แดนพราหมณ์-ฮินดู |
เป็นการจำลองเขาไกรลาสซึ่งเป็นที่ประทับของมหาเทพ-มหาเทวี ที่ศาสนิกชนในศาสนาพราหมณ์-ฮินดูให้ความเคารพและกราบไหว้บูชาขอพร ซึ่งมีลักษณะประเภทพหุเทวนิยม อันประกอบด้วย พระศิวะมหาเทพ พระพรหม พระพิฆเนศวร พระกฤษณะมหาเทพ พระวิษณุกรรมมหาเทพ พระนารายณ์มหาเทพ พระศรีมหาอุมาเทวี พระสุรัสวดีเทวี พระลักษมีเทวี ซึ่งมหาเทพ-มหาเทวีแต่ละพระองค์ก็จะมีคนหลากหลายสาขาอาชีพที่สักการบูชาบูชาขอพร เพื่อให้บังเกิดความเจริญรุ่งเรืองและความสำเร็จในอาชีพที่ทำอยู่ เช่น พระพิฆเนศ พระวิษณุกรรม พระพรหม พระศรีมหาอุมาเทวี พระลักษมีเทวี ตามความเชื่อและศรัทธาของแต่ละบุคคล |
|
พระพรหม
ต้นกำเนิดพระพรหม มีหลายตำนาน
ตำนานแรกกล่าวว่า พระพรหมปรากฏออกมาจากไข่ทอง
ตำนานที่สองกล่าวว่า พระพรหมสร้างตนขึ้นมาเองจากนั้นจึงสร้างพระสุรัสวดีขึ้นมา
ตำนานที่สามเป็นตำนานที่ได้รับการอ้างอิงมากที่สุด กล่าวว่า พระพรหมเกิดขึ้นจากดอกบัว ดอกบัวนั้นผุดขึ้นมาจากพระนาภี ( สะดือ) ของพระนารายณ์ในขณะที่บรรทม หลับบนหลังพระอนันตนาคราช ณ เกษียรสมุทรจากนั้นจึงสร้างมนุษย์และ สรรพสัตว์ ทั้งสามโลก พระพรหม มีชายาชื่อ พระสุรัสวดี พระพรหมเป็นผู้สร้างสรรค์ มีน้ำพระทัย เปี่ยมด้วยความปราณี พระองค์เป็นเทพแห่งความร่มเย็น ปราศจากอคติ ไม่มีโลภ โกรธ หลง ทรงยึดมั่นในคุณธรรม มีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา มนุษย์ผู้ใดยึดมั่นในหลักธรรม สี่ประการนี้ ท่านว่าตายแล้วจะไปเกิดเป็นพรหม |
|
พระอิศวร หรือ พระศิวะ
พระอิศวรปรากฏอีกนามหนึ่งว่า จอมเจ้าเขาไกลาส หรือ พระตรีเนตร เพราะมีตาที่สามอยู่ที่หน้าผาก ประทับบนหนังสือ มีพญาอสรพิษพันรอบกาย พระอิศวรทรงมีตบะแรงกล้า ฤทธานุภาพมากมาย บนชฎาคือขมวดผมมีรูปพระจันทร์เสี้ยว มีวัวนันดีเป็นเทพพาหนะ สัญลักษณ์อันเป็นที่สักการะแทนพระองค์ คือ ศิวลึงค์ เป็นเครื่องหมายพลังแห่งการสร้างสรรค์พระอิศวรทรงเป็นพระสวามีของพระศรีมหาอุมาเทวี พลังเนตรที่สามมีฤทธิ์ในการทำลายล้าง โดยปกติพระองค์ทรงมีเมตตาชอบประทานพร ให้ผู้บูชาเสมอ |
|
พระนารายณ์
