พูดง่ายๆที่สุด INTERNET เป็นหนทางที่ผู้คน ติดต่อกันผ่านทางคอมพิวเตอร์
ที่เป็นเช่นนี้ได้ก็เนื่องจากว่า Internet เป็นเครือข่ายของคอมพิวเตอร์ขนาดมหึมา ซึ่งรวมเอาเครือ ข่ายต่างๆของคอมพิวเตอร์ไว้ด้วยกัน
CYBERSPACE : สถานที่ที่ผู้คนอาศัยอยู่และติดต่อกันผ่านทางคอมพิวเตอร์
การติดต่อกันนี้ทำได้ทั้งการ
คุยกัน การซื้อการขาย หรือแม้แต่การประกาศหาคู่ พูดสั้นๆก็คือว่ามนุษย์เราติดต่อกันตามธรรมดาอย่างไร
ก็สามารถติดต่อกันได้บนอินเทอร์เน็ตทั้งสิ้น
ตัวอย่างของ Cyberspace ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
- เมืองบนอินเทอร์เน็ตที่คุณสามารถพบปะผู้คนได้มากมาย
- เรียนรู้เกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมในที่ต่างๆในโลก
- อีกที่หนึ่งที่เราสามารถพบปะหาเพื่อนใหม่ๆได้จากทั่วโลก
- ดื่มน้ำอัดลม
- ดูการ์ตูน
- ดูทีวี สถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่องห้า
- ช่องเจ็ดสี ทีวีเพื่อคุณ
- ท่องไปยังห้องสมุดต่างๆทั่วโลก เพื่อค้นบัตรรายการ
- ซื้อหนังสือจากร้านหนังสือที่มีหนังสือกว่าสองล้านเล่ม
- ซื้อหนังสือจากร้านอีกแห่งหนึ่งที่มีหนังสือมากไม่แพ้กันนัก
- สั่งซื้อบทความวิชาการจากคลังข้อมูลขนาดยักษ์ แล้วให้ส่งบทความนั้นมายังเครื่องโทรสารของเราเอง
- ร่วมวงสนทนากับนิสิตจุฬาฯระดับปริญญาตรี
- เข้ากลุ่มสนทนาเกี่ยวกับเรื่องต่างๆในจุฬาฯ
- ส่งจดหมายถึงผู้สอนวิชานี้
คอมพิวเตอร์ที่มาติดต่อกันบนอินเทอร์เน็ตมีทุกรูปแบบ ตั้งแต่เครื่องเมนเฟรมใหญ่ๆ
จนถึงเครื่องโน้ตบุ๊คเล็กๆ
- ไม่มีใครเป็นเจ้าของอินเทอร์เน็ต
- เจ้าของเครือข่ายย่อยๆ (เช่นChulaNet ) เห็นประโยชน์ของอินเทอร์เน็ต จึงเชื่อมเครือข่ายของตนเข้าไป
- อินเทอร์เน็ตอยู่ได้ด้วยการร่วมมือกันของทุกๆฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากเครือข่ายอันใหญ่
โตนี้ ไม่มีผู้ใดควบคุมการรักษาให้เครือข่ายทำงานได้จึงเป็นผลประโยชน์ของทุกคน
และเมื่อใดที่มีผู้พยายามทำให้เครือข่ายนี้ล้มเหลว ผู้นั้นจะถูกต่อต้านอย่างรุนแรง
อินเทอร์เน็ตมีกำเนิดมาเมื่อราวๆ 28 ปีมาแล้ว โดยในปีค.ศ. 1969 กระทรวงกลาโหม
ของสหรัฐฯ ได้เล็งเห็นประโยชน์ของการเชื่อมคอมพิวเตอร์ต่างๆเป็นเครือข่ายเพื่อแลก
เปลี่ยนข่าวสารข้อมูล ทั้งนี้คอมพิวเตอร์ต่างๆที่มาเชื่อมกันนี้จะต้องรอดพ้นต่อการถูกโจมตี
ด้วยระเบิดนิวเคลียร์เนื่องจากในระยะนั้นยังเป็นช่วงสงครามเย็นระหว่างสหรัฐฯกับสหภาพ
โซเวียต เครือข่ายในระยะแรกเริ่มนี้มีจำนวนคอมพิวเตอร์มาเชื่อมกันเพียงสี่เครื่องเท่านั้น
