สำหรับวิธีที่ใช้ในการวิเคราะห์ออกแบบใช้วิธีโครงข้อแข็งเทียบเท่าหรือ
Equivalent Frame Method ซึ่งเป็นวิธีการคำนวณออกแบบโดยพิจารณาพฤติกรรมโครงสร้างในช่วงยืดหยุ่น
(Elastic) ในวิธีโครงข้อแข็งเทียบเท่าโครงสร้างจริง 3 มิติจะถูกแบ่งออกเป็นโครงข้อแข็ง
2 มิติ ทั้งทางยาวและทางขวางของอาคาร เรียกโครงข้อแข็งแต่ละอันว่า Equivalent frame
ซึ่งจะประกอบด้วยเสาหนึ่งแถว และแถบออกแบบของพื้นที่อยู่ระหว่างเส้นกึ่งกลางของแผ่นพื้นที่อยู่ในแต่ละด้านของเส้นกึ่งกลางของศูนย์เสาที่รองรับ
การวิเคราะห์แบ่งออกเป็นชั้นๆ โดยสมมติว่าปลายด้านไกลของเสาบนและล่างของชั้นที่กำลังพิจารณามีสภาพยึดแน่น
และเมื่อต้องการหาโมเมนต์ที่จุดรองรับใดๆ ให้สมมติว่าปลายของแผ่นพื้นที่อยู่ห่างออกไปจากจุดรองรับนั้นทั้งสองข้าง
ข้างละหนึ่งช่วงพื้นมีสภาพยึดแน่น โดยแผ่นพื้นนั้นต้องมีความต่อเนื่องไปจากจุดรองรับที่กำลังพิจารณา
ในการวิเคราะห์ระบบโครงดังกล่าวนี้ที่สมบูรณ์จะต้องทำการวิเคราะห์ โครงข้อแข็งภายนอกและโครงข้อแข็งภายใน
ในช่วงตามยาวและตามขวางของอาคาร แล้วจึงนำมาประกอบกันเป็นอาคารทั้งหมด
รูปแสดงความกว้างของแถบเสาภายนอกและภายใน
ความกว้างของโครงข้อแข็ง มีค่าเท่ากับระยะกึ่งกลางระหว่างเสาเรียกว่า
Design strip ซึ่งจะถูกแบ่งเป็น แถบเสา (Column strip) และแถบกลาง (Middle strip)
ความหนาของแผ่นพื้นพิจารณาจากตารางมาตรฐานของ ว.ส.ท. 1008-38 และ ACI-318-99 และความหนาที่ผ่านการตรวจสอบแรงเฉือนโดยตรง
ซึ่งคำนวณได้จากข้อมูลเริ่มต้นที่ผู้ใช้ได้ทำการป้อนเข้าไป ผู้ใช้สามารถพิจารณาใช้ค่าความหนาตามต้องการ
แต่ความหนาน้อยที่สุดที่จะนำไปใช้งานได้จะต้องมีค่าไม่น้อยกว่าค่าความหนาจากตารางมาตรฐาน
จากนั้นโปรแกรมจะคำนวณน้ำหนักบรรทุกแผ่ ทั้งน้ำหนักบรรทุกรวม และน้ำหนักบรรทุกคงที่
ซึ่งน้ำหนักบรรทุกทั้งหมดที่ทำการเพิ่มค่าแล้ว และคำนวณค่าโมเมนต์ที่ปลายยึดแน่น(FEM)
ทำการคำนวณหาค่าสติฟเนสการดัดของชิ้นส่วนต่างๆ ประกอบด้วย แผ่นพื้น(Ks), เสา(Kc),
ค่าสติฟเนสการบิด(Kt)ของชิ้นส่วนทางขวางเพื่อใช้ในการหาค่าสติฟเนสการดัดของเสาเทียบเท่า(Kec)
แล้วโปรแกรมจะทำการคำนวณค่าตัวประกอบเพื่อกระจายโมเมนต์(DF) เพื่อนำผลที่ได้ไปคำนวณค่าโมเมนต์ดัดสูงสุดที่ตำแหน่งต่างๆของแถบออกแบบที่พิจารณา
โดยวิธีกระจายโมเมนต์แบบสองรอบ(Two-cycle moment distribution) ซึ่งไม่มีข้อจำกัดเรื่องการจัดน้ำหนักบรรทุกจร
ใช้ค่าตัวประกอบสำหรับถ่ายโมเมนต์ (Carry-over factor) หรือ COF เท่ากับ 0.5 เพราะสมมติว่ารูปตัดของส่วนโครงสร้างมีรูปตัดตงที่ตลอดช่วงความยาวชิ้นส่วน
(Prismatic member) และทำการกระจายโมเมนต์ที่คำนวณได้เข้าสู่แถบเสา(Column strip)และแถบกลาง(Middle
strip)เพื่อทำการเสริมเหล็กรับโมเมนต์ดัด
การเสริมเหล็กรับโมเมนต์ดัด โปรแกรมจะทำการแสดงปริมาณและระยะเรียงของเหล็กRB6,
RB9,RB12, RB15, RB19, RB25, DB10, DB12, DB16, DB20, DB25 ,DB28, DB32 เช่น DB12@0.20
แสดงว่าถ้าเลือกใช้เหล็กข้ออ้อยขนาด 12 มิลลิเมตร จะต้องใช้ระยะเรียง 20 เซนติเมตร
แล้วแต่ผู้ใช้จะเลือกใช้ตามความสะดวกเหมาะสม กับชนิดและจำนวนของเหล็กที่มีอยู่และสอดคล้องกับโครงสร้างใกล้เคียง
ค่าแรงเฉือนที่เกิดขึ้นบริเวณหัวเสา จะประกอบด้วยพฤติกรรมสองประเภทคือ ค่าแรงเฉือนโดยตรง
(Direct shear) และค่าแรงเฉือนจากโมเมนต์ (Shear caused by moment transfer) โปรแกรมจะพิจารณาหน่วยแรงเฉือนจากทั้งสองกรณีรวมกันที่ทุกเสา
ในกรณีที่หน่วยแรงเฉือนรวม(vu)มากกว่ากำลังต้านทานของคอนกรีต(ovc) โปรแกรมจะทำการคำนวณปริมาณเหล็กเสริมรับแรงเฉือนและระยะเรียงเพื่อเพิ่มความต้านทานแรงเฉือนของโครงสร้างให้เพียงพอ
โปรแกรมจะทำการใช้เหล็ก RB6 ,RB9 ,DB10 ,RB12 ,DB12 แล้วแต่ผู้ใช้จะเลือกใช้ตามความเหมาะสม
กับชนิดและจำนวนของเหล็กที่มีอยู่และสอดคล้องกับโครงสร้างใกล้เคียง
หน้าแรก |ทฤษฎีและหลักการ|ตัวอย่างการใช้งาน | เข้าสู่ตัวโปรแกรม