เมื่อน้องเฟิร์มไปเยี่ยมคุณย่า

พอถึงปิดเทอมคุณพ่อได้มีเวลาหยุดหลายวันคุณแม่ก็ถือโอกาสลาพักร้อนเพื่อพาน้องเฟิร์มไปเยี่ยมคุณย่าที่จังหวัดปัตตานี ทุกเดือนเมษายน และเดือนตุลาคม พอไปถึงบ้านคุณย่าสิ่งแรกที่ทุกคนทักก็คือ ว้า ทำไมน้องเฟิร์มตัวเล็กจัง พ่อกับแม่ก็ไม่รู้จะทำยังงัย เพราะไปหาคุณหมอ คุณหมอก็บอกว่ามันเป็นพันธุกรรม ตัวเล็กแต่พัฒนาการดีก็ไม่เป็นไร สมัยนี้เลี้ยงเด็กให้อ้วนๆ ไม่ดีหรอก แต่น้องเฟิร์มกินเยอะ แถมนอนหลับดี สุขภาพแข็งแรง ร่าเริง ไม่เจ็บไม่ป่วยให้พ่อแม่ร้อนใจเลย อาจจะมีเป็นหวัดบ้างนิดๆ หน่อยๆ เดี๋ยวก็หายแป๊บเดียวเอง แทบจะไม่ต้องทานยาเลย แต่เมื่อทุกคนเห็นน้องเฟิร์มเป็นเด็กน่ารักช่างทำนู่นทำนี้ให้ได้หัวเราะกันทั้งบ้านก็ทำมีความสุขกันไปได้ ตอนนั้นที่ลงไปใต้ครั้งแรก อายุเพียง 8 เดือน ยังไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ก็เต้นได้เก่งมากแล้ว ได้ยินเสียงเพลงไม่ได้เลยสนุกสนานร่าเริงมาก โดยเฉพาะเวลาโฆษณาเบียร์ช้างชอบมาก หลังจากนั้นก็ลงไปครั้งที่สองก็ขวบกับสองเดือนแล้ว คราวนี้ไหว้เป็นแล้ว น้องเฟิร์มไหว้สวยมาก ก้มหัวลงแล้วพนมมือไหว้เหมือนเด็กโต ทุกคนพากันชมว่าน้องเฟิร์มไหว้น่ารักจัง แล้วก็บ๊ายบ่ายได้แล้ว ตอนนั้นทำได้หลายอย่าง เช่น เช็กแฮนด็ ยิ้มหวาน เล่นจ๊ะเอ๋ก็เป็น เล่นซ่อนหาก็ได้ พ่อกับแม่ภูมิใจในตัวลูกมากจ๊ะ

 

วิดิโอม้วนโปรด บีบี ดูเป็นร้อยรอบ

หลวงน้า(พระสันทัดน้องชายของคุณแม่)มาที่บ้านทีไรก็ต้องมีโน้นมีมีฝากเป็นประจำ คราวนี้นอกจากเอาเทปพระมาฝากคุณยายแล้วก็เอาวิดิโอมาฝากน้องเฟิร์มด้วย ตอนแรกคุณแม่เห็นว่ามันมีแต่ภาษาอังกฤษ ไม่รู้ว่าลูกจะสนใจหรือเปล่า แต่ที่ไหนได้พอเปิดมาเท่านั้นแหล่ะ ลุกขึ้นทำตามไปด้วยหัวเราะใหญ่ ทำได้เหมือนในวิดิโอทุกอย่าง ตั้งแต่ดีดเปียโน เดินแบบตุ๊กตาไขลาน ท่าดูกระจกแล้วทำหัวส่ายไปส่วยมา แล้วก็มีอีกเยอะมาก ตอนนั้นกลายเป็นตัวตลกประจำบ้านไปเลย ตอนกลางคืนดูวิดิโอเค้ามีอะไรตอนเช้าก็จะต้องมาแสดงให้คุณยายดูท่านั้นท่านี้ แบบนั้นแบบนี้คุณยายดูรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างแต่ก็ขำได้จนท้องแข็งไปเลย