โดยมีชื่อเรียกว่า ARPANET ลักษณะของเครือข่ายนี้มีความพิเศษอยู่ตรงที่ไม่มีศูนย์กลางเครือ
ข่าย ทั้งนี้เพราะว่าถ้ามีศูนย์กลางเป็นจุดรวมข้อมูล เมื่อเกิดสงครามขึ้นและศูนย์นี้ถูกทำลายลง
เครือข่ายทั้งระบบก็จะใช้งานไม่ได้ ดังนั้นผู้วางระบบเครือข่ายทางทหารนี้ก็คิดค้นวิธีที่จะกระจาย
การเชื่อมโยงออกไป เพื่อให้ทั้งระบบยังคงทำงานต่อไปนี้ ถึงแม้ว่าส่วนใดส่วนหนึ่งจะถูกทำลาย
ก็ตาม เครือข่าย ARPANET ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น INTERNET เมื่อมีผู้ใช้งานมากขึ้นและเนื้อหาไม่
เป็นเรื่องการทหารแต่เพียงอย่างเดียว
เครื่องคอมพิวเตอร์ที่มาเชื่อมกันในระยะแรกนี้ได้แก่เครื่องที่มหาวิทยาลัยแห่งรัฐยูทาห์
มหาวิทยาลัย
แคลิฟอร์เนียที่ซานตา บาร์บารา และที่ลอส แอนเจลีส และที่สถาบันวิจัยนานาชาติสแตนฟอร์ด
ต่อ
เมื่อมหาวิทยาลัยต่างๆเห็นประโยชน์ของการเชื่อมโยง ก็มาเข้าร่วมกับระบบนี้มากขึ้น
อัตราการ
เติบโตของเครือข่ายนี้เป็นไปอย่างรวดเร็วมาก จนในปัจจุบันนี้มีสมาชิกหรือเครื่องคอมพิวเตอร์ที่
ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของเครือข่ายย่อยๆมาเชื่อมกันเป็นจำนวนมากกว่าสิบล้านเครื่อง!
ในปัจจุบันอินเทอร์เน็ตไม่ได้เป็นแต่เพียงเครือข่ายทางการทหารหรือการศึกษาอีกต่อไป
ภาคธุรกิจ
ได้เข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมากในระยะหนึ่งถึงสองปีที่ผ่านมา ในเมืองไทยเราจะเห็นได้ว่า
องค์กร
ธุรกิจหลายแห่ง ได้เข้ามาเสนอตนเองบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตนี้
การที่คอมพิวเตอร์หลายเครื่องติดต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ จะต้อง "พูดภาษาเดียวกัน"
หมายความ
ว่าคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องมีการยอมรับวิธีการต่างๆในการติดต่อกันซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกัน
ใน
อินเทอร์เน็ตระเบียบดังกล่าวนี้มีชื่อเรียกว่า "TCP/IP"
อันเป็นคำย่อจากวลีว่า "Transmission Control
Protocol/Internet Protocol" คำว่า "Protocol" นี้เป็นชื่อเรียกภาษาที่เครื่องคอมพิวเตอร์ใช้ติดต่อกันทางเครือข่าย
แต่ถ้าเป็นภาษาที่เครื่องใช้ในการทำงานก็เรียกว่า "ภาษาโปรแกรม"
หรือ "Programming language."
ลักษณะพิเศษของภาษา TCP/IP นี้ก็คือว่า ภาษานี้สามารถจัดการกับความไม่แน่นอนต่างๆที่เกิดขึ้น
จากการใช้เครือข่ายได้ ซึ่งก็เป็นผลพวงมาจากการที่อินเทอร์เน็ตมีรากฐานมาจากเครือข่ายทาง
การทหารนั่นเอง