก็สมควรได้รับอยู่แล้วนั้น

 
it is tempting then to remember Nelson Mandela as an icon, smiling and serene, detached from the tawdry affairs of lesser men.

อาจจะน่าจดจำนายเนลสัน แมนเดลาว่าเป็นปูชนียบุคคล ยิ้มและเย็น ลอยตัวอยู่เหนือชีวิตชาวบ้านธรรมดาของปุถุชนทั่วไป

 
[¶6;10] But Madiba himself strongly resisted such a lifeless portrait.

แต่ว่ามาดิบาเองปฏิเสธเด็ดขาดภาพไร้ชีวิตเช่นนั้น


[11] Instead, he insisted on sharing with us his doubts and fears; his miscalculations along with his victories.

ตรงกันข้าม ท่านเน้นย้ำแสดงให้เราเห็นความไม่แน่ใจของท่าน ความกังวล ความคาดผิดด้วยกันกับความสำเร็จ


[12] “I’m not a saint,” he said, “unless you think of a saint as a sinner who keeps on trying.”

"ผมไม่ได้เป็นนักบุญ" ท่านเคยกล่าวไว้ "เว้นแต่ท่านจะคิดว่านักบุญคือนักบาปผู้ไม่ลดละความพยายาม"

          




Translation 2: Sample for Critique


เป็นเรื่องยากที่เราจะสดุดีใครสักคน  ที่จะกล่าวเป็นคำพูดซึ่งไม่เพียงกล่าวถึงข้อเท็จจริงและวันเดือนปีที่เกิดเหตุการณ์ ต่าง ๆ ในชีวิตของคนคนหนึ่ง แต่กล่าวถึงตัวตนที่แท้จริงของบุคคลผู้นั้น ได้แก่ ความสุขหรรษาและความโศกเศร้าของเขาเอง  ช่วงเวลาที่สงบเงียบและคุณลักษณะอันเป็นเอกลักษณ์ที่แสดงถึงจิตวิญญาณของบุคคลผู้ นั้นอย่างชัดเจน  จะยิ่งยากขึ้นไปอีกสักเพียงใดที่จะกล่าวสดุดีผู้ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ผู้ซึ่งนำพา ประเทศชาติไปสู่ความยุติธรรม และในขณะที่ทำเช่นนั้นก็ได้เป็นแรงบันดาลใจให้แก่ผู้คนอีกเป็นพัน ๆ ล้านคนทั่วโลก

มาดิบาผู้ถือกำเนิดในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๑  ห่างไกลจากศูนย์อำนาจทั้งปวง  เติบโตมากับการเลี้ยงวัวเลี้ยงควาย  มีผู้อาวุโสในเผ่าเธ็มบูคอยอบรมสั่งสอน จะโตขึ้นกลายเป็นผู้นำเสรีภาพที่ยิ่งใหญ่คนสุดท้ายของศตวรรษที่ ๒๐

เช่นเดียวกับคานธี มาดิบาจะเป็นผู้นำการเคลื่อนไหว  เป็นการเคลื่อนไหวที่ในตอนเริ่มแรกดูไม่มีวี่แววว่าจะสำเร็จ  เช่นเดียวกับคิง เขาจะเป็นกระบอกเสียงสำคัญให้กับข้อเรียกร้องของผู้ถูกกดขี่ และสำหรับความจำเป็นทางศีลธรรมในเรื่องความเท่าเทียมทางเชื้อชาติ  เขาจะต้องทนทุกข์จากการถูกคุมขังอย่างโหดร้ายนับตั้งแต่สมัย ประธานาธิบดีเค็นเนดี้และนายกรัฐมนตรีครุชชอฟจนถึงปลายสมัย สงครามเย็น

เมื่อดูจากสิ่งต่าง ๆ ที่ได้กระทำมาในชีวิต และความรักความชื่นชมที่เขาสมควรได้รับเป็นอย่างยิ่งแล้ว เราจึงใคร่ระลึกถึงเนลสัน แมนเด็ลลาในฐานะที่เป็นบุคคลสำคัญ ผู้ยิ้มแย้มและสงบเย็น อยู่เหนือเรื่องราวอันต่ำทรามของผู้ที่ด้อยกว่า

แต่มาดิบาเองก็ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการเสนอภาพ ที่ไร้ชีวิตชีวาเช่นนั้น  เขากลับยืนยันที่จะแบ่งปันให้เราได้ร่วมรู้ถึงความเคลือบแคลงสงสัยและความหวาดกลัว ทั้งการคาดคะเนที่ผิดพลาด ตลอดจนชัยชนะของเขา  "ผมไม่ใช่นักบุญ" มาดิบากล่าว "นอกเสียจากคุณจะคิดว่านักบุญก็คือคนบาปที่ยังมีความพยายามอยู่อย่างไม่ลดละ"

     



 