ม้วนเทป kango ฟังมาตั้งแต่เกิด

วันนั้นคุณแม่ได้มีโอกาสไปเดินดูหนังสือที่ศูนย์หนังสือจุฬาฯ ก็ไปเห็นเทปเด็กๆ ม้วนนึงน่ารักดีก็ทดลองซื้อมาฟัง พอเปิดฟังเป็นเพลงภาษาอังกฤษร้องโดยเด็กๆ น่ารักดีก็เลยเปิดให้น้องเฟิร์มฟังทุกวันตอนก่อนนอนตั้งแต่น้องเฟิร์มเพิ่งเกิด แล้วก็เปิดเพลงคลาสสิกให้ฟังด้วย คุณพ่อเป็นคนอุ้มน้องเฟิร์มฟังทุกวันเลย วันละสองสามชั่วโมง ท่าทางน้องเฟิร์มชอบมากนอนยิ้มหลับยาวไปเลย แม่ว่าสงสัยตั้งแต่วันนั้นการฟังเพลงเลยทำให้น้องเฟิร์มเป็นเด็กอารมณ์ดีทั้งวันเลย พอโตหน่อยคุณพ่อก็เอาเทปม้วนนี้ไปเปิดในรถให้ฟัง น้องเฟิร์มก็ชอบมากฟังได้ทั้งวันไม่ยอมให้เปลี่ยนด้วยแต่ตอนหลังโตขึ้นมาหน่อยก็เปลี่ยนสไตล์ไปฟังเพลงของนิโคล แต่ตอนนี้สองขวบกำลังชอบฟังเพลงของอานัน อันวามาก

พ่อพาลูกขึ้นเครื่องบินครั้งแรก

ส่วนใหญ่เวลาไปหาคุณย่าที่ปัตตานี เราจะขับรถไปกันสามคน แต่ตอนนี้คุณแม่ยังลางานไม่ได้ ก็เลยต้องตามลงไปทีหลังซึ่งจะคุณพ่อขับรถลงไปกับน้องเฟิร์มก็ไม่ได้เพราะยังเล็กมากตอนนั้นประมาณ 8 เดือน ก็เลยพาขึ้นเครื่องบินเลย ก่อนขึ้นคุณแม่ก็พยายามไปหาข้อมูลว่าเด็กๆ ขึ้นเครื่องบินถ้าเกิดบินสูงแล้วจะหายใจออกไม๊ เป็นอะไรไม๊ ถ้าร้องให้จะทำยังงัย ก็คุยกันตลอด แต่ทุกอย่างกลับตรงกันข้าม อยู่บนเครื่องบินน้องเฟิร์มน่ารักมากแม้ว่าจะนั่งข้างน้องอีกคนนึงร้องให้ใหญ่แต่น้องเฟิร์มก็มองๆ ไม่ได้ร้องให้ตามเลย ยิ้มได้เล่นได้ปกติเหมือนไม่มีอะไรจนเครื่องบินไปถึงหาดใหญ่ประมาณ 9 โมง แต่เห็นคุณพ่อเล่าให้ฟังว่านั่งรอป้าเฮียงไปรับที่สนามบินจนเที่ยงถึงจะเจอ ต้องพาลูกนั่งๆ เดินๆ อยู่ที่สนามบินหลายชั่วโมง แต่น้องเฟิร์มก็ไม่ได้งอแงเลย น่ารักมาก แม่รักลูกมากๆ จ๊ะ

ชอบถ่ายรูปเป็นที่หนึ่ง

ตอนนี้ถ้ากล้องไม่มีปัญหาก็คงจะเสียเงินค่าฟิมล์อีกหลายๆ ม้วนแน่ๆ เลย แต่แม่ก็ชอบน่ะชอบเก็บภาพสวยๆ ของลูกไว้ มันน่ารักดี อยากให้น้องเฟิร์มดูตอนโตเพราะว่าน้องเฟิร์มถ่ายรูปแล้วน่ารักมากชอบตั้งท่าถ่ายท่านู้นท่านี้ทำได้ทุกอย่างบอกให้ยิ้มก็ยิ้มเลย ไม่เขินอายใครๆ ทั้งสิ้น เวลาเราไปเที่ยวกันเราชอบไปถ่ายรูปให้น้องเฟิร์ม จนทั้งอัลบัมมีรูปแม่กับพ่อสองสามรูปนอกนั้นเป็นรูปน้องเฟิร์มหมด ตอนนี้คุณแม่กำลังนัดน้าดี้ว่าว่างเมื่อไหร่จะให้ถ่ายน้องเฟิร์มแบบเต็มๆ เลย