พระอิศวรประสงค์จะสร้างสวรรค์และแผ่นดินขึ้น จำต้องสร้างผู้ช่วยพระองค์ จึงเอาพระหัตถ์ซ้ายลูบพระหัตถ์ขวาก็บังเกิดองค์ พระนารายณ์ ขึ้น แล้วโปรดให้เป็น ผู้สอนศิลปศาสตร์แก่กษัตริย์ พระนารายณ์ทรงอาภรณ์อย่างกษัตริย์ เสื้อทรงสีแดง มีสี่กร ทรงตรี คทา จักร สังข์ ดอกบัว และพระขรรค์ บนอุระ ( อก ) มีขนเขียนเป็น รูปยันต์ ศรีวัตสะฯ มีมเหสีทรงพระนามว่า พระลักษมี มีอนันตนาคราชเป็นบังลังก์ที่สถิต เรียกว่าไวกูณฐ์ ณ เกษียรสมุทร |
|
พระสุรัสวดี
พระสุรัสวดี เป็นชายาของพระพรหม ถือกันว่าเป็นเจ้าแม่ผู้อุปถัมภ์การศึกษาทั้งด้าน อักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์ เป็นผู้ให้กำเนิดอักษรเทวนาครีและภาษาสันสกฤต มีพระสิริรูปโสภา มีกายขาวผ่อง มีอาภรณ์แก้วขาว ( เพชร ) รัดเกล้าน้อย ๆ อย่างงาม มี ๔ กร ทรงถือพิณ ดอกบัว ถ้วยน้ำ และคัมภีร์ มักประทับบนดอกบัวหรือนกยูง บางตำราบอกว่า ใช้หงส์เป็นพาหนะ ในมหาภารตะถือว่า เป็นผู้กำเนิดน้ำอันบริสุทธิ์สำหรับทำความชุ่มชื้น เพื่อความผาสุกหรือความสมบูรณ์ของพันธุ์รุกขชาติและสรรพสัตว์ |
|
พระศรีมหาอุมาเทวี
พระศรีมหาอุมาเทวี เป็นพระธิดาของท้าวหิมาลัย ไกรลาส เป็นพระชายาของพระอิศวร มีพระกายปรากฏเป็นสามรูป คือ
๑. ปารวดีเทวี ( บรรพตี ) มีความสุขุมและเมตตา
๒. ทุรคาเทวี ( เจ้าแม่ทุรคา ) มีความเกร่งกล้าในการรณรงค์สงครามและปราบเหล่าศัตรู ได้ทั่วทุกทิศ
๓. เจ้าแม่กาลี ผู้มีความเหี้ยม ดุร้ายเมื่อยามพิโรธพระศรีมหาอุมาเทวีทรงมีเมตตากรุณาต่อ มวลชนทั่วไป ประทานพระชัยมงคลเพื่อความอุดมสมบูรณ์พูนผล และทรงขจัดความชั่วร้าย |
|
พระลักษมี
พระลักษมี เป็นชายาของพระนารายณ์ เกิดจากฟองน้ำในคราวที่เทวดากับ อสูรกวนเกษียร ทำน้ำอมฤตจึงได้นามว่า ชลธิชา( เกิดแต่น้ำ )หรือ กษีราพธิตยา( ลูกสาวแห่งทะเลน้ำนม) นั่งหรือยืนในดอกบัว จึงมีอีกนามหนึ่งว่า ปัทมา หรือ กมลา ถือกันว่าเป็นเทพนารี ผู้อำนวยโชค มีน้ำพระทัยเมตตาปราณีอยู่เป็นนิจ เป็นผู้นำแห่งความเจริญ เป็นตัวอย่างของ ผู้หญิงงามตลอดทั้งรูปและกิริยามารยาท มีวาจาอันเป็นเสน่ห์และไพเราะ นำมาซึ่ง ความเจริญทุกประการ จึงเรียกว่า ภควคี นับว่าเป็นผู้อุปถัมภ์สตรีทุกชั้น มีกายสีทอง เสื้อทรงสีเหลือง |
|
พระอินทร์