Translation 3: Sample for Critique


ยากที่จะรำลึกถึงใครสักคน ที่จะเก็บด้วยถ้อยคำ ไม่เพียงแต่ข้อมูลเท็จจริงและวันเดือนปีที่ประกอบเป็นชีวิตคนคนนั้น แต่เก็บแก่นของคนคนนั้นด้วย เช่น ความสุขความทุกข์เฉพาะตัวของเขา ช่วงเวลานิ่ง ๆ และคุณลักษณะเฉพาะที่ฉายวิญญาณของคนคนนั้น  จะยากอีกแค่ไหนที่จะทำสิ่งนี้สำหรับเอกบุรุษในประวัติศาสตร์ ผู้นำประเทศประเทศหนึ่งไปสู่ยุติธรรม และในการนี้เองได้กระเทือนไปถึงคนอื่น ๆ ในโลกอีกหลายสิบล้านคนไปด้วย

มาดิบาเกิดในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ ๑

     



 




 

Reference




 

Discussion

 


 

Vocabulary



 

Links

Nelson Mandela





 

Source

Obama, Barack. Remarks by President Obama at Memorial Service for Former South African President Nelson Mandela. First National Bank Stadium, Johannesburg, South Africa, 10 Dec. 2013, The White House, https://obamawhitehouse.archives.gov/the-press-office/2013/12/10/remarks-president-obama-memorial-service-former-south-african-president-.

Thank you.  (Applause.)  Thank you so much.  Thank you.  To Graça Machel and the Mandela family; to President Zuma and members of the government; to heads of states and government, past and present; distinguished guests -- it is a singular honor to be with you today, to celebrate a life like no other.  To the people of South Africa -- (applause) -- people of every race and walk of life -- the world thanks you for sharing Nelson Mandela with us.  His struggle was your struggle.  His triumph was your triumph.  Your dignity and your hope found expression in his life.  And your freedom, your democracy is his cherished legacy.

It is hard to eulogize any man -- to capture in words not just the facts and the dates that make a life, but the essential truth of a person -- their private joys and sorrows; the quiet moments and unique qualities that illuminate someone’s soul.  How much harder to do so for a giant of history, who moved a nation toward justice, and in the process moved billions around the world.

Born during World War I, far from the corridors of power, a boy raised herding cattle and tutored by the elders of his Thembu tribe, Madiba would emerge as the last great liberator of the 20th century.  Like Gandhi, he would lead a resistance movement -- a movement that at its start had little prospect for success.  Like Dr. King, he would give potent voice to the claims of the oppressed and the moral necessity of racial justice.  He would endure a brutal imprisonment that began in the time of Kennedy and Khrushchev, and reached the final days of the Cold War.  Emerging from prison, without the force of arms, he would -- like Abraham Lincoln -- hold his country together when it threatened to break apart.  And like America’s Founding Fathers, he would erect a constitutional order to preserve freedom for future generations -- a commitment to democracy and rule of law ratified not only by his election, but by his willingness to step down from power after only one term.

Given the sweep of his life, the scope of his accomplishments, the adoration that he so rightly earned, it’s tempting I think to remember Nelson Mandela as an icon, smiling and serene, detached from the tawdry affairs of lesser men.  But Madiba himself strongly resisted such a lifeless portrait.  (Applause.)  Instead, Madiba insisted on sharing with us his doubts and his fears; his miscalculations along with his victories.  “I am not a saint,” he said, “unless you think of a saint as a sinner who keeps on trying.”

It was precisely because he could admit to imperfection -- because he could be so full of good humor, even mischief, despite the heavy burdens he carried -- that we loved him so.  He was not a bust made of marble; he was a man of flesh and blood -- a son and a husband, a father and a friend.  And that’s why we learned so much from him, and that’s why we can learn from him still.  For nothing he achieved was inevitable.  In the arc of his life, we see a man who earned his place in history through struggle and shrewdness, and persistence and faith.  He tells us what is possible not just in the pages of history books, but in our own lives as well.

Mandela showed us the power of action; of taking risks on behalf of our ideals.  Perhaps Madiba was right that he inherited, “a proud rebelliousness, a stubborn sense of fairness” from his father.  And we know he shared with millions of black and colored South Africans the anger born of, “a thousand slights, a thousand indignities, a thousand unremembered moments…a desire to fight the system that imprisoned my people,” he said.

But like other early giants of the ANC -- the Sisulus and Tambos -- Madiba disciplined his anger and channeled his desire to fight into organization, and platforms, and strategies for action, so men and women could stand up for their God-given dignity.  Moreover, he accepted the consequences of his actions, knowing that standing up to powerful interests and injustice carries a price.  “I have fought against white domination and I have fought against black domination.  I’ve cherished the ideal of a democratic and free society in which all persons live together in harmony and [with] equal opportunities.  It is an ideal which I hope to live for and to achieve.  But if needs be, it is an ideal for which I am prepared to die.”  (Applause.)

Mandela taught us the power of action, but he also taught us the power of ideas; the importance of reason and arguments; the need to study not only those who you agree with, but also those who you don’t agree with.  He understood that ideas cannot be contained by prison walls, or extinguished by a sniper’s bullet.  He turned his trial into an indictment of apartheid because of his eloquence and his passion, but also because of his training as an advocate.  He used decades in prison to sharpen his arguments, but also to spread his thirst for knowledge to others in the movement.  And he learned the language and the customs of his oppressor so that one day he might better convey to them how their own freedom depend upon his.  (Applause.)