เล็กหรือโตหนูก็เลี้ยงง่ายแต่ต้องพูดกัน

ส่วนใหญ่ที่เลี้ยงน้องเฟิร์มมาตั้งแต่เกิดก็ไม่ค่อยมีปัญหาอะไรเพราะยังเล็กมากอยู่ แต่ต้องพูดกันมากมายกว่าจะเข้าใจกันเพราะคุณแม่เข้าใจว่าน้องเฟิร์มยังเป็นเด็กอยู่เพิ่งจะเกิดมาดูโลกได้แป๊บเดียวเท่านั้น แต่แม่ก็ดีใจที่น้องเฟิร์มเลี้ยงง่ายไม่ซนมาก ไม่เคยรื้อของรก เอ๊ะ แต่จะพูดว่าไม่เคยรื้อก็ไม่ค่อยถูกเพราะตอนขวบกว่าๆ ก็ชอบเปิดลิ้นชักแล้วหยิบของออกมาหมดเลย คุณพ่อไม่ชอบพฤติกรรมแบบนี้เลย ก็เลยเอาผ้ามาใส่ไว้ที่ปากลิ้นชักเพื่อน้องเฟิร์มจะได้เปิดลิ้นชักไม่ได้เพราะมันจะติดผ้า แต่คุณแม่คิดว่าถ้าทำแบบนั้นมันเหมือนกับไปปิดกั้นความอยากรู้อยากเห็นของลูกคุณแม่ก็เลยปล่อยให้น้องเฟิร์มเปิดลิ้นชักได้แล้วรื้อของได้เต็มที่เลย แต่หลังจากรื้อแล้วก็สอนให้เก็บ น้องเฟิร์มต้องเก็บทุกครั้งน่ะลูก แล้วก็ช่วยกันเก็บ หลังจากนั้นน้องเฟิร์มก็ไม่เคยรื้อตู้อีกเลยเพียงแต่เปิดหยิบม้วนวิดิโอบีบีขึ้นมาให้เปิดแล้วก็ปิดตู้ไปเลย แต่ตอนนี้ชอบเทของเล่นออจากตะกร้า ต้องพูดกันนานกว่าจะยอมเก็บทุกอย่างลงตระกล้า “น้องเฟิร์มดูลูกเปิดซิเค้าจะมาช่วยน้องเฟิร์มเก็บของเล่นแน่ะเดี๋ยวแข่งกันดีกว่าน่ะ” บางครั้งก็ได้ผล บางครั้งก็ไม่ได้ผลแล้วแต่ แต่เดี๋ยวนี้ส่วนใหญ่จะเก็บเองแล้ว

หมีพูลรักกันมาตั้งแต่เกิด

ตุ๊กหมีพูลเป็นตุ๊กตาที่น้องเฟิร์มชอบมากตอนเล็กมี 4-5 ตัวเป็นของคุณแม่ตอนเด็กๆ บางตัวก็เป็นตุ๊กตาที่คุณพ่อซื้อให้คุณแม่บ้างตอนที่ยังไม่ได้แต่งงาน ไม่นึกว่าจะมาเป็นตุ๊กตาตัวโปรดของลูก ไปไหนมาไหนก็ต้องหิ้วหมีพูลไปด้วย แต่ก่อนตัวหมีพูลกับน้องเฟิร์มตัวเท่ากันเลย แต่เดี๋ยวนี้น้องเฟิร์มโตกว่าแล้ว อุ้มหมีพูลไปไหนสบายเลย คุณแม่ซื้อรถเข็นคันเล็กๆ สีเหลืองเหมือนรถเข็นที่เข็นในห้างสรรพสินค้าให้น้องเฟิร์มชอบให้หมีพูลนั่งแล้วเข็นพาไปเที่ยว ตอนเย็นๆ เวลาอาบน้ำเสร็จแล้ว เปลี่ยนเสื้อผ้า ก็ต้องให้หมีพูลเปลี่ยนด้วย เลือกชุดให้หมีพูลใส่เป็นชุดของน้องเฟิร์มเอง ใส่ได้พอดีเลย

