ประตูสุขาวดี
ที่ด้านหน้าประตูสุขาวดีจะมีท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ประดิษฐานอยู่ด้านหน้า เพื่อให้ผู้ที่มาเที่ยวชมที่ดวงไม่ดี มีเคราะห์ถูกลมเพลมพัด อธิษฐานขอบารมีท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่แผ่บารมีสลายสิ่งอัปมงคลทั้งหลายในตัวเราให้หมดสิ้นไป เมื่อก้าวผ่านประตูสุขาวดีเข้ามาแล้วท่านจะได้กราบสักการบูชาขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกมากมายภายในแดนสุขาวดี
แปดเซียนผู้ยิ่งใหญ่
พระยูไล หรือพระอมิตาภพุทธเจ้า
พระอมิตภพุทธเจ้า พุทธะ หมายถึง ผู้รู้ ผู้ตื่น อมิตภพุทธเจ้า หมายถึง แสงว่างไม่มีที่สิ้นสุด อมิตภพุทธเจ้า จึงหมายถึง พระผู้มีภูมิรู้ภูมิธรรม กว้างไกลหาที่สุดมิได้ ในพระพุทธศาสนามหายานกล่าวถึงพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ อันได้แก่ พระรัตนสัมภวะ พระอักโษภยะ พระไวโรจนะ พระอมิตภะ และพระอโฆสิทธิ อดีตพระพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ทรงมีคุณานุภาพเท่ากัน พระสมณโคดมทรงเป็นผู้รู้แจ้ง เป็นที่พึ่งของโลกช่วยสัตว์โลกให้พ้นทุกข์ เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ทรงตรัสรู้นั้น เนื้อหาแห่งพุทธะเหมือนกันทั้งหมด
พระเมตไตรยโพธิสัตว์
พระโพธิสัตว์องค์นี้มีรูปประดิษฐานอยู่บนแท่นบูชาตามอารามทั่วไป เป็นรูปพระสงฆ์จีน ครองจีวรแบบจีน ปล่อยส่วนท้องให้เห็นท้องพลุ้ยใหญ่ รูปร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์ ใบหน้าหัวเราะร่าเริงมาก และมีถุงย่ามขนาดใหญ่อยู่ที่มือชวามือของท่าน ข้างซ้ายถือลูกประคำ ในที่บางแห่งจะเห็นมีรูปเด็กปืนป่ายขึ้นไปบนร่างท่านซึ่งเป็นเครื่องแสดงว่า ท่านเป็นพระที่ใจดีมาก ไม่มีวิตกกังวลและห่วงใย ไม่ยึดมั่นถือมั่นอะไร เป็นที่เคารพรักของพวกเด็กๆ มาก รูปพระโพธิสัตว์องค์นี้ ในตำนานพุทธศาสนามหายานถือว่าเป็นรูปปั้นของพระ หลวงพ่อถุงย่ามใหญ่ เป็นพระภิกษุในยุค 5 รัชกาล เป็นชาวเมืองฮ่องฮัว มณฑลเม่งจิว ท่านบอกฉายาว่า เข่ยขี้อ หรือ เชียงเทงจี้อ โดยปกติท่านมีลักษณะอาการแสดงความเบิกบานเป็นสุขตลอดเวลา ไปไหนมาไหนจะมีย่ามใบใหญ่ติดตัวไปด้วย จึงได้รับฉายาว่า หลวงพ่อถุงย่ามใหญ่ ท่านพูดอะไรมักจะเป็นอรรถ มีความหมายในทางนิกายเซ็น (ธยาน) ในปีที่ 3 แห่งรัชกาลเจงเม้ง (พ.ศ. 1460) ท่านได้นั่งเข้าสมาธิถึงแก่มรณภาพไปที่แท่นหินวัดงักลิ้ม ก่อนดับได้เขียนคาถาไว้บทหนึ่งว่า พระเมตไตรย คือ พระเมตไตรยแบ่งกายเป็นพันหมื่นโกฏิ ให้คนได้เห็นทุกเวลาแต่คนก็ไม่รู้จัก ฉะนั้น บรรดาพุทธสาวก จึงต่างสันนิษฐานว่าหลวงพ่อถุงย่ามใหญ่คือพระเมตไตรยมาโปรดแล้วเลยออกฉายาท่านว่า พระเมตไตรยโพธิสัตว์
ลานบูชาฟ้าดิน
ทีตี่แปะบ้อ หรือ ที่กง ชาวจีนตั้งแต่ยุคโบราณมีความเชื่อเรื่อจิตวิญญาณ มีการบวงสรวงดวงวิญญาณของบรรพบุรุษ ฮ่องเต้หรือพระจักรพรรดิจีนได้สร้างเสาฟ้าดินขึ้น เพื่อเป็นสถานที่บูชาเทพยดา และเสด็จไปทำพิธีบวงสรวงเป็นประจำทุกปี เพื่ออธิษฐานให้พืชพันธ์ธัญญาหารของแผ่นดินอุดมสมบูรณ์ และให้อาณาประชาราษฎร์ร่มเย็นเป็นสุข ณ เสาฟ้าดินแห่งนี้ได้ประกอบพิธีเพื่อความศักดิ์สิทธิ์แก่ผู้มีศรัทธา ท่านสามารถอธิษฐานให้มีสุขภาพพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์ ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ให้อยู่เย็นเป็นสุข และประสบโชคลาภ
