It wasn't what the people said, it was how they said it. สัมภาษณ์ สัมภาษณ์ คนที่คิดว่าน่าสนใจ คิดอย่างไรทำอะไรกันบ้างนะ
Copyright @2003 identclub.com, All rights reserved
หน้า
บทสัมภาษณ์พี่นุ่น ชนรดา ไพรศานติ

สวัสดีครับพี่น้องและเพื่อนๆชาว dent ทุกคน น่ะครับวันนี้กระผมนาย กระจกเงาก็ได้มีโอกาสกลับมาบอกเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจอีกครั้ง นี่ก็เป็นครั้งที่ 2 แล้วน่ะครับดีใจจังที่มีวันนี้และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาวันนี้บุคคลที่ผมจะมาสะท้อนในอีกมุมมองที่น่าสนใจนอกจากการเป็นหมอฟันก็คือ สาวน่าใสหัวใจเบเกอรี่ ”พี่นุ่น” ชนรดา ไพรศานติ ครับ

กระจกเงา : สวัสดีครับพี่นุ่น

พี่นุ่น : สวัสดีจ้ะ

กระจกเงา : เป็นมายังไงครับเนี่ยถึงได้มาชอบทำขนมได้

พี่นุ่น : พี่อยากทำมาตั้งแต่เด็กแล้วน่ะ แล้วอยู่มาช่วงนึงความอยากมันคงถึงขีดสุดมั้ง

(โอ้โห !! ขนาดนั้น*__*) พี่นั่งรถผ่านโรงเรียนของอาจารย์ยิ่งศักดิ์ก็เลยเข้าไปขอ รายละเอียดมาดูแล้วก็ชวนเพื่อนไปเรียนกัน

กระจกเงา : แล้วพี่ไปเรียนช่วงไหนครับแบบว่าคณะเราเวลาช่างน้อยนิดขนาดนี้แถมนิสิตยัง แข็งแรงผิดปกติอีกเพราะตั้งแต่เรียนมายังแทบไม่เห็นเพื่อนลาป่วยเลย ^__^

พี่นุ่น : ตอนปี 3 ขึ้นปี 4 ตอนที่เรียนสนุกมากตอนนี้ยังรู้สึกอยู่เลยถ้ามีเวลาไม่รู้ว่าจะทำอะไร ก็จะทำขนม ชอบที่สุดเลย

กระจกเงา : พี่ชอบทำขนมอะไรมากที่สุดครับ

พี่นุ่น : พี่ชอบเกือบทุกอย่างน่ะแต่ว่าเบเกอรี่พี่ชอบดูเวลาเค้าทำค่อยๆตกแต่งสวยดีอย่างที่ เค้าแข่งใน TV Champion พี่ชอบดูมากเลย ถ้าสักวันนึงพี่ทำได้อย่างคนที่แข่งใน TV Champion ก็คงพอใจแล้วและพี่ชอบทำคุกกี้มากที่สุดเลยเพราะมันเป็นชิ้นเล็กๆไม่ ยุ่งยากกินก็ง่ายเอาไปแจกใครก็สะดวก

กระจกเงา : แล้วถ้าเลือกได้พี่อยากให้ใครเป็นเหยื่อ เอ้ย! ไม่ช่าย....ย หมายถึงว่าอยากทำให้ใคร ทานมากที่สุดครับ

พี่นุ่น : พี่ชอบแจกเพื่อนๆ มันจะมีความสุขมากเลยน่ะเวลาที่คนกินบอกว่าอร่อย

กระจกเงา : พี่เอาไปฝากอาจารย์เหรอครับอาจารย์ถึงได้รู้ว่าพี่ชอบทำขนม

พี่นุ่น : อาจารย์รู้มาจากเพื่อนพี่ก็เลยบอกให้พี่ช่วยทำเค้กมาเลี้ยงปี 4 ทั้งชั้นปีตอนแรกก็นึก ในใจตายหล่ะก็อาจารย์บอกวันศุกร์แล้วให้เอามาวันจันทร์แล้วบังเอิญวันเสาร์มีงาน freshy night พวกพี่ก็ต้องซ้อมเต้นก็เลยต้องชวนเพื่อนอีก 2 คนมาช่วยกันทำโดยแบ่งน้องคนล่ะ ประมาณ 30 ประมาณเนี๊ย


กระจกเงา : ทำยังกันพี่เป็น S&Pเลยเนาะแต่พูดแล้วก็อยากอยู่ปี 4 จังอดกินเลย T__T ฮือๆสุดท้ายนี้พี่อยาก ฝากบอกอะไรน้องๆที่มีความฝันแต่ว่ายังไม่ได้ทำบ้างครับ

พี่นุ่น : พี่เชื่อว่าอะไรก็ตามที่เราคิดว่าเราอยากทำเราจะมีเวลาให้มันเสมอ แต่ถ้าเราไม่อยากทำเราก็จะ มีข้ออ้างเช่น ต้องสอบ ต้องเรียน ไม่ว่างเป็นอย่างนี้ตลอด แต่พี่คิดว่าถ้าสมมุติเราใช้เวลาใน การเรียนทั้งหมด 10 ส่วน ถ้าเราแบ่งไปทำสิ่งที่ชอบสัก 3 ส่วนแล้วเรามีความสุข เมื่อใจเรามี ความสุข แล้วพี่เชื่อว่าเราสามารถทำ 7 ส่วนในเรื่องของการเรียนได้ให้ได้ผลเท่ากับหรืออาจจะ ดีกว่าที่เราใช้เวลา 10 ส่วนไปกับการเรียนโดยที่ไม่มีช่วงเวลาที่ได้ทำสิ่งที่เราชอบเลยก็ได้เพราะ คนเราไม่ได้มีเรื่องเดียวในชีวิตถ้าเราให้โอกาสตัวเองเราก็จะได้ทำในสิ่งที่เราต้องการ

อาจจะเป็นคำทิ้งท้ายที่ยาวไปสักหน่อยแต่บอกตรงๆเลยว่าย่อไม่ลงจริงๆเพราะว่าอยากจะให้ทุกคนได้รู้เหมือนที่ผมได้รู้เพราะผมรู้สึกว่าไม่มีประโยคไหนเลยที่ไม่สำคัญ เป็นไงบ้างครับสำหรับข้อคิดที่พี่นุ่นได้ทิ้งท้ายไว้ให้หวังว่าคงโดนใจใครหลายคนบ้างน่ะครับ ตอนสุดท้ายผมได้ลองถามแล้วพี่นุ่นได้บอกว่าระหว่างหน้าตากับรสชาติของขนม(ไม่ใช่หน้าตากับนิสัยน่ะอันนั้นคงเป็นอย่างอื่นละมั้ง)พี่นุ่นให้ความสำคัญกับรสชาติมากกว่า แล้วคุณล่ะครับระหว่างลักษณะภายนอกกับสิ่งที่คุณชอบแต่ว่าอยู่ข้างในเหมือนรสชาติที่ซ่อนอยู่ในขนมอะไรที่สำคัญกว่าแล้วพบกันใหม่ครับ

^__^กระจกเงา