ดูดนิ้วจนเกือบสองขวบ

ตั้งแต่น้องเฟิร์มอายุ 4 เดือน น้องเฟิร์มติดนิ้วมาก ดูดก่อนหลับทุกครั้ง ไปไหนมาไหนก็มีแต่คนทักให้รีบเลิกเพราะฟันจะไม่สวย นิ้วจะเสียด้วย แต่คุณพ่อคุณแม่ก็จนใจเพราะว่าซื้อหัวนมหลอกให้ดูดก็ไม่เอา โยนทิ้งไปเลย ทำยังงัยยังงัยก็ไม่ยอมเลิก ถ้าไม่ดูดนิ้วก็จะนอนไม่หลับ ไปถามผู้รู้ก็บอกว่าให้ใช้หัวนมรูเล็กลง จะได้ดูดนมนานๆ ไม่อยากดูดนิ้ว แต่พยายามแล้วก็ไม่ได้ผลเลย จนคุณยายต้องไปซื้อบอระเพ็ดที่ตลาดมา 5 บาท ใช้ทานิ้วโป้งที่ชอบดูด ซึ่งได้ผลดีเกินคาด ดูดเข้าไปเพียงครั้งเดียวก็รีบเอาออกเลยร้องด้วย คุณพ่อบอกว่าขมน่ะคราวหลังอย่าดูด น้องเฟิร์มก็เลยเลิกได้เลยตั้งแต่นั้นมา แต่ก็มีมุขตลกอีกน่ะยื่นนิ้วชี้มาให้ทุกคนดูดแล้วบอกว่านิ้วนี้ไม่ขง นิ้วนี้หวาน ทุกคนก็เลยหัวเราะกันท้องแข็งไปเลย

วันเกิดฉลองให้มันส์ที่ KFC ตามด้วย Mcdonand

วันเกิดตอนหนึ่งขวบไม่ได้จัดงานฉลองอะไรนอกจากพากันไปทานข้าวนอกบ้านสามคนพ่อแม่ลูก แต่ตอนสองขวบ แม่คิดว่าไปทานข้าวกันก็จะดีเฉพาะผู้ใหญ่ แต่น้องเฟิร์มอาจจะไม่สนุก ก็เลยคิดว่างั้นพาไปที่ๆ น้องเฟิร์มชอบดีกว่า คือพาไปที่ KFC กินกันให้เต็มที่แล้ว ก็ไปต่อที่ Mcdonand ไปกินไอติมแล้วก็เข้าไปวิ่งเล่นในอุโมงค์มหัศจรรย์สำหรับเด็กๆ น้องเฟิร์มพาพี่ไบเบิ้ลเข้าไปเล่นชอบอกชอบใจมาก เล่นเป็นชั่วโมงหลังจากนั้นพอออกมาแล้วคุณแม่เพิ่งจะมาเห็นว่าเค้าให้ขึ้นเฉพาะเด็ก 4 ขวบขึ้นไป เฮ้อ โล่งใจที่เล่นจนเสร็จแล้วออกมาได้แล้ว

