วิชาสหสาขาศึกษาเพื่อพัฒนาชนบท |
การเกษตรในท้องถิ่น อรุณี จันทรสนิท ภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ แม้ว่าประเทศไทยจะมีการเปลี่ยนแปลงจากภาคเกษตรกรรมไปสู่ภาคอุตสาหกรรมมากขึ้นใน 30 ปีที่ผ่านมา แต่พื้นฐานของประเทศยังเป็นประเทศเกษตรกรรม ในปัจจุบันพลเมืองกว่า 60% ยังมีอาชีพเกี่ยวเนื่องกับการเกษตร ทั้งนี้เนื่องจากความเหมาะสมของพื้นที่ประกอบกับความสามารถพิเศษด้านเกษตร-กรรมของคนไทย และแม้ว่ารายได้จากการส่งออกระดับต้น ๆ ของประเทศจะไม่ใช่สินค้าเกษตรอีกต่อไป แต่สินค้าอุตสาหกรรมที่ส่งออกจำนวนมากก็เป็นอุตสาหกรรมแปรรูปผลผลิตทางเกษตร ดังนั้นรูป-แบบการผลิตจึงได้เปลี่ยนจากการผลิตเพื่อการยังชีพ (subsistence agriculture) ไปเป็นการผลิตเพื่อขายด้วย ทำให้เกิดการพัฒนาระบบการผลิตมาเป็นลำดับคือ
กล่าวโดยทั่วไป กสิกรรมระดับท้องถิ่นเน้นการปลูกพืชหลักเพียงอย่างเดียว ซึ่งสามารถแยกตามลักษณะพืชที่ปลูกและวิธีการเพาะปลูกได้ดังนี้ 1. การทำนา การทำนาในแต่ละภูมิภาคของไทยแตกต่างกัน
2. การปลูกพืชไร่
3. การปลูกพืชสวน พืชสวนโดยทั่วไปหมายถึงพืชผัก ผลไม้ ไม้ดอก และไม้ประดับ แต่บางครั้งเกษตรกรไทยเรียกลักษณะพื้นที่ ๆ ปลูกพืชแล้วเกิดความร่มรื่นว่าพืชสวน ทั้ง ๆ ที่ลักษณะพืชนั้น ๆ ไม่ค่อยตรงกับลักษณะของพืชสวน เช่น มะพร้าว ยางพารา รวมไปถึงสวนป่าไม้โตเร็ว 4. การเลี้ยงสัตว์ อาชีพเลี้ยงสัตว์ที่สำคัญทำรายได้จากการส่งออกที่สำคัญคือสัตว์น้ำและสัตว์ปีก ส่วนปศุ-สัตว์มักจะมีเพียงพอแค่ใช้ในประเทศ ปัญหาของเกษตรกร เกษตรกรไทยมีปัญหาเรื่องที่ดินและผลผลิตต่ำ นอกจากนี้ยังมีปัญหาคล้ายเกษตรกรในประเทศอื่นแม้แต่สหรัฐอเมริกา คือ นอกเหนือจากความรู้น้อยแล้วยังมีเรื่องอื่น ๆ เช่น
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาการเกษตร เนื่องจากปัญหาและการขาดแคลนปัจจัยในการผลิตดังกล่าว จึงทำให้ประสิทธิภาพและคุณภาพของผลผลิตที่ได้ของเกษตรกรไทยต่ำ กระทรวงเกษตรมีหน่วยงานหลักที่มีหน้ามี่ช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาด้านนี้ คือ
และยังมีหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาการเกษตร เช่น ธนาคารเพื่อการเกษตร และโครงการหลวง เป็นต้น ระบบเกษตรแบบพึ่งตนเอง การช่วยเหลือจากหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐดังกล่าวยังไม่ทั่วถึง เพราะมีกสิกรเป็นจำนวนมากอยู่ในฐานะต้องการความช่วยเหลือเกษตรกรจึงจำเป็นต้องหาทาง พึ่งพาตนเองโดยการปรับระบบการปลูกพืชของตนให้สามารถเลี้ยงตัวได้ โดยเป็นระบบที่ลงทุนน้อย เช่น ระบบเกษตรแบบผสมผสาน ระบบเกษตร-อินทรีย์ ระบบเกษตรธรรมชาติ เป็นต้น ซึ่งจะช่วยให้เกษตรกรไม่ประสบปัญหาดินเสื่อม พิษภัยจากสาร-เคมี และการขาดทุนอย่างหนักอย่างระบบเกษตรที่ลงทุนสูง โครงการพระราชดำริในการจัดการที่ดินและแหล่งน้ำ เพื่อแก้ปัญหาเรื่องขาดแคลนน้ำหลังหน้าฝน เนื่องจากการชลประทานมีประมาณ 25% ของพื้นที่เพาะปลูกเท่านั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงพระราชทานแนวคิดใหม่ ในการบริหารจัดการที่ดินให้มีสัดส่วนการใช้พื้นที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุดสำหรับเกษตรกรไทยที่มีที่ดินเฉลี่ยโดยประมาณ 15 ไร่ต่อครอบครัว โดยแบ่งพื้นที่ดิน ในการใช้ประโยชน์ คือ
นอกจากนี้ยังพระราชทานแนวพระราชดำริเกี่ยวกับเกษตรยั่งยืน เช่น การทดลองใช้หญ้าแฝกกันการพังทลายของดิน การปลูกพืชหมุนเวียน ตลอดจนการ ปลูกไม้ใช้สอยแซมในไร่นา เป็นต้น อุตสาหกรรมในครัวเรือน นอกเหนือจากการเพาะปลูกแล้ว คนไทยเป็นชนชาติที่มีความสามารถด้านศิลปหัตถกรรมและการถนอมอาหารต่าง ๆ ช่วงที่ว่างจากงานในไร่จึง สามารถเพิ่มรายได้ของครอบครัวด้วย ทุกวันนี้อุตสาหกรรมในท้องถิ่นจึงมีบทบาทมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากมีคุณประโยชน์มากมาย คือ
----------------------------------------------------------------- เอกสารอ้างอิง
? |