อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ 8-11 ธันวาคม 2543

เช้าตรู่ที่ร้านอาหารท่าเรือคุระบุรี-ด้านหลังคือท่าเรือครับ เช้าวันแรก (8-12-2543) จำนวนสมาชิกสำหรับทัวร์หมู่เกาะสุรินทร์ครั้งนี้มี 14 ชีวิตด้วยกัน เมื่อคืนรถทัวร์ออกจากสถานีขนส่งสายใต้ช้าไปประมาณ 30 นาที เนื่องจากว่ามีผู้โดยสารยังไม่มาอีก 2 ท่าน เนื่องจากว่าวันนี้รถในกรุงเทพติดมากๆ แต่ก็รอไม่ไหวต้องทิ้งไว้ ขนาดรถออกช้าแล้ว ยังมาถึงตลาดคุระบุรี จังหวัดพังงาตั้งแต่ ตี 3 ครึ่ง พอดีผมได้ติดต่อให้พี่อำนาจมารอรับอยู่แล้ว วินาทีแรกที่มาถึงหมู่เกาะสุรินทร์ มีเรือลำเล็กออกมารับขึ้นเกาะ ใครสนใจก็เรียกใช้บริการได้นะครับ (พี่อำนาจ 076-491643 หรือ 01-9706091 ก็ได้ครับ) เช้านี้อากาศหนาวมาก พวกเราทั้งหมดไปนั่งๆนอนๆ ตรงร้านอาหารที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะ สุรินทร์ฝั่งพื้นดินเพื่อจะรอลงเรือตอน 9 โมงเช้า ก่อนจะลงเรือก็สั่งอาหารใส่กล่องไปกินกันในเรือด้วย เพราะระยะเวลาเดินทาง ค่อนข้างนานมาก หลับๆตื่นๆ ก็ยังไม่ถึงซักที จนกระทั่งมาถึงที่ทำการฝั่งเกาะประมาณ 13.00 น ก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เรือลำที่พวกเราเดินทางไม่สามารถเข้าไปส่งข้างในได้ ต้องมีเรือเล็กออกมารอรับครับ ที่เห็นในรูปนั่นแหละครับเรือเล็กกำลังออก มารับพวกเรา โอ้โฮ..มีนักท่องเที่ยวแค่ 28 คนเอง แต่ทำไมของเยอะจริงๆ เข้าไปดูใกล้ๆ ปรากฏว่าเป็นเสบียงที่ทางอุทยานส่งมา ยังโรงครัวที่นี่ครับ มีทั้งปลา กุ้ง เพราะที่นี่เป็นเขตอนุรักษ์ไม่สามารถจับสัตว์น้ำมากินได้ แม้แต่ตกปลาเล่น หัวหน้าอุทยานที่นี่ก็ไม่อนุญาตครับ "ทำนองดูแต่ตามืออย่าต้องของจะเสีย"