สู้กันตอนแปรงฟันทุกวันเลย

มาเริ่มแปรงฟันให้น้องเฟิร์มตอนอายุหลายเดือนแล้ว จะขวบแล้ว เพราะฟันน้องเฟิร์มขึ้นช้ามาก เพิ่งขึ้นมาตอนใกล้ขวบ ก็เลยเพิ่งเริ่มแปรงฟันซึ่งเพิ่งรู้เหมือนกันว่ามันไม่ถูกต้องให้แปรงตั้งแต่แรกเกิดเลย โดยใช้ผ้าอ้อมถูที่เหงือกทุกวันเค้าจะได้คุ้นและชินๆ แต่นี่เพิ่งจะมาเริ่มแปรงตอนใกล้ขวบแล้ว ซึ่งรู้เรื่องแล้ว ก็ไม่ยอมให้แปรงฟัน คุณหมอที่คณะทันตแพทย์ จุฬาฯ แนะนำว่าต้องจับแปรงเลย จะร้องให้เพียง 4-5 วันเท่านั้นเอง แต่พอเอาเข้าจริงๆ พ่อกับแม่ช่วยกันสองคนจนเหนื่อย ร้องให้โวยวาย ดิ้นไปดิ้นมาจนแปรงไม่ได้เลย จนคุณยายถามว่าเป็นอะไรร้องให้เสียงดังทุกวันเลย แล้วก็ไม่ได้ร้องแค่ 4-5 วันน่ะ ร้องให้เป็นเดือนเลย โอ๊ยทำงัยดีแต่หลังจากนั้นคงคิดได้ว่าถึงร้องให้ยังงัยก็ต้องหนีไม่พ้นอยู่ดี ก็เลยยอมให้แปรงแต่โดยดี แต่มีข้อต่อร้องตลอดเช่น เอาหมีไปได้ไม๊ เอามิกกี้เม้าท์ไปได้ไม๊ คุณแม่ก็ต้องอนุญาตเพราะจะได้เข้าไปเป็นเพื่อนกันตอนแปรงฟัน แต่ก็ไม่ร้องให้แล้ว พอคุณแม่บอกว่า หนึ่งสองสาม ก็อ้าปากเลย เก่งมากน่ะ

แปดเดือนก็เลิกใส่แพมเพิดแล้ว ไชโย

ตั้งแต่เกิดจนแปดเดือนน้องเฟิร์มใส่แพมเพิดตลอดเลย วันละแผ่น ใส่ทุกวัน ตอนนั้นเปลืองค่าแพมเพิดมาก แต่ไม่ใส่ก็ไม่ได้เพราะกลัวจะตื่นบ่อยๆ เด็กๆ ถ้าตื่นบ่อยๆ เพราะเปียกก็ไม่ดีเพราะฮอร์โมนแห่งการเจริญเติบโตมันจะไม่หลั่งออกมา มันจะหลั่งออกมาเมื่อหลับสนิทและยาวนาน ก็เลยต้องใส่เหมือนเด็กๆ ทุกคน แต่พอแปดเดือนแล้ว ใส่แพมเพิดตอนกลางคืนตื่นเช้ามาไม่มีฉี่เลย เอ แสดงว่าตอนกลางคืนน้องเฟิร์มไม่ได้ฉี่เลยน่ะ แต่ก็ยังใส่อยู่อีกประมาณหนึ่งอาทิตย์ หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าไม่ฉี่รดที่นอนแน่ก็เลยไม่ได้ใส่ให้อีกเลย ไปไหนๆ ก็ไม่ใส่เวลาฉี่น้องเฟิร์มก็จะบอกโดยแต่ก่อนยังพูดไม่ได้ก็จะใช้ท่าทางบอกโดยเอามือไปจับตรงจู๋เพื่อให้รู้ว่ากำลังจะฉี่แล้ว เดี๋ยวนี้สบายมากเลย ตื่นขึ้นมาก็พาไปแปรงฟัน อาบน้ำแล้วก็ฉี่ในห้องน้ำเรียบร้อยเลย

คุณแม่ร้องเพลงให้ฟังก็ชอบแถมยังเลือกอีกว่าจะให้ร้องเพลงไหน

ถ้าอยู่บนรถเราสามคนพ่อแม่ลูกจะมีความสุขมาก เพราะจะได้ร้องเพลงให้ลูกฟัง แล้วน้องเฟิร์มเค้าก็ชอบเพลงมาก แต่ตอนที่น้องเฟิร์มยังเล็กมากๆ ก็จะแสดงออกโดยการนอนฟังแล้วยิ้ม ถ้าเพลงสนุกๆ ก็จะขยับขาขยับมือเพื่อให้ทุกคนรู้ว่ากำลังมันส์มาก ฉันเต้นอยู่น่ะ แต่ตอนหลังๆ พอพูดได้ก็จะบอกให้คุณแม่ร้องเพลงนั้นเพลงนี้โดยบอกชื่อเพลงได้เลยว่าจะเอาเพลงไหน บางทีร้องเพลงนี้ยังไม่ทันเสร็จเปลี่ยนไปร้องเพลงนู้นอีกแล้ว บางครั้งเพลงเดียวก็ร้องซ้ำแล้วซ้ำอีกหลายเที่ยวมากเลยจนคุณแม่เหนื่อยแล้วบอกว่าหยุดเถอะน่ะ น้องเฟิร์มก็จะบอกว่าไม่หยุด แต่น้องเฟิร์มเก่งมากน่ะ สามารถร้องเพลงที่คุณแม่ร้องให้ฟังตั้งแต่เล็กๆ ได้หมดทุกเพลงเลย พ่อกับแม่ปลื้มใจมากเลย

