คนเล่าเรื่อง    :  ชบาแก้ว

คนเติมสี       :  ปะการังสีม่วง

คนเก็บภาพ    : น้ำนิ่งไหลลึก & ชบาแก้ว

 

เด่นทัวร์ ตอน..ขุนศึกตระกูลหยางตลุยพะโต๊ะ IV

 
 

วันอังคารที่ 11 กรกฎาคม 2549

 

เมื่อคืนได้ดู อุ้มรัก แล้ว ก็นอนหลับฝันดีกันทุกคน .. มีเสียงฝนตกอย่างหนักมากกล่อมเป็นระยะๆ .. ทำให้พวกเรานึกดีใจอยู่ลึกๆว่า...คิดถูกแล้วที่ไม่ไปนอนริมน้ำตกกัน
Text Box:  เพราะไม่งั้นคงมีสภาพไม่ต่างอะไรไปจากวันแรกที่เรามอมแมมกันหมด....เอะเอ๋....อีกกลุ่มจะเป็นยังงัยบ้างเนี่ย! ฮิฮิ......
พอเริ่มมีแสงแดดอ่อนๆออกมาเท่านั้นแหละ..นกน้อยทั้งหลาย..ก็เริ่มเริงร่าท้าลมร้อนออกมาหาอาหาร..เย้ยพวกเราที่หิวโหยกันแต่เช้าทีเดียวเชียวหละ....
แล้วเกสรของต้นมะพร้าวข้างบ้านก็เป็นอีกเป้าหมายที่นกเหล่านี้บินตรงดิ่งเข้ามา.........เพื่อจะมาดูดดื่มกับความหอมหวานที่ตนคุ้นเคยซะงั้น.....

 

 

...เหล่าขุนศึกทั้งหลาย..ทยอยตื่น.....เนื่องจากกลิ่นอาหาร และเสียงเจ้าของบ้านที่ตื่นตั้งแต่เช้า..เริ่มทำกิจกรรมของเค้า.....
พี่ฝน...ภรรยาผู้แสนดีของพี่ดำ..ตื่นขึ้นมาหุงหาอาหารแต่เช้าป็นประจำอย่างนี้ทุกวัน..ตั้งแต่วันแรกที่เรามาพัก (แม่บ้านมือขยัน...)
ส่วนน้องอัค..ก็ตั้งอกตั้งใจกินข้าวเช้าตามคำสั่งของคุณแม่ .. เนื่องจากน้องอัคมีเป้าหมายอยู่ว่า..กินเสร็จแล้วจะได้เล่นกับพี่ๆ (ป้าๆๆ)
เนื่องจากเมื่อคืนไม่ได้เล่นตี่จับอย่างที่ตั้งใจไว้ (เอ้าาาา...ป้าๆร่วมกันรับผิดชอบกันหน่อย..
สัญญาต้องเป็นสัญญานะ)...
ระหว่างนั้น..พี่ดำก็คอยดูน้องอัคอยู่ไม่ห่าง .. ช่างเป็นภาพที่น่าประทับใจจริงๆ....

 

Text Box:  เหล่าขุนศึกที่อาบน้ำเสร็จแล้ว..ก้อมานั่งรอ รีเควท ที่ร้องขอ..ก่อนกลับออกจากป่า..เมื่อเย็นวานนี้ ..
และแล้ว..พวกเราก็ได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซด์ขับเข้ามา...
พี่จอมกับพี่อ๊อด พร้อมกระบอกไม้ไผ่..มาตาม สัญญา..

สัญญาอะไรน่ะเหรอ?? .. เฮอะ!!! .. ก้อยัยป้าๆๆทั้งหลาย..ไม่ยอมนอนในป่า แต่อยากกิน ข้าวและไข่ตุ๋นที่ทำในกระบอกไม้ไผ่ นะดิ .. ดูเอาเถอะ ..
โถ..ไกด์ผู้แสนดี..ต้องตื่นแต่หัวมืด..ออกจากป่า และแบกกระบอกไม้ไผ่มาหุงข้าวและตุ๋นไข่ในกระบอกไม้ไผ่ให้พวกเรากินเป็นอาหารเช้า...นับถือๆๆๆๆ..