เดินป่าศึกษาธรรมชาติ จุดเริ่มต้นของการเดินป่าศึกษาธรรมชาติ เป็นกิจกรรมแรกของบ่ายวันนี้ครับ บอกได้คำเดียวว่าสุดยอดครับ หาความร่มรื่น ความเขียวขจีแบบนี้ไม่ได้ที่ไหนอีกแล้ว บรรยากาศร่มรื่น มีเสียงนกร้องไปตลอดทาง เป็นเส้นทางที่ทางอุทยานฯ พยายามทำไว้ให้นักท่องเที่ยวได้เดินอย่างสบายที่สุดครับ สังเกตได้จากสะพาน ในแต่ละจุดยังใหม่ๆอยู่เลย เส้นทางก็ลัดเลาะไปตามโขดหิน ตามริมหาดที่สวยงาม ตรงไหนที่สวยงามเราก็อยุดนั่งพัก ถ่ายรูป กันอย่างสนุกสนาน ไม่รู้จะบรรยายอย่างไรดี สวย สงบ หายใจได้เต็มปอด เดินไปเรื่อยๆ ตามระยะทางทั้งหมด 2 กม. ในระหว่าง เดินไปก็จะมีจุดต่างๆ ที่แนะนำให้กับนักท่องเที่ยวได้รู้จัก บางจุดก็หายไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้ซีเรียส ไม่เจอก็ไม่เจอสิ หนทางอีก ยาวไกล แต่ก็มีอยู่จุดนึงที่สงสัยมากคือจุดที่ 10 กะพ้อแดง ซึ่งเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่มาก แต่ทำไมจึงเหลือแต่ตอก็ไม่รู้(มีป้ายบอกว่าจุดที่10วางอยู่บนตอไม้) จนกระทั่งไปถึงจุดหมายบริเวณหาดไม้งาม ป้ายโครงการคืนบ้านให้ปูเสฉวน ตรงบริเวณนี้มีการก่อสร้างลักษณะเป็นกระท่อมและมีการถางที่แถวนี้ด้วยตอนนั้น ก็ยังงงว่าเขากำลังจะทำอะไรกันน๊ะ..ก็เพิ่งจะมาถึงบางอ้อจากบทสัมภาษณ์คุณสมพงษ์(หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์) ปูเสฉวนที่พบเจอโดยบังเอิญที่หาดเต่า(บริเวณอ่าวเต่า) จาก www.talaythai.com ว่าท่านกำลังจะพัฒนาที่ตรงนั้นไปเป็นที่พักอาศัยสำหรับนักท่องเที่ยวอีกแห่งนึงโดยเฉพาะนักท่องเที่ยว ที่พักเต็นท์จะย้ายไปอยู่ที่หาดไม้งามทั้งหมด ตรงที่ทำการจะมีเฉพาะบ้านพักเท่านั้น แล้วก็หายข้องใจกับต้นไม้ที่เหลือแต่ตอทั้งหลาย ก็คงจะเอามาสร้างสิ่งเหล่านี้แน่นอน แต่ผมเข้าใจว่าทางอุทยานฯคงไม่ได้ตัดต้นไม้เหล่านั้นหรอก อาจเป็นลมพัด หรือต้นไม้โค่นล้มลงมาเองตามธรรมชาติมากกว่า ออ..พวกเราไปเจอพวกเปลือกหอยต่างๆ ตรงบริเวณหาดไม้งามเต็มไปหมด ตอนแรกคิดจะแฮปมาเหมือนกันแต่พอดีหันไปเห็นป้ายสีเขียวข้างๆนี้ล่ะครับก็เลยเปลี่ยนใจ เป็น "โครงการคืนบ้านให้ปูเสฉวน" ของรายการวิทยุคลื่น Green Wave 106.5 MHz ที่มาทำกิจกรรมเมื่อ 25-11-2543 เขาว่ากันว่าแถวหาดไม้งามนี้มีปูเสฉวนเยอะมาก แต่วันที่ผมไปไม่รู้คุณเธอหายไปไหนหมด มีแต่เปลือกหอยที่วางอยู่เต็มไปหมด พูดถึงเรื่องเปลือกหอยแล้วทำให้นึกถึงรีสอร์ทแห่งนึงแถวระยองที่เน้นเรื่องการเอาเปลือกหอยมาตกแต่งทุกๆแห่งที่เป็นของรีสอร์ท แห่งนี้ เยอะจริงๆ ตั้งแต่ป้ายทางเข้า ริมกระถางต้นไม้ หน้าเคาร์เตอร์ ห้องพักทุกห้องจะต้องมีเปลือกหอย ไม่ว่าจะเป็นกระถางต้นไม้ แม้แต่ฝ้าเพดานข้างบนหลังคาแท้ยังเป็นเปลือกหอยเลย เขาไม่ช่วยกันอนุรักษ์บ้างหรือไงน๊ะ อ้าว..ใครทราบว่ารีสอร์ทแห่งนั้นมีชื่อว่าอะไรน๊า.. ใบ้ให้ก็ได้นิสิต นักศึกษาชอบไปรับน้องกันที่นี่มาก

จุดพักระหว่างเดินป่า เป็นอีกจุดนึงที่สวยมาก

<< BACK |

NEXT >>

เชิญถามมา-แล้วผมจะตอบไป


นายชอบเที่ยว (8-11 Dec. 2000)
dakee@chaiyo.com