กับพิ่ไบเบิ้ลรักกันมากแต่ร้องให้ประจำ

ความที่น้องเฟิร์มเป็นลูกคนเดียวของคุณพ่อและคุณแม่ ส่วนพี่ใบเบิ้ลก็เป็นลูกคนเดียวเหมือนกันสองคนจึงต้องมาอยู่กับคุณยายกับคุณย่าทั้งคู่ก็ต้องเล่นกันมาตลอด คนนึงหลานยาย คนนึงหลานย่าบางครั้งน้องน้องเฟิร์มก็พลอยเรียกคุณยายว่าคุณย่าไปด้วย แต่ก่อนพี่ใบเบิ้ลรักน้องมาก ไม่เคยรังแกน้องเลย ยอมน้องตลอด แต่น้องซิชอบไปแหย่พี่ พี่หยิบอะไรเป็นไม่ได้เลย ต้องจะเอาจะเอาทุกครั้ง บางครั้งพี่ก็ไม่ให้ แต่ผู้ใหญ่ก็ต้องบอกให้พี่ใบเบิ้ลให้น้องทุกครั้ง ทำให้น้องเฟิร์มก็ได้ใจ แต่คุณแม่จะต้องคอยบอกพี่ใบเบิ้ลว่าน้องยังเล็กอยู่น่ะยังไม่ได้เรียนหนังสือด้วยน้องยังไม่รู้จักแบ่งของให้ใครพี่ใบเบิ้ลเรียนหนังสือแล้วโตแล้วเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ต้องให้น้องไปก่อน เดี๋ยวน้องไปโรงเรียนน้องก็จะรู้ว่าแย่งของใครไม่ได้น่ะ ถึงจะทำให้พี่ใบเบิ้ลยอมได้ทุกครั้ง แต่บางครั้งพี่ใบเบิ้ลก็ไม่อยากให้ เลยตีน้องแรงๆ จนร้องให้ก็มีเหมือนกัน คุณแม่ก็ต้องคอยห้าม แต่บางครั้งน้องน้องเฟิร์มก็ชอบเข้าไปกัดหลังพี่ใบเบิ้ลก่อน กัดแรงมากจนร้องให้ดังๆ เลย คุณแม่ก็ต้องให้น้องน้องเฟิร์มไปขอโทษพี่ใบเบิ้ล น้องน้องเฟิร์มก็ตามไปขอโทษ ตอนแรกพี่ใบเบิ้ลก็ไม่ยอมแต่พอพูดสักพัก น้องมาขอโทษแล้วน่ะพี่ใบเบิ้ลยังไม่หายโกรธอีกเหรอ น้องยังไม่ได้เรียนหนังสือเลยไม่มีใครสอนเลย พี่ใบเบิ้ลต้องช่วยสอนน้องน่ะว่าคราวหลังอย่ากัดพี่ใบเบิ้ลอีก จนพี่ใบเบิ้ลก็ใจอ่อนยอมให้อีก ส่วนน้องเฟิร์มหลังจากขอโทษเสร็จแล้วก็เที่ยวไปเล่าให้คนโน้นคนนี้ว่าน้องเฟิร์มกัดหลังพี่ใบเบิ้ลแบบนี้แบบนี้ แล้วก็ทำท่าให้ดูทุกคนก็พากันขำกลิ้งไปอีกรอบ เฮ้อ น้องเฟิร์มน่ะน้องเฟิร์ม