วิหารพระโพธิสัตว์อวโลกกิเตศวร ปางพันเนตรพันกร
เป็นที่ประดิษฐานพระมหาโพธฺสัตว์อวโลกิเตศวรปางพันเนตรพันกร ที่แกะสลักจากไม้การบูรหอมจากประเทศจีนซึ่งสูงใหญ่ที่สุดในโลกและนับเป็นองค์ต้นแบบองค์แรกของประเทศไทย เป็นปางที่แสดงถึงความเอื้ออาทรที่จะโปรดสัตว์โลกผู้อยู่ในห้วงทุกข์ให้พ้นจากความทุกข์ ด้วยพระมหาเมตตาบารมีอันหาขอบเขตมิได้ ผู้ที่กราบไหว้ขอพรด้วยจิตศรัทธาก็จะได้รับการประทานพรและช่วยเหลือจาก เจ้าแม่กวนอิมอย่างแน่นอน เจ้าแม่กวนอิม ประสูติ เมื่อวันที่ ๑๙ เดือน ๒ (นับแบบจีน) สำเร็จโพธิจิตบารมี เมื่อวันที่ ๑๙ เดือน ๖ (นับแบบจีน) ทิ้งขันธ์ เมื่อวันที่ ๑๙ เดือน ๙ (นับแบบจีน) รวมสิริพระชนมายุ ๓๔ ปี ๖ เดือน เจ้าแม่กวนอิมท่านได้ตั้งปณิธานไว่ว่า ตราบใดสัตวโลกยังไม่พ้นทุกข์ ตราบนั้นพระองค์จะไม่ยอมเข้าแดนนิพพาน พระคาถาบูชาพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร(เจ้าแม่กวนอิม)ฉบับดั้งเดิมใช้บูชาได้ทุกปาง นะโมตัสสะมัย อะภัยมัททะ อะวะโลกิเตศะวะราย โพธิสัตตะวาย มหาสัตตะวาย นะมะพะทะ ผู้ที่ท่องบ่นคาถานี้เป็นประจำเช้า-เย็น จะปลอดภัยจากอันตรายต่างมากมายสุดที่จะพรรณนา
พระเวทโพธิสัตว์ (อุ่ยท้อผ่อสัก)
ชาวจีนเรียกว่า อุ่ยท้อพู่สัก แผลงมาจากคำว่า เวทโพธิสัตว์ในภาษาสันสกฤต แปลความหมายตามภาษาจีนว่า ผู้มีอานุภาพสนองอุปการะ เป็นมหาเทพโพธิสัตว์องค์หนึ่ง มีหน้าที่รักษาพระศาสนาตามประวัติกล่าวว่า ในสมัยพระกัสสปพุทธเจ้าเป็นต้นมา ท่านได้บำเพ็ญพรตพรหมจรรย์ ทรงเคารพนอบน้อมต่อพระธรรมวินัย พร้อมที่จะปกปักรักษาพระธรรมวินัย และมีเมตตาการุญต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย ตามประวัติในหนังสือจีนกล่าวว่า ท่านปรากฏกายในสมัยราชวงศ์ถัง ที่ภูเขานานซาน ต่อหน้าพระคณาจารย์เต้าชวงฮวบขือ ผู้ปฏิบัติประพฤติเคร่งครัดต่อพระธรรมวินัยยิ่ง มหาเทพองค์นี้มีหน้าที่คุ้มครองปกปักรักษาวัดวาอาราม ตลอดถึงพุทธบริษัททั้งหลาย รูปลักษณะของพระอุ่ยท้อ หรือ พระเวทโพธิสัตว์ ปกติแต่งกายสวมเกราะทองและมงกุฎ หัตถ์หนึ่งประคองวัชรคทาวิเศษ อักหัตถ์หนึ่งอยู่ในท่าประนมอยู่ในลักษณะท่าทางสง่าผ่าเผยสำรวมน่าเลื่อมใสวัชรคทาวุธนี้ ใช้ปราบปรามพวกปีศาจมารร้ายที่มารังควานพระพุทธศาสนาโดยปกติรูปพระเวทโพธิสัตว์จะอยู่หลังพระเมตไตรยโพธิสัตว์ หันพักตร์สู่วิหารหรือพระอุโบสถเป็นสัญลักษณ์ เชื่อกันว่าผู้บูชาจะพ้นภัยพิบัติ มีสุขสมบูรณ์ และมั่งคั่งตามปรารถนาทุกประการ หลวงพ่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี เทศน์ว่าฮุ่ฮวบซิ้ง หรือพระเวทโพธิสีตว์ที่กล่าวถึงนี้ คือท้าวมหาพรหมชินะปัญจะระ ซึ่งเป็นศิษย์ของพระโมคคัลลานะ ในสมัยพุทธกาล ชาติหนึ่งในการบำเพ็ญเคยเกิดเป็นพระเวทโพธิสัตว์
พระโพธิสัตว์กวนอิมปางยืนบนดอกบัว
พระโพธิสัตว์กวนอิมปางยืนบนปลามังกร
พระโพธิสัตว์กวนอิมปางยืนบนเต่า
พระโพธิสัตว์กวนอิมปางยืนบนมังกร