ประวัติความเป็นมาของเครือข่าย
ทบวงมหาวิทยาลัยเห็นความสำคัญของการพัฒนาอาจารย์ให้ได้คุณวุฒิปริญญาเอกเพื่อพัฒนาบัณฑิตศึกษาให้ได้
มาตราฐานสากล รวมทั้งเพื่อให้สามารถสร้างผลงานวิจัยที่มีคุณภาพ สามารถพัฒนาประเทศและแข่งขันได้
ในระดับโลก จึงได้จัดให้มีโครงการพัฒนาอาจารย์ เพื่อให้อาจารย์ได้ศึกษาต่อในระดับปริญญาโท-เอก
ที่มีคุณภาพ แต่การผลิตบัณฑิตของมหาวิทยาลัยไทยส่วนใหญ่จะดำเนินการตามลำพัง ความร่วมมือระหว่าง
สถาบันมีน้อยมาก บัณฑิตศึกษาของบางมหาวิทยาลัยยังไม่เข้มแข็ง ในขณะที่บางมหาวิทยาลัยมี
ความเข้มแข็งพอสมควร และโดยที่ในปี 2545 ทบวงมหาวิทยาลัยได้รับการจัดสรรทุนการศึกษา
สำหรับพัฒนาอาจารย์ น้อยกว่าแผนมาก อ.ก.ม.วิสามัญเกี่ยวกับ การสรรหาและพัฒนาจึงได้กำหนด
กลุ่มสาขาวิชาที่จำเป็นต้องสนับสนุนทุนพัฒนาอาจารย์ เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของคณาจารย์โดยเร่งด่วน
บางกลุ่มก่อน และได้มีการสัมมนาแล้ว 1 ครั้ง โดยเชิญมหาวิทยาลัยแกนหลัก 10 สาขา
เข้าประชุม เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2545 ปรากฏว่าสามารถจัดตั้งเครือข่ายของสาขาวิชาได้
10 สาขา เป็นการนำศักยภาพท ี่กระจัดกระจายตามที่ต่างๆ มาร่วมกันผลิตและพัฒนาอาจารย์ในมหาวิทยาลัยไทย
ให้มีมาตรฐาน เท่าเทียมกันทั้งมหาวิทยาลัยส่วนกลางและส่วนภูมิภาค และในการสัมมนาครั้งที่
2 เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2545
ณ โรงแรม โซลทวิน ทาวเวอร์ ได้มีการเพิ่มเครือข่ายของสาขาวิชาอีก 29 สาขา ซึ่งรวมถึงสาขา
nanoscience และ nanotechnology ด้วย
แนวทางและขอบเขตของการดำเนินการของเครือข่ายการวิจัย
(Cooperative Research Network-CRN)
แนวทางการดำเนินการเพื่อพัฒนาอาจารย์และบัณฑิตศึกษาควบคู่กับการพัฒนางานวิจัยด้วยการสร้างเครือข่ายการวิจัย
โดยการรวมตัวกัน ของหน่วยวิจัยในมหาวิทยาลัยไทย อย่างน้อย 2 แห่ง โดยอาจจะมีหน่วยงานวิจัยภาครัฐ
และบริษัท เอกชนเข้าร่วมเครือข่ายด้วย เพื่อสร้าง ความสามารถในการแข่งขันในเวทีโลกเพื่อให้ผลการวิจัยสนองตอบ
ตามต้องการของอุตสาหกรรม และของประเทศ
เครือข่ายวิจัยไม่ใช่โครงสร้างถาวรแต่เป็นเครือข่ายเพื่อการประสานงานและการบริหารจัดการของเครือข่าย
ที่ไม่ต้องลงทุนทางด้านกายภาพ หรือหากจะมีก็เฉพาะเท่าที่จำเป็น หากหมดความจำเป็นเครือข่ายนั้นก็ยุบตัวเองลงได้
หน้าที่หลักของเครือข่าย
เครือข่ายมีหน้าที่หลักคือ การประสานงานและบริหารจัดการกลุ่มคณาจารย์นักวิจัยจากหน่วยวิจัยต่างๆ
เพื่อให้เกิดกิจกรรม ดังนี้