บรรดาขุนศึกที่อยากสัมผัสบรรยากาศป่าๆๆ แต่ไม่ยอมนอนในป่า ก็พากันกรูเข้าไปดูกรรมวิธีการหุงข้าวและตุ๋นไข่ในกระบอกไม้ไผ่..ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนทันที...
พี่จอมกับพี่อ๊อด..เริ่มกระบวนการด้วย การก่อกองไฟ (ในสวนบ้านพี่ดำนั่นแหละ) .. เตรียมไม้ไผ่ทั้งสองปล้อง (เฉาะทำฝาเปิดปิด) .. ซาวข้าว / ตีไข่ ..
  แต่..ชีวิตย่อมมีอุปสรรค ..ฝนตกลงหนักๆเบาๆ เป็นระยะๆ .. กองไฟก็มีมอดบ้างเป็นช่วงๆเช่นกัน...ต้องวิ่งหาสังกะสีมากันฝน ..
..แอบนึกอยู่เหมือนกันว่าจะได้กินกี่โมงเนี่ย....เพราะหิวจนกินหนมผิงไปจะหมดถุงอยู่แล้ว...เอ....เหรอจะเป็นกลยุทธ์ให้เราหิวๆจะได้บอกว่ามันอร่อยงัย....
Text Box:  (แหะแหะ...ความคิดชั่วร้ายก็เริ่มพรั่งพรูออกมาตอนหิวนี่แหละน้า!...) ...พอเราหันกลับมาอีกที...เราก็มั่นใจแล้วว่าวันนี้ได้กินแน่ๆ..

                       เพราะพี่เชอร์รี่..ยืนกำกับซะขนาดนั้น...พี่แกทุ่มทุนสร้างสุดฤทธิ์..แม้ฝนตกยังไง..เธอยังไม่หวั่นเล้ย..อิอิ
นอกจากนั้น..ตลอดกระบวนการ..พี่นิ่งก็ได้รับมอบหมายให้ถ่ายวีดิโอทุกขั้นตอนอย่างละเอียด.....จนพ่อครัวของเราเขินแล้วเขินอีก.....แหมมมม....คุณพี่ฝึกไว้นิดนึง.......

 

หลังจากเวลาผ่านไปร่วมชั่วโมง..ขนมผิงหมดไปหนึ่งถุง .. ประมาณเก้าโมงกว่าๆ .. ทั้งข้าว ทั้งไข่ตุ๋น..ก็พร้อมเสริฟแล้วววว.....ว้าว!....น่าตาดูดีมาก...(ไข่จ้า..ไม่ใช่คน....)
ข้าวก็ห้อมหอม.....ไข่ก็ดูฟูหอม น่ากิ้นน่ากิน....แต่..เอ..งัยแป๊บเดียว..ไข่หดซะนี่....แหมมมม....(คิดไปได้)...
ไม่รู้ว่าเพราะความหิวหรือเหตุใดก็ไม่รู้.....พวกเราไม่พูดไม่จา..ก้มหน้าก้มตากิน..เหมือนคนไม่รู้จักกันมาก่อนเลย..
(น่ากลัวมากๆ..สาวๆพวกนี้)...นอกจากจะไม่รู้จักเหนื่อยแล้ว ..ยังไม่รู้จักอิ่มอีกด้วย....หึหึ.......

 

พออิ่มหนำสำราญใจกันแล้ว..พี่ไกด์ที่น่ารักทั้งสอง..ก็พาเราไปเดินย่อยลดพุง..ไปชม หินเรือ..ลำธารที่มีลักษณะคล้ายท้องเรืออันเป็นที่มาของชื่อหมู่บ้าน
ระหว่างทาง เราก็เห็น
หอยทาก และ เห็ดรูปลักษณ์แปลกตา .. เลยหยุดถ่ายภาพเก็บไว้ก่อน..เพื่อนำมาถามผู้รู้ว่าเป็นเห็ดอะไร 
จากการสอบถามผู้รู้..เค้าบอกว่าชื่อ
เห็ดร่างแห มีหลายชนิด..เห็ดร่างแหแดงหรือส้ม ..
ใช้เป็นยารักษาโรคเกาท์ รูมาตอยด์ หรือโรคลมชักก็ได้จ้า..

พอเดินมาอีกหน่อยพี่อิ๋วและเหล่าสมุนตัวน้อยก็รออยู่..เราก็เลยเก็บภาพซะเลย..
แต่โปรดสังเกตหน้าน้องรามให้ดีว่ายังระแวงพี่ๆอยู่เลยนะเนี่ย
(แกคงจะสงสัยอยู่หละมั้งว่า...เจ๊ๆพวกนี้จะเอางัยเนี่ย...)