คุณพ่อพาไปฉีดยา ว้าคิดว่าจะไม่เจ็บ

พอถึงรอบที่จะต้องฉีดวัคซีนแต่ละครั้งคุณพ่อกับคุณแม่ก็ต้องนัดกันล่วงหน้าว่าจะลางานหรือจะเอายังไง จะไปทำงานตอนเช้าแล้วมารับไปฉีดตอนบ่ายหรือลาทั้งวันเลยดีกว่า แต่ก็ตกลงกันได้ทุกครั้งโดยเราสองคนจะพาไปทั้งคู่ แต่คุณแม่จะเป็นคนไปติดต่อทำบัตรรับยา ส่วนคุณพ่อจะเป็นคนพาน้องเฟิร์มเข้าไปฉีดในห้องคุณหมอ เพราะคุณแม่ไม่กล้าพาเข้าไป เห็นคุณพ่อเล่าว่าตอนแรกยังไม่ได้ฉีดน้องเฟิร์มก็เฉยๆ นั่งดูคนโน้นคนนี้ร้องให้กันกะจองอแง กำลังเพลินๆ เลย แต่คุณหมอซิใจร้ายจังไม่บอกให้รู้เนื้อรู้ตัวเลยอยู่ๆ ก็ปักเข็มลงไปเลย น้องเฟิร์มไม่ได้ร้องไห้เพราะเจ็บหรอกน่ะแต่ร้องให้เพราะตกใจต่างหาก ก็คุณหมอไม่บอกเลยนิ เฮ้อ ตกใจหมด ร้องให้ซ่ะตาแดงเลย คุณพ่อกับคุณแม่ต้องช่วยกันปลอบใจแทบแย่กว่าจะเงียบได้

ขวบแปดเดือนท้าทายพ่อแม่เป็นที่หนึ่ง

มีอยู่ช่วงหนึ่งที่น้องเฟิร์มดื้อมาก อะไรๆ ก็ไม่ยอม บอกว่าไม่ให้ทำแบบนี้ก็จะทำ บอกว่าให้ทำแบบนั้นก็ไม่ทำ จะต้องตรงข้ามกับพ่อแม่ตลอดเลย จนพ่อกับแม่ปวดหัวมาก นั่งคุยกันเอ๊ะลูกเป็นอะไรเนี้ย ทำไมถึงได้ก้าวร้าวแล้วก็เสียงดัง ออกจะดื้อๆ ซ่ะด้วย ก็เลยไปเปิดหนังสือเกี่ยวกับเด็กดู อ๋อ วัยนี้เป็นวัยยั่วยุและท้าทาย ถึงว่าทำไมถึงดื้อนัก ก็เลยต้องใช้วิธีเบี่ยงเบนพฤติกรรม เวลาดื้อๆ ก็เปลี่ยนเรื่องไปเลย ไปทำอย่างอื่น ไม่อยากให้เก็บอารมณ์โกรธเอาไว้นานๆ เดี๋ยวจะติดนิสัยไม่ดี แต่พอผ่านไปซักพักก็ดีขึ้น แต่ก็ยังมีบ้างเล็กๆ น้อยๆ ตามประสาวัยกำลังซน

นักแสดงมืออาชีพตีบทแตกตลอด

โฆษณาในทีวีหลายอย่างที่เป็นที่โปรดปรานมากอย่างแรกเลยก็เบียร์ช้างได้ยินแค่แว๊บเดียวก็เต้นได้เลย หรือมิสทีนมาแล้วค่ะ ก็ท่องได้เลย หรือพวกลีโอ และอะไรต่ออะไรอีกหลายอย่างที่จำได้ร้องได้หมด ทั้งเต้นทั้งโยก ขอให้เห็นแว๊บเดียวเท่านั้นแหล่ะรู้เลยโฆษณาอะไร