Mandela demonstrated that action and ideas are not enough.  No matter how right, they must be chiseled into law and institutions.  He was practical, testing his beliefs against the hard surface of circumstance and history.  On core principles he was unyielding, which is why he could rebuff offers of unconditional release, reminding the Apartheid regime that “prisoners cannot enter into contracts.”

 But as he showed in painstaking negotiations to transfer power and draft new laws, he was not afraid to compromise for the sake of a larger goal.  And because he was not only a leader of a movement but a skillful politician, the Constitution that emerged was worthy of this multiracial democracy, true to his vision of laws that protect minority as well as majority rights, and the precious freedoms of every South African.

And finally, Mandela understood the ties that bind the human spirit.  There is a word in South Africa -- Ubuntu -- (applause) -- a word that captures Mandela’s greatest gift:  his recognition that we are all bound together in ways that are invisible to the eye; that there is a oneness to humanity; that we achieve ourselves by sharing ourselves with others, and caring for those around us.

We can never know how much of this sense was innate in him, or how much was shaped in a dark and solitary cell.  But we remember the gestures, large and small -- introducing his jailers as honored guests at his inauguration; taking a pitch in a Springbok uniform; turning his family’s heartbreak into a call to confront HIV/AIDS -- that revealed the depth of his empathy and his understanding.  He not only embodied Ubuntu, he taught millions to find that truth within themselves.

It took a man like Madiba to free not just the prisoner, but the jailer as well -- (applause) -- to show that you must trust others so that they may trust you; to teach that reconciliation is not a matter of ignoring a cruel past, but a means of confronting it with inclusion and generosity and truth.  He changed laws, but he also changed hearts.

For the people of South Africa, for those he inspired around the globe, Madiba’s passing is rightly a time of mourning, and a time to celebrate a heroic life.  But I believe it should also prompt in each of us a time for self-reflection.  With honesty, regardless of our station or our circumstance, we must ask:  How well have I applied his lessons in my own life?  It’s a question I ask myself, as a man and as a President.

We know that, like South Africa, the United States had to overcome centuries of racial subjugation.  As was true here, it took sacrifice -- the sacrifice of countless people, known and unknown, to see the dawn of a new day.  Michelle and I are beneficiaries of that struggle.  (Applause.)  But in America, and in South Africa, and in countries all around the globe, we cannot allow our progress to cloud the fact that our work is not yet done.

The struggles that follow the victory of formal equality or universal franchise may not be as filled with drama and moral clarity as those that came before, but they are no less important.  For around the world today, we still see children suffering from hunger and disease.  We still see run-down schools.  We still see young people without prospects for the future.  Around the world today, men and women are still imprisoned for their political beliefs, and are still persecuted for what they look like, and how they worship, and who they love.  That is happening today.  (Applause.)

And so we, too, must act on behalf of justice.  We, too, must act on behalf of peace.  There are too many people who happily embrace Madiba’s legacy of racial reconciliation, but passionately resist even modest reforms that would challenge chronic poverty and growing inequality.  There are too many leaders who claim solidarity with Madiba’s struggle for freedom, but do not tolerate dissent from their own people.  (Applause.)  And there are too many of us on the sidelines, comfortable in complacency or cynicism when our voices must be heard.

The questions we face today -- how to promote equality and justice; how to uphold freedom and human rights; how to end conflict and sectarian war -- these things do not have easy answers.  But there were no easy answers in front of that child born in World War I.  Nelson Mandela reminds us that it always seems impossible until it is done.  South Africa shows that is true.  South Africa shows we can change, that we can choose a world defined not by our differences, but by our common hopes.  We can choose a world defined not by conflict, but by peace and justice and opportunity.

We will never see the likes of Nelson Mandela again.  But let me say to the young people of Africa and the young people around the world -- you, too, can make his life’s work your own.  Over 30 years ago, while still a student, I learned of Nelson Mandela and the struggles taking place in this beautiful land, and it stirred something in me.  It woke me up to my responsibilities to others and to myself, and it set me on an improbable journey that finds me here today.  And while I will always fall short of Madiba’s example, he makes me want to be a better man.  (Applause.)  He speaks to what’s best inside us.

After this great liberator is laid to rest, and when we have returned to our cities and villages and rejoined our daily routines, let us search for his strength.  Let us search for his largeness of spirit somewhere inside of ourselves.  And when the night grows dark, when injustice weighs heavy on our hearts, when our best-laid plans seem beyond our reach, let us think of Madiba and the words that brought him comfort within the four walls of his cell:  “It matters not how strait the gate, how charged with punishments the scroll, I am the master of my fate: I am the captain of my soul.”

What a magnificent soul it was.  We will miss him deeply.  May God bless the memory of Nelson Mandela.  May God bless the people of South Africa.  (Applause.)

 



 


Home  |  Translation: English-Thai  |  Translation Resources  |  English Help  


Last updated November 3, 2017