 

 

 

ระหว่างที่ลุยน้ำกันจนเปียกปอนอยู่นั้น

ขอถ่ายหน่อยเถอะซักรูป....ให้เห็นโค้งน้ำด้วยนะ....

เป็น order ที่ได้รับ....

คร้าบบบบบ.......น้องจัดให้....

 

 

 

 

 

 

ถึงแล้ววว.......ถ่ายรูปกันนิดนึงที่ปากทางเข้า
ซึ่งเป็นคลองจริงๆ..แต่พื้นข้างล่างเป็นหิน
ดังนั้นจึงต้องเดินระวังๆ เพื่อความปลอดภัย....

แอ็คกันสุดฤทธิ์สุดเดช....

 

 

 

 

พอเดินไปอีกหน่อย..
สายตาเราก็เหลือบไปเห็นรูที่เป็นทางน้ำเล็กๆข้างทาง....นั่นแน่....เสร็จเรา.....มุดกันเล้ยยยยย........
(ความพยายามเป็นเลิศ...ว่ามั้ยพี่วะ)

 

รูที่เห็นเล็กๆนั่นแหละที่เรามุดเข้าไปกันอย่างไม่หวาดหวั่น.....ไหนๆก็ไหนๆแล้วจะถ่ายรูปวิวอย่างเดียวก็ไม่ควรใช่มั้ย...
เอ้า...คนก็เข้าไปเป็นแบบซะหน่อยซิ....โอเช
!...ว่าแล้วก็ถ่าย (รูป)กันซะ....

 

พอเดิมมาเรื่อยๆ (ไม่นานอย่างที่คิดไว้) ก็มาถึงทางออกซะแล้ว...(งงงงงงง....เพราะไวมาก)...เราเลยรวบรวมเหล่าขุนสึกและสมุนตัวน้อยของเรามาถ่ายภาพกัน...
สังเกตดูนะว่าน้องรามกับน้องอัคเริ่มมีท่าทางประกอบ...(คงพิจารณาแล้วว่าป้าๆพวกนี้ไม่เป็นพิษเป็นภัยเป็นแน่)....โถ
! หารู้ไม่เราหนะรักเด็กจ้า......

 

พอมาถึงศาลาประจำหมู่บ้าน..ทุกคนก็พบว่า....วันนี้แหละของจริง..เพราะทากติดมากับเหล่าขุนศึกมากบ้างน้อยบ้างตามแต่ศรัทธาของพวกมัน...
Text Box:  ผุ้ครองแชมป์ได้แก่...พี่นิ่ง รับไป 4 ตัวเต็มๆ .. ส่วน พี่เชอร์รี่ รับไป 1 แต้ม..แต่ดูจากร่องรอย..ทากยังไม่เริ่มทำงานเจ๊แกก็ผลักไสไล่ส่งมันไปก่อน...
ส่วนน้องอัคโดนเต็มๆ..ที่พุงน้อยๆ..เลือดไหลไม่หยุดเชียว...พี่อิ๋วช่วยทำแผลให้สมุนน้อยอย่างรวดเร็ว.....นอกนั้นก็ปลอดภัยดีนะเจ้าคะ....
เป็นที่น่าสังเกตจริงๆนะ ...
“control ของเรา (พี่เด่น) ก็ยังเป็นผู้ที่ทากรังเกียจอยู่ดี...อืมมม..แม้แต่ ทาก ยัง ม๊ะสน เลยน่ะเนี่ย .. ....(เหอะ เหอะ ..)

 

เดินยังไม่ทันย่อยเลยพาเรามากินอีกแล้ว!....โอ๊ะโอววว....นี่เป็นอาหารมื้อสุดท้ายของที่นี่ที่เราจะได้กินแล้วนะ..แต่มื้อนี้ไม่ยักกะมีไข่แฮะ...
(ตั้งแต่พวกเราไปพักอาศัยอยู่..ไข่หมดหมู่บ้านเลยแหละ..ก็เล่นกินไข่เจียวเป็นอาหารหลัก..ทุกมื้อ..จนพี่ดำคงแปลกใจว่ากินไปได้งัย..ทุกวี่ทุกวัน)

มื้อนี้เรานั่งโต๊ะใหญ่กินกันเลย...แต่เรากลับรู้สึกว่าโต๊ะมันใหญ่ไปนิด..(เอ..หรือว่าเราแขนสั้นหว่า...)..เอ้า..อาหารพร้อม...เราพร้อม..เริ่ม!...ดูพี่วะสิกินน่าอร่อยมากเลย

 

 

 

ก่อนจากกันเราก็ขอถ่ายภาพหมู...เอ้ย!...หมู่กับทุกคนก่อน

....ดูดีๆนะคะพี่นิตย์ พี่จอมและพี่อ็อด

มีนางสนมขนาบข้างอยู่สองคนเลย....ฮิฮิ...