อยากได้โต๊ะเขียนหนังสือในห้างจัง

ตอนที่พาไปเดินที่คาร์ฟูร์บังเอิญได้เดินในส่วนที่เฟอร์นิเจอร์ทั้งหลาย ก็ไปเดินๆ ผ่านไปไม่ได้สนใจอะไรเป็นพิเศษ แต่น้องเฟิร์ม ดันไปสุดุดตากับโต๊ะเขียนหนังสือตัวเล็กน่ารักขนาดน้องเฟิร์มนั่งพอดีเลย น้องเฟิร์มเลยหยุดแล้วเดินเข้าไปนั่งบนเก้าอี้แหมช่างเหมาะกับแกอะไรอย่างนี้ น้องเฟิร์มเลยวิ่งมาหาคุณพ่อบอกว่าจะเอาเก้าอี้ จะเอาให้ได้ คุณพ่อก็บอกว่าไม่ได้ ก็ไม่ยอม คุณแม่ก็เลยบอกว่าถ้าเด็กอยากได้อะไรต้องไม่ตามใจทำเป็นไม่สนใจเค้าเดี๋ยวเค้ารู้ว่าไม่ได้จริงๆ ก็ต้องยอมในที่สุด ว่าแล้วพ่อกับแม่ก็เดินออกมาเลยโดยปล่อยให้น้องเฟิร์มยืนอยู่ตรงนั้นคนเดียวแล้วบอกว่าพ่อแม่ไปแล้วน่ะ น้องเฟิร์มไม่ไปก็ยืนอยู่ตรงนี้แหล่ะ แล้วพ่อแม่ก็เดินหันหลังกลับไปเลย ประมาณ 5 เมตรได้ คุณพ่อหันกลับมาดูน้องเฟิร์ม ก็ต้องตกใจบอกคุณแม่ว่าดูซิน้องเฟิร์มลากเก้าอี้ตัวนั้นตามมาด้วย คุณแม่ตกใจมาก ตายแล้วลูกไปเอาของเค้ามาได้งัยค่ะ เดี๋ยวเค้านึกว่าขโมยน่ะลูก ว่าแล้วก็พากันลากเก้าอี้ไปคืนเค้า เฮ้อ เกือบไปแล้วซิ

 

ไปโรงเรียนแล้ว

พออายุสองขวบกว่า คุณแม่ก็คิดว่าน้องเฟิร์มควรจะเข้าโรงเรียนได้แล้วเพราะว่าเป็นลูกคนเดียวกลัวว่าจะเหงา ไม่มีเพื่อน เพราะพี่ไบเบิ้ลก็ไปโรงเรียน ก็เลยพาไปสมัครเรียนที่โรงเรียนปานะพันธ์พญาไท ซึ่งเป็นโรงเรียนที่อยู่ใกล้ที่ทำงานคุณพ่อและคุณแม่ วันแรกที่ไปโรงเรียนคุณแม่ก็หนักใจเหมือนกันกลัวว่าจะร้องให้ไม่ยอมอยู่โรงเรียน  แต่พอไปจริงๆ กลับตรงกันข้าม น้องเฟิร์มตื่นเต้นมาก ชอบของเล่น ชอบโรงเรียน ไม่ร้องให้เลย แถมยังบ๊ายบายคุณแม่ด้วย คุณครูยังบอกเลยว่าน้องเฟิร์มเก่งมาก ไม่ร้องให้เลย  เฮ้อ โล่งอกไปทีน่ะลูก

ใครแกล้งเดี๋ยวจัดการให้ลูก

หลังจากไปโรงเรียนได้ซักพัก คุณพ่อก็จะต้องคอยถามน้องเฟิร์มว่าเป็นงัยบ้างโรงเรียนสนุกไม๊  มีเพื่อนแกล้งไม๊  คุณพ่อบอกว่า "ถ้ามีใครมาแกล้งน้องเฟิร์ม  น้องเฟิร์มบอกคุณพ่อเลยน่ะ เดี๋ยวคุณพ่อจะไปจัดการให้"  น้องเฟิร์มก็เลยถามว่า "คุณพ่อจะจัดการใครเหรอ" คุณพ่อก็เลยบอกว่า "ก็ใครแกล้งน้องเฟิร์มละ เอาหัวหน้าเลยน่ะ คนไหนเป็นหัวหน้าเดี๋ยวคุณพ่อจะไปจัดการคนนั้นน่ะ" น้องเฟิร์มก็เลยบอก "ครูอ๋อเหรอ"  คุณพ่อก็อึ้งไปไม่ยอมพูดอีกเลย