พระอินทร์เป็นโอรสของพระกัศยปเทพบิดรและนางอทิติ ถือกันว่าเป็นมหาเทพหรือ ผู้เป็นใหญ่ในสวรรค์ ชาวจีนเรียกพระอินทร์ว่า เง็กเซียนฮ่องเต้ ขณะที่ชาวยุโรปเรียกว่า จูปีเตอร์ หรือ ซิวส์ หรือ ซีอุส พระอินทร์ผู้เป็นใหญ่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ทรงมีรูปร่างสวยงาม มีกายสีขาว มีวัชระไว้ปราบผีร้ายแห่งความแห้งแล้งของฤดูกาล ในชาดกของพระพุทธศาสนากล่าวว่า พระอินทร์ได้ดีดพิณสามสายถวายพระพุทธเจ้า ในปางบำเพ็ญทุกกิริยา และเมื่อคราวแบ่งพระบรมสารีริกธาตุ พระอินทร์ได้ขโมย พระทันตธาตุไปจาก มวยผมของโทณพราหมณ์ไปเก็บไว้ใน นิพพานเจดีย์บนสวรรค์ ชั้นดาวดึงส์ พระอินทร์มีน้ำพระทัยเมตตาแก่มนุษย์ที่ตกทุกข์ได้ยาก หรือพลัดพรากจากกัน ชอบช่วยเหลือผู้ประกอบแต่กรรมดี |
|
พระยายมราช
พระยม เทพแห่งความตาย มีชื่อเรียกหลายชื่อ เช่น พระยายมราช ยมบาล ท้าวมัจจุราช บางทีเรียกว่าพระกาฬ ชาวจีนเรียกว่า เงี่ยมล่ออ๋อง ชาวอาหรับเรียกว่า อิสราอิล พระยมมีรูปร่างใหญ่ หน้าตาดุ เป็นที่เกรงกลัวแก่ผู้พบเห็น มีรูปกายสีแดง มีสี่กร เครื่องฉลองพระองค์สีแดง มีมหิงสาเป็นพาหนะ พระหัตถ์ขวาถือไม้เท้ายมทัณฑ์ พระหัตถ์ซ้ายถือยมบาศพระยมสถิตอยู่ในยมโลก หรือเมืองนรก เป็นเมืองที่ใหญ่มาก อยู่นอกขอบจักรวาลในทิศทักษิณวิมานเป็นเหล็กและทองแดง อันเป็นเขตแห่งการทรมาน ของสัตว์บาปทั้งมวล มนุษย์ที่ตายไปจากโลกจะต้องไปพบกับพระยมหรือเทพแห่งความตาย เพื่อตัดสินกรรมดีกรรมชั่วที่ได้ก่อไว้ระหว่างการเป็นมนุษย์ |
|
พระวิษณุกรรม
พระวิษณุกรรม เป็นหนุ่มรูปงามในเทวโลก เป็นศิลปินเอกในหมู่เทวดา เป็นเทพบริวาร ฝ่ายช่างชองพระอินทร์ ในมหาเวสสันดรชาดกกล่าวว่า เมื่อพระเวสสันดรเสด็จมา บำเพ็ญพรต ณ เขาวงกต พระอินทร์ได้มีเทวบัญชาให้ พระวิษณุกรรมเนรมิตอาศรมให้ บรรดาช่างทั้งหลายต่างบูชาพระวิษณุกรรม เพราะถือว่าพระองค์เป็นบิดา แห่งครูช่าง ทั้งมวลวิทยาลัยเทคนิค หรือสถาบันที่เปิดสอนวิชาชีพ ทางด้านช่าง ต่างมีรูปปั้น ของ พระวิษณุกรรมไว้บูชา เพื่อขอบารมีให้ตนเองหรือสถาบันในความเป็นเลิศทางด้านฝีมือช่าง |
|
พระพิฆเนศวร
พระพิฆเนศวร เรียกกันโดยย่อว่า พระพิฆเนศ เป็นโอรสของพระศรีมหาอุมาเทวีกับ พระอิศวร มีเศียรเป็นช้าง ได้รับการยกย่องว่า เป็นจอมเทพผู้มีปัญญาเลิศ ปราดเปรื่อง ในศิลปวิทยาทุกแขนง เป็นที่เคารพยำเกรงของทวยเทพทั้งหลายบรรดาเหล่าศิลปิน จะประกอบพิธีบูชาใด ๆ จะต้องบูชาพระพิฆเนศก่อน เพื่อคารวะในฐานะบรมครู ผู้ประสาทความรู้ ความสำเร็จ สามารถขจัดอุปสรรคทั้งปวงให้สูญหาย กิจการทุกอย่าง จะสำเร็จลุล่วงได้ด้วยดี |
|