 

ก่อนกลับเราก็ต้องลงนามในสมุดเยี่ยม..แต่พวกเราธรรมดาซะที่ไหน..เห็นของคนอื่นเขียนเป็นกลอน..
แหมม...มีรึที่จะยอมให้น้อยหน้า....แต่งกันขึ้นตอนนั้นเลย..เป็นกลอนแนวซึ้งปนตลก..แต่ออกแนวตลกเยอะหน่อยนะเนี่ย....
พี่มานิตย์พี่โสมพี่คนอื่นๆก็มาไล่..เฮ้ย
!...มาส่งเรากันพร้อมหน้า...เราก็เลยส่งตัวแทนคือ พี่อิ๋ว ขึ้นกล่าวขอบคุณทุกๆคน (เหมือนมืออาชีพเลย...)...
แต่โปรดสังเกตทุกคนขำกันซะ...(ปกติคนเราจากกันต้องร้องไห้แต่...ขอโทษงานนี้มีแต่น้ำตาแห่งความสุขจ้า..)...ดูซิพี่นิ่งกับพี่เชอร์หัวเราะซะงั้น.....เก็บกิริยากันนิดนึงเพ่.....

 

.. พี่นรินทร์ ภรรยาและน้องราม..ขับรถมาส่งเราที่สถานีหลังสวน....ฝนดูเหมือนอยากจะมาส่งพวกเราด้วย..ตกกระหน่ำแบบไม่ต้องลืมหูลืมตากันเล้ย ..เฮ้อ เปียกซะ ..

พอมาถึงสถานี..เราสังเกตแล้วว่า..ทุกคนยังมีพลังงานเหลือเฟืออยู่..เนื่องจากวันนี้กิจกรรมไม่เยอะมาก....ดังนั้น...เป็นลางสังหรณ์ว่าขบวนรถไฟคืนนี้...อลม่านแน่ๆ....
และแล้วพอขึ้นรถไฟ..พวกเราก็เริ่มใช้พลังงานที่เหลือยู่ทันทีอย่างไม่รีรอ...โดยการนับเลข...รำพัด...ไม่ว่าจะเรียกว่าอะไรก็ตามมันก็คือเกมอย่างนึงนั่นเอง...
งานนี้มีผู้ภูมิใจในกลโกงของตนอยู่คนนึง (ด้วยจรรยาบรรณจึงไม่สามารถเอ่ยนามของเจ้าหล่อนได้)...เธอภาคภูมิใจกับการที่ได้เห็นไพ่ในมือของคนอื่นเป็นที่สุดดดด......
(น่าเสียดาย..ที่ไม่ได้เก็บภาพไว้...แต่คิดไปคิดมา..ก็ดีแล้วแหละภาพอย่างนี้ไม่ควรเก็บเท่าไหร่หนรอก...จริงมั้ยคะ)  พอประมาณห้าทุ่มพวกเราก็แยกย้ายกันพักผ่อน....

ตื่นๆถึงศาลายาแล้ววววว ....เท่านั้นแหละกุลีกุจอกันใหญ่....พอตื่นมา...เราก็เริ่มเจรจากันอีกรอบ....จนแยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน.....

ทริบนี้..ขอขอบคุณ..คุณพี่เชอร์รี่  พี่เด่น ที่อำนวยความสะดวกเรื่องข้อมูลและการเดินทางต่างๆ....
ขอบคุณเหล่าขุนศึกทั้งเจ็ดที่ทำให้บรรยากาศการท่องเที่ยวมีสีสันมากยิ่งขึ้น....
ที่ขาดไม่ได้..ขอขอบคุณชาวบ้านบ้านคลองเรือ ตำบลปากทรง อำเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร เป็นอย่างยิ่ง..
..ที่อำนวยความสะดวก และทำให้การท่องเที่ยวครั้งนี้ .. ไม่เหมือนกับ..ทุกๆครั้งที่เคยไปมา..

 

 

ข้อมูลหมู่บ้านคลองเรือ..คลิกตรงนี้เลยจ๊ะ

กลับไปอ่านตอนที่แล้ว..คลิกตรงนี้เลยจ๊ะ

กลับไปหน้าแรก . .คลิกตรงนี้เลยจ๊ะ